รวบโจรฉกตู้เซฟโรงสีดังอุทัยฯ

จากกรณีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในโรงสีมั่นคงธัญญา เลขที่ 37/9 หมู่ 6 ต.หนองแก อ.เมือง จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ทรัพย์สินไปหลายรายการคือ ตู้เซฟ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เครื่องเล่นวิดีโอ 1 เครื่อง กระเป๋าสะพายมีเงิน 200 บาท บัตรเครดิต 1 ใบ ส่วนในตู้เซฟมีสิ่งของมีค่าคือแหวนเพชร 7 วง แหวนทองคำ 5 วง นาฬิกาข้อมือ 2 เรือน สร้อยคอเพชรพร้อมจี้ 2 เส้น กำไลเพชร 1 คู่ ต่างหูเพชร 1 คู่ เข็มขัดทองคำน้ำหนัก 40 บาท จำนวน 1 เส้น สร้อยคอทองคำ 3 เส้น หนัก 13 บาท สร้อยข้อมือทองคำ 3 เส้น ตุ้มหูทองคำ 1 คู่ กำไลข้อมือทองคำ 3 วง รวมทรัพย์สินประมาณ 3,206,900 บาท ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ม.ค. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.ภาค 6 พล.ต.ต.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบช.ภาค 6 พล.ต.ต.ราเชนทร์ รื่นกมล ผบก.ภ.จ.ว.อุทัยธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภาค 6 ชุดสืบสวนภ.จ.ว.อุทัยธานี และชุดสืบสวนสภ.อ.เมืองอุทัยธานี นำตัวนายสมคิด แจ่มจรัส อายุ 35 ปี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และนายชัยยุทธ์ วงศ์นพคุณ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 664 ถ.จันทร์ เขตสาทร กรุงเทพ ในข้อหารับซื้อของโจร มาแถลงข่าว

จากการสอบสวนนายสมคิดให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกอีก 3 คน โดยมีนายหฤษห์ นวนอ้น นายไกรสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ และนายพงศ์พิเชษฐ พิงสำนัก โดยใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ก-4702 ปทุมธานี โดยนายพงศ์พิเชษฐเป็นเจ้าของร้านอาหารน้องพรีมหมูกระทะ ในอ.เมืองอุทัยธานี และเป็นเพื่อนกับนายหฤษห์เป็นผู้ชักชวนให้ตนมาร่วมลักทรัพย์ โดยนายหฤษห์เป็นผู้ติดต่อนายสมคิดมาเป็นผู้วางแผนการทำงาน โดยนายสมคิดเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เข้าพักที่โรงแรมพิบูลย์สุข กระทั่งวันที่ 6 ม.ค.ตกลงกันว่าจะเข้าลักทรัพย์ที่โรงสีมั่นคงธัญญา เพราะเห็นว่าบ้านหลังใหญ่ หลังจากนั้นจึงหาซื้อชะแลง เลื่อยตัดเหล็ก คีมล็อก และประแจเลื่อน คีมตัดสายไฟ และไขควง จากนั้นนายสมคิดได้ย้ายไปพักที่โรงแรมอมรสุขหน้าร.พ.อุทัยธานี

จากนั้นเวลากลางคืนนายสมคิดปีนเข้าไปภายในรั้วบ้าน โดยโหนตัวเข้าทางช่องหน้าต่างห้องน้ำที่เปิดทิ้งไว้ เมื่อเข้าไปได้แล้วนายสมคิดจึงลงมาเปิดประตูหลังบ้าน พร้อมกับได้โทรศัพท์แจ้งให้เพื่อนที่รออยู่ข้างนอกทั้ง 3 คนทราบ และยกตู้เซฟลงมา โดยถอดรองเท้าไว้ตามที่ต่างๆ และช่วยกันยกตู้เซฟ จากนั้นนำไปวางไว้บนกำแพงและผลักให้ตกกำแพงออกไปด้านนอก และยกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านนอกก่อนหนีไป และนำทรัพย์สินบางส่วน ไปขายให้กับนายชัยยุทธ์ ที่ถ.จันทร์ กรุงเทพฯ ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว