สรุปคดีไดอาน่า ไม่ใช่ฆาตกรรม

หลังจากสอบสวนมา 3 ปี ผลเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์


สกอตแลนด์ยาร์ดสรุปแล้วคดีเจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์ ระบุสอบสวน 3 ปีผลออกมาเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ใช่การฆาตกรรม เลดี้ไดอาน่าไม่ได้ตกเป็นเหยื่อการลอบสังหาร

ระบุผลตรวจดีเอ็นเอโชเฟอร์ของเจ้าหญิงพบปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่ากฎหมายกำหนดถึง 3 เท่า ประกอบกับโดนปาปาราซซี่ไล่กวดเลยเร่งเครื่องหนีจนเกิดชนสนั่นอุโมงค์ เผยหลังการสิ้นพระชนม์ก็เกิดกระแสข่าวลือออกมาหนาหูว่าเป็นแผนลอบสังหาร เพราะไม่ต้องการให้เจ้าหญิงคนดังไปแต่งงานกับคนมุสลิม


เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ประเทศอังกฤษ รายงานว่า คดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าแห่งเวลส์ ได้ข้อยุติแล้ว หลังจากตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดใช้เวลาทำคดี 3 ปีเต็ม

โดยในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ลอร์ด สตีเฟนส์ หัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนจะแถลงว่าเจ้าหญิงไดอาน่าและนายโดดี้ อัล-ฟาเยด คนรักใหม่ของพระองค์ เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ใช่ตกเป็นเหยื่อของแผนลอบสังหารตามที่มีกระแสข่าวลือต่างๆ นานาออกมา


เดอะ การ์เดียน แจ้งว่า คณะกรรมการสอบสวนการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า นำโดยลอร์ด สตีเฟนส์ จะระบุว่า นายอองรี พอล ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์ของเจ้าหญิงไดอาน่าและนายโดดี้นั้นขับรถในขณะมึนเมา และสูญเสียการควบคุมรถขณะแล่นผ่านอุโมงค์ปงต์ เดอ ลัลมา กรุงปารีส ส่งผลให้รถพุ่งชนกำแพงอุโมงค์ จนเป็นเหตุให้ทั้งคนขับรถ เจ้าหญิง และนายโดดี้ เสียชีวิตทั้งหมดเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2540


ผลการสอบสวนโดยลอร์ด สตีเฟนส์ ที่หลุดมาถึงมือสื่อมวลชนอังกฤษ ชี้ว่า ผลตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดและดีเอ็นเอของนายอองรี พอล หลังเกิดเหตุพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายจราจรฝรั่งเศสกำหนดไว้ 3 เท่า และการที่มีช่างภาพปาปาราซซี่ขับยานพาหนะติดตามมาถ่ายภาพเจ้าหญิงไดอาน่ายังมีส่วนทำให้นายอองรีตัดสินใจเร่งความเร็วรถให้มากขึ้น


ขณะอยู่ในอุโมงค์ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีรถเฟียต รุ่น อูโน่ มาเฉี่ยวรถเมอร์เซเดซเบนซ์ของเจ้าหญิงไดอาน่าก่อนเกิดอุบัติเหตุนั้น รายงานของลอร์ด สตีเฟนส์ ไม่ได้ให้ความสนใจแต่อย่างใด และจนถึงปัจจุบันตำรวจอังกฤษยังตามหารถเฟียตคันดังกล่าวไม่พบ

"การแถลงปิดคดีของลอร์ด สตีเฟนส์ ในสัปดาห์นี้ถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกับที่ศาลฝรั่งเศสเคยตัดสินเมื่อปี 2542 ว่าเจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์เพราะอุบัติเหตุรถชนกำแพงอุโมงค์" เดอะการ์เดียน ระบุ


นอกจากนั้น รายงานการสอบสวนของลอร์ด สตีเฟนส์ จะเปิดเผยด้วยว่า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเจ้าหญิงไดอาน่าจะสิ้นพระชนม์และพักอยู่ในโรงแรมริตซ์ หน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกาได้ลักลอบดักฟังโทรศัพท์ของพระองค์โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากหน่วยข่าวกรองอังกฤษ ซึ่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐยอมรับว่าดักฟังจริง พร้อมกับนำเทปบันทึกเสียงบทสนทนาของเจ้าหญิงในวันนั้นมาให้ทางการอังกฤษตรวจสอบ แต่ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่เชื่อมโยงถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์


และพบด้วยว่า หน่วยสืบราชการลับฝรั่งเศสจ่ายเงินให้นายอองรี พอล คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหญิงอีกด้วยรายงานข่าวระบุว่า ภายหลังจากเจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์ มหาเศรษฐีโมฮัมเหม็ด อัล-ฟาเยด บิดาของนายโดดี้

แถลงว่าทางการอังกฤษลอบสับเปลี่ยนตัวอย่างเลือดของนายอองรี พอล เพื่อสร้างภาพให้นายอองรีกลายเป็นขี้เมาและแพะในคดีนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นแผนของราชวงศ์และทางการอังกฤษที่ต้องการสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหญิงไดอาน่าแต่งงานใหม่กับนายโดดี้ ซึ่งเป็นคนมุสลิม


ต่อมา มีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิดในทำนองดังกล่าวมากมาย เช่น มีทฤษฎีหนึ่งพยายามชี้ว่าราชวงศ์อังกฤษสั่งฆ่าไดอาน่า เพราะไม่พอใจที่เจ้าหญิงไดอาน่าหย่าขาดจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารอังกฤษแล้วไปคบหากับมุสลิมอย่างนายโดดี้ และไม่ต้องการให้เจ้าชายวิลเลียม



พระโอรสเจ้าหญิงไดอาน่าและว่าที่กษัตริย์อังกฤษมีพ่อเลี้ยงคนใหม่เป็นมุสลิม และบางทฤษฎีเชื่อว่าเจ้าหญิงไดอาน่าถูกลอบฆ่าเพราะตั้งครรภ์กับนายโดดี้ ขณะที่นายพอล เบอร์เรลล์ อดีตพ่อบ้านของเจ้าหญิงไดอาน่า เขียนหนังสือระบุว่า ก่อนเจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ประมาณ 10 เดือน ทรงเคยเขียนจดหมายส่งมาเล่าให้ฟังว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กำลังวางแผนลอบสังหารพระองค์อยู่

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์