ตร.ญี่ปุ่นเผยยอดตาย-สูญหายพุ่งกว่า 1.8 หมื่น เตรียมต่อไฟกลับเตาปฏิกรณ์
วันนี้ (19 มี.ค.) สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า นายฮิโรยูกิ นากายามะ โฆษกกองทัพญี่ปุ่นแถลงว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือชายผู้หนึ่งซึ่งติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้านที่พังถล่มยับเยินเพราะแผ่นดินไหวและสึนามิทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ นานถึง 8 วัน โดยทหารสามารถช่วยเหลือชายหนุ่มจากใต้ซากบ้านที่พังไปครึ่งหนึ่งในเมืองเคเซนนูมะ จังหวัดมิยางิ สภาพโดยทั่วไปไม่มีร่องรอยบาดเจ็บแต่อยู่ในอาการช็อก ไม่สามารถพูดจาอะไรได้ ต่อมาจึงถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ทราบชื่อในภายหลังว่า นายคุตซึฮารุ โมริยะ อายุประมาณ 20 ปี
โฆษกกองทัพญี่ปุ่นแถลงในเวลาต่อมาว่า
ชายผู้นี้ไม่ได้เป็นผู้รอดชีวิตติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนานถึง 8 วันตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด เพียงแต่เขาเป็นผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว และ เข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว แต่ภายหลังได้หนีออกจากศูนย์พักพิงเพราะคิดถึงบ้าน แล้วกลับไปบ้านที่พังเสียหายจนเจ้าหน้าที่ไปพบตัวในที่สุด
เตรียมต่อไฟกลับเตาปฏิกรณ์
สำนักงานความปลอดภัยด้านพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เตรียมการที่จะเดินสายไฟจากภายนอกระยะทางประมาณ 1.5 กม. เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้ากลับคืนให้กับระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิชิ 250 กม.ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว เพื่อหาทางที่จะป้องกันการปล่อยสารกัมมันตภาพรังสีแพร่กระจายออกมาเกินระดับที่เป็นอันตรายขั้นวิกฤต โดยคาดว่าจะเดินสายไฟได้ถึง 4 เตาในวันเสาร์นี้ และ อีก 2 เตาในวันอาทิตย์ นอกจากนั้น โฆษกของบริษัทโตเกียว อีเลคตริค เพาเวอร์ จำกัด เจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิชิ แถลงด้วยว่า วิศวกรของบริษัทได้ทำการเจาะรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-3 นิ้ว บนหลังคาอาคารคลุมเตาปฏิกรณ์หมายเลข 5 และ 6 เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดการระเบิด
ยอดตาย-สูญหายพุ่งกว่า 1.8 คน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น แถลงตัวเลขผู้เสียชีวิตและสูญหายจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงและสึนามิซึ่งผ่านมา 8 วันแล้ว ปรากฏว่าตัวเลขอยู่ที่ระดับเกินกว่า 18,000 คนแล้ว ซึ่งคาดว่าอาจจะปรับสูงขึ้นกว่านี้อีกก็ได้ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันผู้เสียชีวิตว่ามีจำนวน 7,197 ศพ และสูญหาย 10,905 คน รวมเป็นทั้งสิ้น 18,102 คน เมื่อนับถึงเวลา 09.00 น.เช้าวันเสาร์ตามเวลาที่ญี่ปุ่น และโอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมมีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะคลื่นอากาศหนาวเย็นพัดกระหน่ำในพื้นที่ประสบภัยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา