ป่วนใต้ฆ่าโหด ฟันคอนร.ม.5

"ไทยพุทธยังทยอยย้ายไปอยู่วัด"


สถานการณ์ไฟใต้ยังลุกโชนไม่หยุด กลุ่มโจรผยอง เหิมเกริมอาละวาดฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เว้นแม้กระทั่งครูและ นักเรียน ส่งผลให้สมาพันธ์ครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกาศหยุดสอนไม่มีกำหนด ขณะที่กลุ่มคนไทยพุทธยังคงทยอยอพยพครอบครัวมาอยู่วัดเพิ่มขึ้น เพราะไม่มั่นใจ ความปลอดภัย ล่าสุดมีนักเรียนถูกฆ่าโหดสังเวยไฟใต้ เพิ่มอีก 1 รายแล้ว

ฆ่าฟันคอ นร.ม.5 ชิงรถ จยย.

โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พ.ย. ร.ต.ต.สุเมธ คงเขียว ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งพบศพถูกฆ่าริมถนนในหมู่บ้านไอกวิง หมู่ 3 ต.ปะลุรู จึง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก. นำกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองรุดไปที่เกิดเหตุ พบศพนายศักดา รักชน อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 3 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นอนตายจมกองเลือดอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียน โรงเรียนมัธยมสุไหงปาดี (มสด.) มีบาดแผลถูกฟันที่หัวไหล่ ขวาและลำคอห้อยร่องแร่งหวิดขาด นอกจากนี้ ยังมีแผลถูกแทงซ้ำที่หน้าอกรวม 3 แผล เสียชีวิตมาประมาณ 7-8 ชม. จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนมัธยมสุไหงปาดี (มสด.) หลังเลิกเรียนเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ผู้ตายขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน ขกล 784 นราธิวาส จะกลับบ้านแต่หายสาบสูญไป จนกระทั่งมีชาวบ้านมาพบถูกฆ่าตายห่างจากบ้านตัวเองเพียง 400 เมตร โดยคนร้ายชิงเอารถ จยย.ของผู้ตายไปด้วย ส่วนสาเหตุ คาดว่าถูกแนวร่วมโจรใต้ดักฆ่าชิงรถ จยย.เพื่อจะนำไป ใช้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

บึมถล่มชุดลาดตระเวนเจ็บ 2

ถัดมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.ต.นรเศรษฐ์ สุขศรี ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้าย ลอบวางระเบิดถล่มทหารบนถนน ใกล้คอสะพานบ้านอาแน หมู่ 8 ต.บองอ มีทหารได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง จึงพร้อม ด้วย พ.ต.ท.วิเชียร ยันตรัตน์ รอง ผกก.ป. นายประคอง คงแก้ว นอภ.ระแงะ พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.ภ.จ.นราธิวาส นำกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองรุดไปตรวจสอบ บริเวณ ริมถนนห่างคอสะพานบ้านอาแน ประมาณ 3 เมตร มีหลุม ระเบิดกว้าง 3.10 เมตร ลึก 1.4 เมตร และพบเศษชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบสายไฟฟ้าลากเข้าไปในสวนเงาะของชาวบ้าน ห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร แรงระเบิดยังทำให้ท่อประปาหมู่บ้านแตกเสียหาย สะเก็ดระเบิดยังทำให้รถยูนิม็อก ทะเบียนตรากงจักร 85104 เสียหายที่บังโคลนหน้า ตัวถังและไฟเลี้ยวขวาแตก มีทหาร ถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ 2 นาย คือ จ.ส.ต.ปรีชา อิ่มใจ อายุ 40 ปี และ จ.ส.ต.ปานทอง อุ่นบุญเรือง อายุ 45 ปี ทั้งคู่ถูก สะเก็ดระเบิดที่แขนขวาได้รับบาดเจ็บนำส่ง รพ.ระแงะ

ใช้ระเบิดหนัก 15 กก.หวังฆ่าหมู่


จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ท.ดำรงค์ พลเคน ผบ.มว.ร้อย ร.1312 ฉก.34 นำกำลัง 18 นาย แบ่ง นั่งประจำบนรถยูนิม็อก 11 นาย มี ส.อ.ไพรินทร์ บันพามล อายุ 49 ปี เป็นพลขับ ส่วนกำลังทหารอีก 8 นาย ขี่รถ จยย.ซ้อนท้ายกันอีก 4 คัน ทำหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ออก ลาดตระเวนตามเส้นทางในหมู่บ้านอาแน เมื่อมาถึงที่เกิด เหตุพบรถจักรยาน 2 ล้อ จอดอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือแต่ ไม่พบคนขี่ ท่าทางน่าสงสัย จึงเร่งเครื่องหลบมาทางขวา คนร้ายที่แอบซุ่มอยู่ข้างทางด้านขวา ได้กดชนวนจุดระเบิด ที่คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดชนิดถังดับเพลิงหนัก 15 กก. ที่ฝังไว้ใต้พื้นถนนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น จากนั้นคนร้าย ได้เปิดฉากยิงเข้าใส่อีกหลายสิบนัด ทาง ร.ท.ดำรงค์ได้สั่ง กระจายกำลังยิงตอบโต้เกิดการปะทะกันนาน 5 นาที ฝ่าย คนร้ายจึงล่าถอยไป ทิ้งไว้แต่รถจักรยานสองล้อ ปลอกกระสุน ปืนอาก้าและเอ็ม 16 จำนวนหนึ่ง รวมไปถึงแบตเตอรี่รถยนต์ ชนิด 12 โวลต์อีก 1 ลูก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งจัดกำลังออกสะกดรอยคนร้ายรายนี้แล้ว

ซุ่มยิงหนุ่มลูกจ้างกรีดยางเจ็บ

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 27 พ.ย. ขณะที่นายมะลีเป็ง เจ๊ะมะ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส อาชีพรับจ้าง กรีดยาง กำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อนๆอยู่ในสวนยางบ้านโผลงหลังวัดปริมังคลาวาส หมู่ 5 ต.โต๊ะเด็ง ถูกคนร้ายใช้ปืนลูกซองยิงเข้าใส่ กระสุนถูกไหล่ขวาและเฉี่ยวที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บ เพื่อนๆช่วยนำส่ง รพ.สุไหงปาดี หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.กฤษณะ เข็มกลัดทอง ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี นำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบของกลุ่มโจรใต้

รร.ศาสนาเปิดสอนตามปกติ

ด้านนายไพศาล ตอยิบ นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งประเทศไทย และผู้จัดการ โรงเรียนอัตตัรกียะห์อิสลามียะห์ จ.นราธิวาส กล่าวว่า โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามทั้ง 41 แห่ง ใน จ.นราธิวาส จะไม่ปิดโรงเรียนตามที่สมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความร่วมมือ เพราะยังไม่มีความจำเป็นต้องปิดโรงเรียนในขณะนี้ เนื่องจากในเขตเทศบาลมีความปลอดภัยสูง ประกอบกับเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เรียนอ่อนอยู่แล้ว ถ้าปิดโรงเรียนจะกระทบต่อเด็กมากเกินไป หากจะปิดโรงเรียนต้องมีเหตุผลเพียงพอที่จะชี้แจงผู้ปกครองเด็กได้ ส่วนครูไทยพุทธที่เข้าไปสอนวิชาสามัญในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนานั้น ทางโรงเรียนจะดูแลให้เป็นกรณีพิเศษ อย่างไรก็ตาม หากโรงเรียนไหนมีความจำเป็นที่จะต้องปิดโรงเรียน ก็ให้อำนาจ ผอ.แต่ละโรงเรียนเป็นผู้ตัดสินใจได้ทันที

รวบ 2 โจ๋โจรป่วนใต้จนมุมคา รพ.


ส่วนที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 28 พ.ย. พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลาพร้อมกำลัง จับกุมนายดอเลาะ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาวบ้านตำบลสะเตงนอก ขณะเดินทางไปพบแพทย์ที่ รพ.ศูนย์ยะลา เพื่อให้ทำแผลจากการถูกยิงที่เหนือหัวเข่าซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน สอบสวนให้การอ้างว่าถูกยิงช่วงที่ขี่รถ จยย.ออกไปซื้อแกงช่วงหลังเที่ยงคืน บริเวณศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพัฒนาชุมชนเขต 9 ยะลา ถนนสุขยางค์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากรูปพรรณสัณฐานไปตรงกับ 1 ใน 2 คนร้ายที่พยายามก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจบนถนนเวฬุวัน แต่ถูกชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านที่ผ่านมาประสบเหตุใช้ปืนไล่ยิงบาดเจ็บก่อนจะหลบหนีไป หลังใช้ความพยายามสอบสวนอยู่นานจึงยอมรับสารภาพว่าร่วมกับนายมะยูโซะ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ขี่รถ จยย.ไปปาก้อนหินใส่บ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง หวังล่อให้ตามไปให้เพื่อนอีกชุดที่ดักซุ่มอยู่ข้างทางใช้ปืนถล่มยิง แต่ถูก ชรบ.ไล่ยิงจนบาดเจ็บ ต้องหนีไปกบดานที่บ้าน แต่ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงตัดสินใจมาพบแพทย์ก่อนจะถูกจับดังกล่าว หลังทราบรายละเอียดจึงขยายผลตามจับตัวนายมะยูโซะมาอีก 1 คน ส่งให้ทางศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา (ศปก.ตร.สน.ยะลา) สอบปากคำขยายผลต่อไป

ไล่ยิงหนุ่มไทยพุทธเจ็บอีก 1

ถัดมาเวลา 17.45 น. วันเดียวกัน ขณะที่นายเดชอนันต์ เพชรหึง อายุ 29 ปี ชาวไทยพุทธ อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 2 บ้านทับช้าง ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ขี่รถ จยย.กลับจากตลาด ระหว่างทางใกล้ถึงหมู่บ้าน ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน ซุ่มยิงจากป่าทึบริมถนน กระสุนเจาะไหล่ซ้ายทะลุหลังได้รับบาดเจ็บ แต่นาย เดชอนันต์ยังแข็งใจเร่งเครื่องรถ จยย.หลบหนีเข้าไปในหมู่บ้าน โดยทหารชุด ฉก.12 ได้นำตัวนายเดชอนันต์ส่งรพ.บันนังสตา พร้อมทั้งแจ้งให้ พ.ต.ท.เดชาวุธ เจ๊ะเต๊ะ รอง ผกก.ป.สภ.อ.บันนังสตา นำกำลังรุดมาตรวจสอบ คาดเป็นฝีมือโจรใต้ต้องการสร้างสถานการณ์รุนแรงรายวัน

รามันเดือดยิง ผช.ผญบ.ร่อแร่

อีกรายเมื่อเวลา 18.15 น. ร.ต.ต.จิรายุ ภู่ระหงษ์ ร้อยเวร สภ.อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรามันว่ามีคนถูกยิงบาดเจ็บมารักษาตัว รุดไปสอบสวนทราบชื่อนายอับดุลรอแม การีอูมา อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 2 บ้านบาตะติงงี ต.กอตอตือระ อ.รามัน ถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดที่หน้าท้อง 2 นัด และแขนขวาอีก 2 นัด อาการสาหัส ต้องส่งต่อไปรักษาที่ รพ. ศูนย์ยะลา จากการสอบสวนทราบว่านายอับดุลรอแม เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง หมู่ 2 ต.กอตอตือระ ขณะเกิดเหตุได้ขี่รถ จยย.กลับจากทำสวนโดยมี ด.ช.อาดือนัน ลูกชายวัย 10 ขวบ นั่งซ้อนท้ายมาด้วย ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย. ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน ไล่ตามยิงนายอับดุลรอแมจนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ส่วนลูกชายรอดตายหวุดหวิด คาดเป็นฝีมือโจรใต้เช่นกัน

เจ้าวัดจวกเร่งอพยพกลับบ้าน


ด้านพระครูเขมวงศานุการ เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวกรณีมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานแห่งหนึ่ง เข้ามาติดต่อแกมบังคับชาวไทยพุทธที่อพยพหนีภัยจากโจรใต้เข้ามาอยู่ที่วัดให้ย้ายกลับถิ่นฐานเดิมว่า ขณะนี้คนไทยพุทธจากพื้นที่ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา และ ต.แม่หวาด อ.ธารโตจ.ยะลา จำนวน 227 คน ที่ยังคงอาศัยอยู่ที่วัด ไม่ได้มีการย้ายกลับถิ่นฐานแต่อย่างไร หากกลับไปตอนนี้ก็ยังคงอันตรายมาก เพราะเหตุการณ์ยังมีความรุนแรงอยู่ อาตมาเคยถามพวกชาวบ้านที่อพยพมาอยู่วัดแล้วว่า หากเจ้าหน้าที่ทหารสามารถทำให้พื้นที่ตรงนั้นมีความปลอดภัยแล้วจะกลับกันไปหรือไม่ ได้รับคำตอบว่าจะกลับบ้านแน่นอน ดีกว่ามานอนในวัด รายได้ก็ไม่มี เด็กๆก็ไม่ได้เรียนหนังสือขณะที่ตัวแทนชาวบ้านระบุว่า หากพวกตนย้ายกลับไปอยู่บ้านเดิมแล้วเป็นอะไรไป พวกข้าราชการที่เกี่ยวข้องจะยอมลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ ขนาดเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ยังแทบจะเอาชีวิตไม่รอด หากบีบให้กลับไปตอนนี้ ก็คงจะต้องหาโลงศพติดตัวไปคนละใบด้วย เพื่อจะเอาไว้ใส่ศพตัวเองจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนคนอื่น

เร่งติวเข้มร้อย ทพ.ส่งลุยโจรป่วนใต้

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 พ.ย. พ.อ.ชาญประดิษฐ์ แสงนิล รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะเดินทางไปตรวจการฝึกทหารพราน หลักสูตรป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งกำหนดระยะเวลาการฝึกระหว่างวันที่ 12 พ.ย. ถึง 6 ธ.ค. ที่ค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยมี พ.ต.ทรงศักดิ์ จันทร์ส่งแก้ว ผบ.กองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 4 ค่ายฝึกรบพิเศษสิชลให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมการฝึกหลักสูตรต่างๆทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติของกองกำลังทหารพรานชุดดังกล่าว ซึ่งกองกำลังทหารพรานชุดนี้ มีทั้งนายทหารชั้นสัญญาบัตรและทหารชั้นประทวนระดับ ผบ.ร้อย, รอง ผบ.ร้อย และ ผบ.หมู่ ทำหน้าที่ หน.ชุด ประจำกองร้อยทหารพรานต่างๆใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 30 กองร้อย ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพภาคที่ 4 ให้เข้ามาฝึกเข้มทั้งด้านยุทธวิธีการรบด้านต่างๆ ฝึกด้าน ปจว., ฝึกการช่วยเหลือตัวประกัน ส่วนทหารพรานหญิงก็จะเพิ่มการฝึกการทำคลอดและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยใช้ระยะเวลาการฝึกเข้มทั้งวันทั้งคืนจำนวน 24 วันจากนั้นกำลังทหารพรานชุดนี้ก็จะเข้าประจำการทำหน้าที่เป็น หน.ชุดกองร้อยทหารพรานต่างๆทั้ง 30 กองร้อย

ทหารคุม รร.-เปิดสอน 29 พ.ย.

ส่วนความคืบหน้ากรณีสมาพันธ์ครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกาศหยุดสอนหนังสือไม่มีกำหนดนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่ห้องประชุมโรงแรมเซาท์เทิร์นวิว จ.ปัตตานี พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต. พร้อมด้วยผู้ว่าราชการ 5 จังหวัดชายแดนใต้ เข้าร่วมประชุมกับคณะครูเพื่อหามาตรการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของครูตลอดจนโรงเรียนโดยมีการหารือกันอย่างเคร่งเครียด และห้ามสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังอย่างเด็ดขาดใช้เวลาประมาณ 3 ชม. จึงเสร็จสิ้น โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่าเบื้องต้นได้สั่งการให้ ผบ.ฉก. ทุกชุดจัดกำลังเข้าไปดูแลแต่ละโรงเรียน บางแห่งอาจจะร้องขอให้ทหารเข้าไปตั้งฐานแบบถาวรก็ได้ ทำให้กลุ่มครูเริ่มมั่นใจมากขึ้น ดังนั้น หากโรงเรียนไหนมีความพร้อมก็จะเปิดสอนตามปกติในวันที่ 29 พ.ย. นี้ ไม่มีการบังคับให้ต้องเปิด ถ้าไม่พร้อมก็ให้รอดูสถานการณ์ก่อนได้ ส่วนเรื่องที่จะให้ทหารไปสอนหนังสือแทนนั้นน่าจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะทำ

แฉอุสตาซบงการฆ่าเผาครู


สำหรับความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาก้าถล่มยิงนายนนท์ ไชยสุวรรณ ผอ.โรงเรียนชุมชนบางเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ก่อนจุดไฟเผาซ้ำจนเสียชีวิตคารถเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดชุดสืบสวน สภ.อ.สายบุรี ได้นำตัวพยานเกือบ 20 ปาก ซึ่งเห็นเหตุการณ์และกลุ่มคนร้ายอย่างชัดเจน มาสอบสวนจนได้เค้าทีมสังหารผอ.โรงเรียนชุมชนบางเก่าแล้ว เบื้องต้นมีผู้ต้องสงสัยรวม 3 คน จากการตรวจสอบประวัติเป็นแนวร่วมกลุ่มอาร์เคเค เคยก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.สายบุรี มาแล้วหลายครั้ง โดยผู้บงการเป็นอุสตาซในโรงเรียนแห่งหนึ่งของ อ.สายบุรี อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ก็จะเสนอหมายจับตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน มาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ค่าหัวนายกฯแค่โฆษณาชวนเชื่อ

วันเดียวกัน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกาศตั้งค่าหัว พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เป็นตัวเลข 7 หลักว่า คงเป็นเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อมากกว่า เมื่อถามว่า การที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตั้งค่าหัวผู้นำประเทศเป็นการเหิมเกริมหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่าเรื่องนี้จะไปว่าศัตรูว่าเหิมเกริมไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นศัตรูอยู่แล้ว เมื่อถามว่าการตั้งค่าหัวจะกระทบต่อการทำงานในพื้นที่หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า เรื่องเจ้าหน้าที่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทุกคนมีจิตใจที่หนักแน่น พล.อ.บุญสร้างยังกล่าวอีกว่า การที่นายกรัฐมนตรีกล่าวคำขอโทษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสิ่งที่ดีต่อประชาชนภาคใต้ โดยมุ่งหวังที่ประชาชนส่วนรวมในพื้นที่ และเป็นภาพที่ดีและได้ผลดีในระยะยาว ส่วนระยะสั้นฝ่ายปฏิบัติการต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป แต่จะหวังให้ได้คำตอบออกมาสวยงามและทุกอย่างสงบเรียบร้อยทันทีคงหวังไม่ได้ มันต้องใช้เวลาพอสมควร

ยังไม่เลิกกฎอัยการศึก 3 จว.ใต้

ด้าน พล.อ.ปานเทพ ภูวนาถนุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวถึงกรณีที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เตรียมประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก แต่ยังคงกฎอัยการศึกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และในบางจังหวัดในภูมิภาคอื่นว่า ยังมีความจำเป็นอยู่เพื่อให้ทหารเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อย เพราะขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งพิเศษของสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้ประกาศยกเลิกไปเมื่อคราวที่รัฐบาลชุดที่แล้วยุบศอ.บต. และยังไม่มีพระราชบัญญัติฉบับใดที่ให้อำนาจทหารเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหา การคงกฎอัยการศึกไว้จะทำให้ทหารสามารถปฏิบัติหน้าที่โดยมีกฎหมายรองรับ ดังนั้น หากจะให้ยกเลิกกฎอัยการศึกจะต้องมีคำสั่งพิเศษจากสำนักนายกฯ ให้แม่ทัพภาคที่ 4 สามารถใช้กำลังพลเรือน ตำรวจ ทหาร ราษฎรอาสาสมัคร คอยทำหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชาฝ่ายต่างๆได้ อย่างสมัยของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หรือสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ

เร่งปรับแก้มาตรการดับไฟใต้


ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ก็มีกฎอัยการศึกแต่สถานการณ์ความรุนแรงยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะกรณีที่มีการสั่งปิดโรงเรียนโดยไม่มีกำหนด เพราะครูและผู้อำนวยการโรงเรียนตกเป็นเป้าสังหาร พล.อ.ปานเทพกล่าวว่า กฎอัยการศึกถ้าจะสมบูรณ์แบบก็คือ ทหารสามารถบังคับบัญชาข้าราชการทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน การสั่งห้ามออกนอกบ้าน การเรียกตรวจยานพาหนะ แต่ในความเป็นจริงยังไม่มีการใช้อำนาจเต็มรูปแบบ เพียงแต่ให้เข้าไปดูแลเท่านั้น ส่วนที่บอกว่าใช้กฎอัยการศึกแล้วยังไม่ดีขึ้นนั้นเพราะเรายังใช้ไม่เต็มรูปแบบ อีกทั้งกลุ่มโจรใต้ใช้วิธีแต่งเครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ไปยิงชาวบ้านแล้วปลุกระดมชาวบ้านออกมาขับไล่ให้ถอนกำลังออกไปจากพื้นที่ ตรงนี้ต้องรีบปรับแก้ ปัญหาไฟใต้เหมือนคนไข้ที่นอนอยู่ในห้องไอซียู ต้องใช้แพทย์เฉพาะทางรักษา ใช้ยาให้ถูกกับโรคซึ่งอาจจะมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ต้องค่อยๆปรับแก้ แล้วอาการก็จะดีขึ้น ส่วนปัญหาครูและนักเรียนถูกลอบทำร้ายนั้น เป้าหมายของกลุ่มโจรคือการครอบงำไม่ให้ คนในพื้นที่รู้ภาษาไทย ทางเรากำลังปรับแก้ให้การดูแลสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง รวมทั้งปฏิบัติการเชิงรุกมากขึ้น

แจง รร.หยุดสอนแค่ 1 สัปดาห์

ในส่วนของคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงแนวคิดที่จะให้ทหารเข้าไปสอนหนังสือแทนครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ไม่ใช่ข้อเสนอของตน เพราะรู้ดีว่าเป็นคนที่อยู่นอกพื้นที่คงไม่รู้ดีเท่ากับคนที่ทำงานในพื้นที่ ซึ่งความจริงแล้วได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะมีผู้สื่อข่าวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาสอบ ถามความเห็น โดยตนได้บอกไปว่าเรื่องนี้มีผู้ใหญ่เสนอมาหลายครั้ง แต่ก็คิดว่าเรื่องนี้ต้องคิดอย่างรอบคอบว่าจะเข้าไปสอนในโรงเรียนประเภทใด ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องให้ทหารมาช่วยสอนในโรงเรียน เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นข้อเสนอของครู และถ้าจะดำเนินการจะต้อง ช่วยกันคิดอย่างรอบคอบ เพราะเรื่องนี้มีทั้งส่วนดีและข้อ จำกัด ส่วนพื้นที่ไหนที่คิดว่ามีความจำเป็นจะย้ายนักเรียนออกนอกพื้นที่ก็ให้ดำเนินการได้ทันที และหากพื้นที่ไหน เห็นว่าจำเป็นจะต้องให้ทหารเข้าไปช่วยสอนในโรงเรียนก็ให้หารือกับ ผอ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และผู้ว่าราชการจังหวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนจะเสนอมาให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาได้ ส่วนเรื่องการปิดโรงเรียน ทางสมาพันธ์ครูภาคใต้ได้โทรศัพท์แจ้งว่า ส่วนใหญ่โรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะปิดเรียนเฉพาะในสัปดาห์นี้เท่านั้น เพราะต้องการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยในสถานการณ์ แต่ตนมั่นใจว่าโรงเรียนคงจะไม่ปิดต่อเนื่อง

จาตุรนต์ จี้คุ้มครองครู-นร.

เช่นเดียวกับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้า พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า รู้สึกเป็นห่วงที่มีการปิดโรงเรียนจำนวน มากโดยไม่มีกำหนด เพราะจะส่งผลกระทบต่อการศึกษาของเด็ก น่าเห็นใจครู อาจารย์ และนักเรียนเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหานี้ให้ได้ ซึ่งไม่ใช่แก้ที่โรงเรียน แต่เป็นเรื่องการรักษาความปลอดภัย การคุ้มครองประชาชน และสถานที่ราชการต่างๆ จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น โดยระยะสั้นคงต้องยอมเพิ่มกำลัง ส่วนระยะยาวต้อง ใช้กำลังให้น้อยลงและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการสอบสวนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในส่วนของโรงเรียน จะต้องเพิ่มเรื่องความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้นอีก มีระบบสื่อสารให้ทั่วถึงรวดเร็วและเพิ่มโครงการมวลชนสัมพันธ์ แม้จะต้องเพิ่มงบประมาณมากขึ้นก็ตาม อย่างไร ก็ตามที่ผ่านมาหลายแนวคิดในการแก้ไขปัญหาความไม่ สงบในภาคใต้ของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องดี และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ก็เข้าใจปัญหาดีมาก แต่แนวคิดของทั้งสองท่าน ยังขาดการทำความเข้าใจ กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา

ปธ.คมช.จับเข่าคุย บิ๊กมาเลย์


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. และ ผบ.ทบ.ของไทย ได้เดินทางไปเยือนมาเลเซียอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. โดยเข้าพบปะเป็นการส่วนตัวกับ พล.อ.อันวาร์ มูฮัมหมัด นอร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อับดุล อาซิส บิน ฮาจิ ไซนัล ผู้บัญชาการทหารบก นายนาจิบ ราซัค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมของมาเลเซีย เพื่อหารือเรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายไซยิด ฮามิด อัลบาร์ รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ความ สัมพันธ์ไทย-มาเลเซียดีมาก แต่ไม่เผยรายละเอียดอื่นๆ ของการเจรจา ขณะที่เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เผยว่า พล.อ.สนธิอาจพบปะหารือกับนายกฯ อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ก่อนเดินทางกลับในช่วงค่ำ ของวันเดียวกัน นับเป็นการเยือนต่างประเทศของ พล.อ. สนธิครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปเยือนปากีสถานและพบปะหารือกับประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาราฟ ซึ่งยึดอำนาจจากการก่อรัฐประหารเช่นกันในปี 2542

มาเลย์แถลงไม่สนับสนุนโจรป่วนใต้

นายอัลบาร์ยังแถลงในรัฐสภาว่ามาเลเซียไม่สนับ สนุนขบวนการก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยอย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่าชาวมุสลิมภาคใต้ของไทยจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งด้านเชื้อชาติศาสนากับชาวมุสลิมมาเลย์ก็ตาม มีสัญญาณที่แน่ชัดว่ารัฐบาลไทยกำลังพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับประชาชน โดยเฉพาะชาวไทยในภาคใต้ ซึ่งมาเลเซียสนับสนุนการพูดคุยเจรจาดังกล่าวและความพยายามของรัฐบาลไทยที่จะสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจในหมู่ชาวภาคใต้ มาเลเซียได้แสดงจุดยืนแล้วว่าจะไม่สนับสนุนขบวนการซึ่งต้องการแบ่งแยก 3 จังหวัดภาคใต้ออกจากแผ่นดินไทย ส่วนกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าร้านอาหารไทยในมาเลเซียลอบส่งเงินสนับสนุนผู้ก่อความไม่สงบนั้น นายอัลบาร์กล่าวว่า ไม่ ควรไปเต้นตามรายงานข่าว มาเลเซียเคารพบูรณภาพและอธิปไตยของไทยเสมอ



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์