ปล้นแบงก์-จนมุม โจรคูเวตหอบ10ล.หนีซุกไทย
หลบกบดานกับเมียสาวโคราชตร.บุกโรงแรมล้อมจับ-ระทึก!เชือดคอตัวเอง
โจรคูเวตจนมุมในไทย ตร.ท่องเที่ยวบุกรวบในโรงแรมกลางเมืองโคราช เกิดชุลมุนเมื่อผู้ต้องหาดิ้นหลุด วิ่งหนีเข้าไปในร้านอาหาร แล้วคว้ามีดทำครัวเชือดคอตัวเองจนเลือดกระฉูด โดนตร.รวบตัวได้ในที่สุด แต่ไม่วายเล่นงานจนตร.นิ้วหักไปด้วย หามส่งร.พ.ผ่าตัดช่วยชีวิตด่วน ตร.เผยเบื้องหลังตามจับ ทางการคูเวตประสานผ่านสถานทูต ระบุเป็นโจรปล้นแบงก์กวาดเงินมาคิดเป็นเงินไทยกว่า 10 ล้าน แล้วบินมากบดานในไทย
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 26 ธ.ค. พ.ต.ต.ถนอมศักดิ์ อินทรบุตร สว.สส.ตำรวจท่องเที่ยว 1 กก.3 บก.ทท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนบุกจับกุมนายโมฮัมหมัด อาซิร เอ็ม เจ อัลมุดอลรี่ อายุ 29 ปี ชาวคูเวต ที่ห้องพักเลขที่ 219 โรงแรมเจ้าพระยาอินน์ ถ.จอมสุรางยาตร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นผู้ต้องหาปล้นธนาคารที่ประเทศคูเวต ได้เงินคิดเป็นเงินไทยกว่า 10 ล้านบาท แล้วหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ตามที่ทางรัฐบาลประเทศคูเวตและสถานเอกอัครราชทูตคูเวตประจำประเทศไทย ได้ประสานให้รัฐบาลไทยติดตามจับกุมตัวเพื่อนำกลับไปดำเนินคดี
"เงินซุกตู้เย็น"
ภายหลังบุกจับกุมตัวนายโมฮัมหมัด และตรวจค้นภายในห้องพักของโรงแรม ตำรวจพบหนังสือเดินทางประเทศคูเวต และกระเป๋าสะพายสีน้ำเงินภายในบรรจุเงินสดทั้งเงินดอลลาร์ เงินยูโร เงินสกุลดีน่าของคูเวต และเงินบาทไทย รวมกว่า 3 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในตู้เย็นภายในห้องพักดังกล่าว
ต่อมาตำรวจท่องเที่ยวได้ควบคุมตัวนายโมฮัมหมัดไปสอบสวนที่สถานีตำรวจท่องเที่ยว 1 กก.3 ตรงข้ามกับสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น โดยระหว่างที่นายโมฮัมหมัดเดินลงจากรถ ได้ดิ้นขัดขืนจนหลุดจากการควบคุม แล้ววิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในร้านขายอาหาร ด้านหน้าตลาดสุรนคร ห่างจากสถานีตำรวจท่องเที่ยวประมาณ 500 เมตร เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปพร้อมกับพยายามเกลี้ยกล่อมให้นายโมฮัมหมัดมอบตัว นายโมฮัมหมัดจึงหยิบมีดทำครัวของร้านอาหารขู่จะทำร้ายทุกคนที่เข้าใกล้
ทันใดนั้น เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อนายโมฮัมหมัดใช้มีดเล่มดังกล่าวเชือดคอตัวเองจนเลือดพุ่งกระฉูด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพุ่งเข้าชาร์จเพื่อจับกุมตัว แต่นายโมฮัมหมัดไม่ยินยอม พยายามต่อสู้และสะบัดตัวดิ้นไปมา เป็นเหตุให้ด.ต.สมพงษ์ พิริยะอารีกุล ผบ.หมู่ ทท.1 กก.3 บก.ทท.กระดูกนิ้วมือหัก แต่ในที่สุดก็ควบคุมตัวนายโมฮัมหมัดไว้ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบนำตัวนายโมฮัมหมัดและด.ต.สมพงษ์ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งแพทย์ได้นำตัวนายโมฮัมหมัดเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วนเนื่องจากเสียเลือดมาก และแพทย์ได้ช่วยเหลือจนอาการอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว
"กลัวถูกส่งกลับไปแขวนคอที่คูเวต"
ต่อมาพล.ต.ต.สุรสีห์ สุนทรศารทูล รองผบช.ภาค 3 เดินทางมาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อดูอาการของนายโมฮัมหมัด พร้อมเปิดเผยว่า เหตุที่นายโมฮัมหมัดพยายามฆ่าตัวตายโดยการใช้มีดเชือดคอตัวเองเพื่อหนีความผิด เนื่องจากหากถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศคูเวต จะต้องได้รับโทษสถานหนักถึงขั้นแขวนคอประหารชีวิตได้
รายงานข่าวเปิดเผยว่า คดีนี้รัฐบาลไทยได้รับการประสานงานจากรัฐบาลคูเวต ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตคูเวตประจำประเทศไทย ให้ติดตามจับกุมตัวนายโมฮัมหมัด อาซิร เอ็ม เจ อัลมุดอลรี่ อายุ 29 ปี สัญชาติคูเวต ถือหนังสือเดินทางของประเทศคูเวตเลขที่ 107327146 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีปล้นเงินธนาคารกว่า 10 ล้านบาทที่ประเทศคูเวต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมานี้เอง จากนั้นนายโมฮัมหมัดหลบหนีมากบดานในไทย โดยมาอยู่กับแฟนสาวชาวไทยชื่อน.ส.สุพรรณี กลิ่นจันทร์ ที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ข่าวแจ้งว่า หลังจากทางคูเวตประสานการล่าตัวมา ตำรวจสภ.อ.ปากช่องจึงบุกจับกุมนายโมฮัมหมัดเมื่อเช้าวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านของน.ส.สุพรรณี แต่นายโมฮัมหมัดไหวตัวทันหลบหนีไปได้
"บินกลับจากไทยไปปล้นแบงก์แล้วกลับมาอยู่กับแฟนสาวที่ปากช่อง"
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่านายโมฮัมหมัดได้เปิดห้องพักเลขที่ 219 ชั้น 2 โรงแรมเจ้าพระยาอินน์ เขตเทศบาลนครราชสีมา จึงได้เข้าจับกุมตัวดังกล่าว
ในทางสืบสวนทราบว่า ก่อนก่อเหตุปล้นธนาคารครั้งนี้ นายโมฮัมหมัดได้บินมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยอยู่ระยะหนึ่งแล้ว โดยเข้ามาอยู่ที่เมืองพัทยาก่อน จนได้รู้จักคบหากับน.ส.สุพรรณี ก่อนจะย้ายตามน.ส.สุพรรณีที่เป็นคนปากช่องไปอยู่ปากช่องด้วยกัน จากนั้น นายโมฮัมหมัดก็บินเดี่ยวกลับไปยังบ้านเกิดที่คูเวต แล้วก่อเหตุปล้นธนาคารตะวันออกกลางคูเวต เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา แล้วหอบเงินที่ได้จากการปล้นกว่า 10 ล้านบาท หนีมาประเทศไทยทันที
หลังจากนั้นตำรวจท่องเที่ยวได้แจ้งประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตคูเวตประจำประเทศไทย เพื่อมารับตัวนายโมฮัมหมัดและเงินของกลางจำนวนกว่า 3 ล้านบาท และติดตามหาเงินของกลางที่เหลืออีกกว่า 6 ล้านบาท กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศคูเวตต่อไป