ศพนักอนุรักษ์ อุ้มเผา-ฝังดิน จับผู้ใหญ่บ้าน

คดีนายธเรศ สดศรี อายุ 53 ปี แกนนำต่อต้านการ บุกรุกป่าสงวนและนักอนุรักษ์ธรรมชาติ หายตัวไปอย่างลึกลับจากบ้านพักที่กิ่ง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา ในที่เกิดเหตุพบคราบเลือดปนมันสมอง ปลอกกระสุนและหัวกระสุนปืน 11 มม. ตกอยู่จำนวนหนึ่ง เบื้องต้นคาดว่า นายธเรศถูกกลุ่มคนร้ายบุกจับตัวไปและ ทำร้ายจนเสียชีวิตแล้ว สาเหตุเพราะไปขัดขวางกลุ่มนายทุน อิทธิพลที่บุกรุกป่าและทำเหมืองแร่ในพื้นที่ ต่อมามีการ ออกหมายจับนายพิเชษฐ์ ร่มโพรีย์ อายุ 36 ปี อดีตสมาชิก อบต.บ้านบึง กิ่ง อ.บ้านคา เนื่องจากผลการตรวจสอบปลอก กระสุนปืนและหัวกระสุนปืนที่พบในบ้านของนายธเรศ ตรงกับปืนที่นายพิเชษฐ์ครอบครองอยู่นั้น

ความคืบหน้า ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 คน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. โดยชุดสืบสวน บก.ภ.จ. ราชบุรี ร่วมกับ กก.สส.ภ.7 และกองปราบปราม นำกำลังพร้อมหมายศาลบุกเข้าจับกุมตัวนายอำนาจ ร่มโพรีย์ อายุ 36 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้านบึง กิ่ง อ.บ้านคา นายสยาม พลับอิน อายุ 36 ปี และนายเดช (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ทั้งสองเป็นลูกน้องของนายอำนาจ ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่ ได้รับอนุญาต บุกรุกเคหสถานในยามวิกาล และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนนายพิเชษฐ์ที่มีกระแสข่าวว่าจับกุม ได้แล้วนั้น ปรากฏว่า ตำรวจยังจับกุมไม่ได้แต่อย่างใด

จากการสอบสวนนายอำนาจให้การปฏิเสธ ส่วนนายสยาม กับนายเดช ให้การรับสารภาพว่า อยู่ร่วมทีม อุ้มฆ่านายธเรศ โดยวันเกิดเหตุได้เข้าไปที่บ้านของนายธเรศ ตะโกนเรียกให้ออกมาจากบ้าน แต่นายธเรศไม่ยอมออกมา ตนทั้งสองกับพรรคพวกที่ยังหลบหนี จึงบุกเข้าไปลากตัวออกมา แต่นายธเรศขัดขืนจึงใช้ปืนยิงทิ้งแล้วนำศพ ขึ้นรถกระบะไปวางริมบ่อน้ำในเหมืองแร่ที่อยู่ห่างไปประมาณ 7-8 กม. จากนั้นมีผู้ร่วมทีมอีกชุดประมาณ 3-4 คน นำศพไปทำลายทิ้งต่อ โดยไม่ทราบว่านำไปทำลายที่ไหน

หลังทราบข้อมูลจากคำรับสารภาพของนายสยาม และนายเดช ชุดจับกุมจึงรายงานให้ พล.ต.ต.ชัยชาญ กิติจันทร์ ผบก.ภ.จ.ราชบุรี เดินทางมาสอบปากคำ จากนั้น นำ 2 ผู้ต้องหาไปชี้จุดที่นำศพนายธเรศไปวางไว้ และจุด ที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายจะนำศพไปทำลายทิ้ง บริเวณเหมืองแร่เฟสปา ริมถนนสายบ้านคา-โป่งกระทิง หมู่ 8 ต.บ้านบึง กิ่ง อ.บ้านคา ของนายอำนาจ ร่มโพรีย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 หนึ่งในผู้ต้องหาที่ยังให้การปฏิเสธ โดย พล.ต.ต.ชัยชาญ สั่งระดมกำลังตำรวจจากทุกโรงพักของ จ.ราชบุรี เกือบ 400 นาย กระจายกำลังปูพรมค้นหาศพนายธเรศภายในเหมืองแร่ที่มีพื้นที่กว่า 500 ไร่ โดยแบ่งกำลังเป็น 4 ชุด ใช้วิธี เดินเท้าเรียงหน้ากระดานเข้าไปค้นหาในเหมืองแร่ ลึกจากถนนประมาณ 1 กม. นอกจากนี้ยังใช้รถแบ็กโฮขุดใน จุดต้องสงสัย ให้นักประดาน้ำลงงมค้นหาในบ่อกว้าง 30 เมตร ลึกกว่า 10 เมตร และใช้เฮลิคอปเตอร์บินวนบริเวณเหมืองแร่ ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็นก็ยังไม่พบศพ

ที่ สภ.กิ่ง อ.บ้านคา ช่วงบ่าย วันเดียวกัน พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อาจิณ โชติวงศ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชัยชาญ กิติจันทร์ ผบก.ภ.จ.ราชบุรี พร้อมนายตำรวจชุดคลี่คลายคดี ร่วมกันแถลงข่าว โดย พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าว ว่า หลังเกิดคดีนายธเรศหายตัวไปจากบ้าน โดยพบรอยเลือด ปลอกกระสุนปืน และหัวกระสุนปืนที่บริเวณบ้าน

เบื้องต้นเชื่อว่า นายธเรศน่าจะถูกอุ้มฆ่าทำลายศพ แนวทางการ สืบสวนพบว่า ปมเหตุมาจากไปขัดขวางผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ บุกรุกป่า ทาง ผบ.ตร.ให้ความสนใจสั่งระดมกำลังคลี่คลายคดีให้ได้ กระทั่งการสืบสวนสาวถึงกลุ่มผู้บงการและผู้ลงมือ จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ และ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คนดังกล่าว

ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำ ผิดที่เหลือ แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ามีใครบ้าง ส่วนการค้นหาศพ นายธเรศ แม้วันนี้ยังไม่พบ แต่ตำรวจยังไม่ละความพยายาม จะได้ประสานทุกหน่วยงานมาช่วยเหลือ เช่น ขอเครื่องสูบน้ำจากชลประทานมาสูบน้ำในบ่อบริเวณเหมืองแร่เพื่อค้น หาศพ พร้อมทั้งขอกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยค้นหาศพด้วย

ต่อมาในช่วงค่ำ หลังจากตำรวจเค้นสอบสวนนายอำนาจ ร่มโพรีย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้านบึง กิ่ง อ.บ้านคา อยู่นานตลอดทั้งวัน ในที่สุดก็ยอมเปิดปากรับสารภาพว่าร่วมลงมือฆ่าโหดนายธเรศ และนำศพไปนั่งยางเผาทำลายภายในบริเวณเหมืองแร่เฟสปา พร้อมทั้งบอกจุดที่เผาทำลายทิ้ง ชุดสอบสวนจึงแจ้งข้อมูลไปยังชุดค้นหา กระทั่งพบกองเถ้ากระดูกมนุษย์ถูกฝังดินอยู่บริเวณชายป่าละเมาะข้างบ่อน้ำในเหมืองแร่ คาดว่าเป็นศพนายธเรศ ที่ถูกเผาทำลาย โดยมีเศษล้อยางรถยนต์ที่ถูกเผาไหม้จำนวน หนึ่ง จึงประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการมาเก็บรวบรวมหลักฐานไว้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาต่อไป