โจรป่วนใต้สอย 7 ศพ ตชด. 2 ทหารอีก 1

"โจรใต้ฆ่า 7 ศพ รวด"


โจรป่วนใต้ผยองไล่ฆ่าเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ดับสังเวยวันเดียว 7 ศพรวด โดยรายแรกเมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ (6 ธ.ค.) ขณะที่ จ.ส.อ.นิธร ทองประเสริฐ อายุ 46 ปี หัวหน้าชุดร้อย 2513 ร.25 พัน 2 พร้อมกำลัง ใช้รถฮัมวีออกลาดตระเวนเส้นทางคุ้มครองครูไปตามถนนสายโฉลง-สะเอะ ถึงหมู่ 1 บ้านตะโละลีบู ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ถูกคนร้ายดักซุ่มจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ฝังดักไว้ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้รถฮัมวีกระเด็นพุ่งเข้าไปในป่าข้างทางพังยับเยิน

และคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงถล่มซ้ำ ทำให้เกิดปะทะเดือดประมาณ 5 นาที ก่อนฝ่ายคนร้ายจะอาศัยความชำนาญพื้นที่ล่าถอยขึ้นเขาหลบหนีไปได้ ส่วนการปะทะครั้งนี้ จ.ส.อ.นิธร ทองประเสริฐ หัวหน้าชุด กับ ส.อ.สิมาพันธ์ วิจิตร อายุ 27 ปีและพลทหารสุวัฒน์ สกุลแพทย์ อายุ 22 ปี บาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา และ จ.ส.อ.นิธรเสียชีวิตระหว่างนำส่ง
ต่อมา พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จ.ยะลา ได้รับรายงานพร้อม พ.ต.อ.วันชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผกก.สภ.อ.กรงปินัง พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ สุวพิชญ์ภูมิ รอง ผกก.ป.นำกำลังไปตรวจที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดขนาดใหญ่กับชิ้นส่วนระเบิด และปลอกกระสุนปืนกระจายเกลื่อน นอก จากนี้พบร่องรอยคนร้ายขุดเจาะดินข้างถนนเป็นโพรงลึก 5 เมตร เพื่อใช้ฝังระเบิดบรรจุถังดับเพลิงน้ำหนักกว่า 10 กก. พร้อมต่อสายไฟลอดท่อระบายน้ำใต้พื้นถนนลากขึ้นไปบนเนินเขายาวกว่า 100 เมตร เพื่อจุดชนวนระเบิดด้วยแบตเตอรี่

"เอ็ม 16 ลูกซอง ยิงร่างพรุน"


ก่อนหน้านั้นเมื่อเวลา 07.30 น. ร.ต.ท.ศิริชัย สุขสารัญ ร้อยเวร สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิต 2 ศพ บนถนนบ้านปีแซคละ หมู่ 8 ต.ตลิ่งชัน พบศพนายสนิท ปักสี อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 125 หมู่ 1ต.ตลิ่งชัน และศพนายสุรินทร์ ถาริยะ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 225/1 หมู่ 13 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 และปืนลูกซองร่างพรุน และมีผู้บาดเจ็บ 1 รายชื่อนายอนันต์ เถนนิยม อายุ 32 ปี ถูกยิงตามร่างกายหลายแห่ง นำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา สอบพบว่าผู้ตายและคนเจ็บมีอาชีพกรีดยางพารา ขณะเกิดเหตุขี่รถ จยย.ซ้อนท้ายกันมาถึงที่เกิดเหตุ ถูกคนร้ายดักยิงถล่ม นายสนิทและนายสุรินทร์ถูกยิงตกรถ และนายสุรินทร์แข็งใจชักปืน .38 ยิงต่อสู้กับคนร้ายจนถูกยิงถล่มซ้ำร่างพรุนเสียชีวิตคาที่ก่อนคนร้ายชิงเอาปืนพกของนายสุรินทร์หลบหนีไป ส่วนนายอนันต์ถูกยิงขี่รถหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านพาส่งโรงพยาบาล

ต่อมาเวลา 12.00 น. ร.ต.ต.วิรกิจ แก้วนวลจริง ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันที่ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ หมู่ 3 บ้านลีมุด ต.ท่าสาป ไปสอบสวนพบร่างนายสุนทร หัวเพชร อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 179 หมู่ 1 ต.ยุโป ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่ศีรษะ 1 นัด นำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา สอบ พบว่านายสุนทรเป็นลูกจ้างของสำนักงานโครงการส่งน้ำแม่น้ำปัตตานี ขับรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน บจ 4375 ยะลา นำถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 2 ถัง ไปซื้อน้ำมันที่ปั๊ม เพื่อนำไปขายในหมู่บ้าน มี ด.ญ.ชยานิตย์หัวเพชร ลูกสาววัย 2 ขวบ นั่งมาด้วย ถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้าย 4 คนขี่รถ จยย.ไล่ยิงถล่มบาดเจ็บ คนร้ายลากตัวนายสุนทรกับลูกสาวออกจากรถชิงเอาปืนพก .38 กับรถกระบะหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ติดตามไปพบรถกระบะของผู้ตายถูกขับไปจอดหน้าบ้านเลขที่ 47/1 หมู่ 3 ต.ลิดล ขณะเดียวกันคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน ชื่อนายอาบือนิง สาแล และนายดุษดี ลาโซะ ราษฎรในพื้นที่ไว้สอบสวน ส่วนเจ้าของบ้านชื่อนายยะโก๊ะ ดอเลาะ อายุ 40 ปี ขณะเข้าตรวจค้นไม่มีใครอยู่ในบ้าน

"คนร้ายลอบยิงกราดอาก้าถล่มตายคาที่"


ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 09.30 น. พ.ต.ต.วิพัฒน์ สุวรรณรัตน์ สารวัตรเวร สภ.อ.ยะรัง รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่ ตชด.ถูกยิงเสียชีวิต 2 นาย บริเวณริมถนนสายปัตตานี-ยะลา หมู่ 3 ต.ประจัน ไปสอบสวนพบศพผู้ตายในชุดเครื่องแบบนอนตายบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 12/4 ทราบชื่อ ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ ชวดต่าย อายุ 25 ปี และ ส.ต.ต.ชัชนพล ชอบชื่น อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่ ตชด.มว.1102 ถูกยิงด้วยปืนอาก้าที่ศีรษะและบริเวณลำตัวหลายแห่ง สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายทั้ง 2 กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยครูในที่เกิดเหตุ ถูกคนร้ายลอบใช้ปืนอาก้ากราดยิงถล่มเสียชีวิตคาที่ แล้วคนร้ายพยายามจะเข้ามาชิงอาวุธปืนประจำกาย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ ตชด.ชุดเดียวกันที่รักษาความปลอดภัยใกล้กัน ได้ยินเสียงปืนรีบเข้ามาช่วยเหลือเกิดปะทะยิงต่อสู้กับคนร้าย ก่อนคนร้ายจะชิงเอาอาวุธปืนของผู้ตายวิ่งหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้าน พร้อมโปรยตะปูเรือใบสกัดการติดตามไล่ล่าของเจ้าหน้าที่

ด้าน จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 08.15 น. ร.ต.ต.รำรี วาเต๊ะ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตในร้านซัง-ซง มินิมาร์ท บ้านดาแลปาลัส หมู่ 3 ต.ลำภู พบศพนายอาเซ็ง สะนิ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านถูกยิงด้วยปืนที่หน้าอกและไหล่ขวา รวม 3 นัด มีนางมีเนาะ มะเย็ง ภรรยากับลูกสาวฝาแฝด 2 คนชื่อน้องซังและน้องซง วัย 6 ขวบ กอดศพร่ำไห้อย่างน่าเวทนา นางมีเนาะเปิดเผยว่า นายอาเซ็งสามีเป็นอดีตนายก อบต.ลำภู ขณะเกิดเหตุตนกำลังเปิดร้าน ส่วนผู้ตายแต่งตัวให้ลูกสาวทั้ง 2 คน เตรียมไปโรงเรียน มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.มาจอด ทำทีเข้ามาขอซื้อบุหรี่และถามหาผู้ตาย ตนคิดว่าเป็นคนรู้จักจึงตะโกนเรียกผู้ตาย พอเดินออกมาคนร้ายก็ชักปืนกระหน่ำยิงใส่ ล้มทรุดเสียชีวิตคาที่แล้ววิ่งไปขึ้นรถพากันหลบหนีไป

"เปิดการฝึก จนท. ทหารพราน"


วันเดียวกัน พล.ต.กสิกร คีรีศรี รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานปิดการฝึกเจ้าหน้าที่ทหารพรานหลักสูตรการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ รุ่นที่ 1 ที่สนามโรงเรียนบ้านคลองตีนเป็ด ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช มีกำลังพลจากกรมทหารพรานที่ 42 กับกรม ทหารพรานที่ 44 และอาสมัครทหารพรานเข้ารับการฝึก มีผู้สำเร็จการฝึก 195 นาย ด้าน พ.อ.ชาญประดิษฐ์ แสงนิล รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า หลังจบหลักสูตรการฝึกกำลังทหารพรานชุดนี้ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ ทางกองทัพภาคที่ 4 จะนำอาสาสมัครทหารพรานที่รับสมัครใหม่จากคนในพื้นที่ 800 นายมาฝึกเข้มอีกประมาณ 1 เดือน โดยให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ผ่านการฝึกชุดนี้มาเป็นครูฝึกให้ก่อนส่งเข้าประจำกองร้อยทหารพราน 30 กองร้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดับไฟใต้ต่อไป

ที่กระทรวงศึกษาธิการ สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องต่อรัฐบาลกรณีการแก้ปัญหาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายสนอง ทาหอม ประธานสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาพันธ์สมาคมครูฯทั้ง 4 ภาคต้องการเรียกร้องให้ 1. รัฐบาลยอมรับความจริงถึงความรุนแรงของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ยากจะควบคุมในระดับธรรมดา เพราะเป็นปัญหาระดับสากล 2. จัดเสริมกำลังกลไกอำนาจรัฐที่เข้มแข็งเข้าควบคุมพื้นที่ 3 จังหวัดให้เข้าสู่ภาวะที่สงบและปลอดภัยโดยเร็ว 3. ให้หน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงศึกษาธิการ สั่งปิดโรงเรียนที่มีปัญหารุนแรงใน 3 จังหวัดอย่างน้อย 1 เดือน หรือจนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และ 4. กรณีที่ไม่สามารถคุ้มครองดูแลความปลอดภัยครูใน 3 จังหวัดภาคใต้ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่จัดการเรียนการสอนให้กับเยาวชนได้ ทางสมาพันธ์ครูฯจะกำหนดมาตรการในขั้นต่อไป ซึ่งหากรัฐบาลไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องในข้อ 3 ทางสมาพันธ์ฯจะร่วมกับครูใต้หยุดการเรียนการสอนทั่วประเทศ เพราะขณะนี้สถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน และครูในพื้นที่เองก็มีความหวาดกลัว ส่วนเรื่องการเรียนการสอนครูทุกคนในพื้นที่ยินดีจะสอนชดเชยให้

"เครือข่ายครู 3 จังหวัดเข้าใจรัฐทำดีที่สุดแล้ว"


ด้านนายธวัช แซ่อึ่ง ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เครือข่ายครูในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ไม่ได้รับทราบเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าว และข้อเรียกร้องที่ระบุว่าต้องการให้รัฐบาลปิดเรียนเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่นั้น เป็นข้อเรียกร้องที่ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และไม่มีความจำเป็นที่โรงเรียนในพื้นที่จะต้องทำเช่นนั้น โดยจุดยืนขององค์กรครูในพื้นที่ไม่เคยคิดที่จะใช้วิธีกดดันรัฐบาลด้วยการปิดโรงเรียนเป็นระยะเวลานานๆ เพราะจะเป็นการเข้าทางผู้ก่อการร้ายที่ต้องการจะสกัดไม่ให้คนในพื้นที่ส่งเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนของภาครัฐ นอกจากนี้ จะหันมาศึกษาแนวทางป้องกันความปลอดภัยกันเอง คิดว่ารัฐบาลดูแลปัญหาในพื้นที่อย่างดีที่สุดแล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกรงว่าน่าจะเกี่ยวข้องโยงใยกับการเมืองมากกว่า

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับรายการ 101 East ของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ประเทศมาเลเซีย ซึ่งดำเนิน รายการโดยนายทีย์มอร์ นาบิลี (Teymoor Nabili) ซึ่งจะออกอากาศผ่านสัญญาณดาวเทียมในประเทศมาเลเซียในวันที่ 9 ธ.ค. เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศมาเลเซีย และจะทยอยออกอากาศเผยแพร่ในประเทศมุสลิมอีก 80 ประเทศทั่วโลก

"เปิดเผยบทสัมภาษณ์"


ต่อมาเวลา 17.30 น. ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงบทสัมภาษณ์ดังกล่าวว่า ผู้สื่อข่าวอัลจาซีราได้สอบถามถึงประสบการณ์ของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตอบว่า เคยทำงานในพื้นที่ภาคใต้มาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะช่วงที่ดำรงตำแหน่งองคมนตรีก็ได้ริเริ่มโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ โดยได้นำเยาวชนมุสลิมจากภาคใต้ขึ้นมาอยู่กับชาวมุสลิมที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเยี่ยมชมพื้นที่ต่างๆ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์กับเยาวชนเหล่านั้น

ผู้สื่อข่าวอัลจาซีราได้ถามนายกรัฐมนตรีถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ โดยย้ำว่าความรุนแรงในพื้นที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาอะไร ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า มีหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนั้นจะตัดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งไปไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือความไม่เป็นธรรมในสังคม พอถึงตอนนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้ฟื้น ศอ.บต.ขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและการแก้ปัญหาภาคใต้ ซึ่งจะรวมไปถึงการแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตด้วย ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวถึงระดับความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ปัญหาภาคใต้ว่าคืออะไร นายกรัฐมนตรีตอบว่า อันดับแรกคือการแก้ไขความไม่เป็นธรรมในสังคม และ 2 คือโอกาสในการศึกษา เพราะเยาวชนในภาคใต้ ยังขาดโอกาสทางการศึกษา เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ

"ร่วมมือกับมาเลเซียอย่างใกล้ชิด"


ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีการมีข่าวผู้สนับสนุนให้เกิดเหตุร้ายขึ้นว่า รัฐบาลจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร โดยนายกรัฐมนตรีตอบว่า รัฐบาลได้เปิดกว้างสำหรับการพูดคุยและปรับความเข้าใจกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงไปพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่นและเยาวชน ซึ่งนายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่าการแก้ปัญหาภาคใต้จะต้องทำในระยะยาว

ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรายังถามนายกรัฐมนตรีถึงความร่วมมือกับรัฐบาลมาเลเซียในการแก้ไขปัญหา ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบว่า ขณะนี้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับนายอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการเขียนโครงการให้เด็กและครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสไปดูงานการเรียนการสอนในประเทศมาเลเซีย

"ตั้งใจวางรากฐานไว้ให้รัฐบาลชุดต่อไป"


ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวถามต่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศไทยจะมีการร่างเนื้อหาในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ลงไปด้วยหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ก็คงจะไม่โดยตรง แต่ว่าจะมีการเน้นในการกระจายอำนาจลงไปในระดับจังหวัด ระดับพื้นที่ และจะเสริมความเข้มแข็งขององค์กรท้องถิ่น ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและจัดงบประมาณสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรายังตั้งคำถามอีกว่า รัฐบาลจะประเมินผลการแก้ปัญหาภาคใต้ต่อไปอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใน 3 เดือนนี้หลังจากที่ฟื้น ศอ.บต.ขึ้นมา ก็จะนำมาประเมินผลของนโยบายสร้างความสมานฉันท์ คงจะต้องรอดูผลในอีก 3 เดือนต่อจากนี้ เพราะเรื่องปัญหาภาคใต้เป็นวาระสำคัญที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ อย่าง ไรก็ตาม พล.อ.สุรยุทธ์ยังย้ำว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันนี้จะวางรากฐานในการแก้ปัญหาทางการเมืองและปัญหาในภาคใต้ เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปที่จะมาจากการเลือกตั้งเป็นผู้สานต่อ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์