โจรป่วนใต้ฆ่าผอ.รร. เผาคารถ โหดต่อหน้าครู-นร.

กรณีรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้พื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ยะลา หลายอำเภอตกอยู่ในสภาพบ้านเมืองไร้ขื่อแป กลุ่มพลังมวลชนที่หลงผิดออกมาเดินขบวนต่อต้านการทำงานของภาครัฐหวิดบานปลายเป็นเหตุการณ์ นองเลือดหลายต่อหลายครั้ง ส่วนกลุ่มโจรใต้ก็ยังก่อกวนสร้างสถานการณ์เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง

ฆ่าครูใหญ่-จุดไฟเผาคารถ

ล่าสุดกลุ่มโจรใต้เหิมประกาศศักดาอยู่เหนือกฎหมาย บุกถล่มฆ่าอาจารย์ใหญ่ถึงในโรงเรียนก่อนจุดไฟเผาซ้ำครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 24 พ.ย. พ.ต.ท.สการียา ยูโซะ รอง ผกก.สส.สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตและถูกคนร้ายจุดไฟเผาดับคารถ หลังโรงเรียนชุมชนบางเก่า หมู่ 2 ต.บางเก่า อ.สายบุรี จึงประสานขอรถดับเพลิงรุดไประงับเหตุ พบครูและนักเรียนกำลังมุงดูซากรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน บง 3690 ยะลา ซึ่งมีเพลิงลุกไหม้ท่วมห้องโดยสารและห้องเครื่อง เจ้าหน้าที่ต้องใช้น้ำยาเคมีช่วยฉีดดับไฟจนสงบ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายนอนคว่ำหน้าศีรษะพาดเฉียงไปทางซ้ายถูกไฟคลอกดำเป็นตอตะโก ทราบชื่อต่อมาคือนายนนท์ ไชยสุวรรณ อายุ 51 ปี มีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่านายนนท์ถูกยิงด้วยกระสุนปืนอาก้าบริเวณลำตัวหลายนัด ห่างจากตัวรถไปประมาณ 50 เมตร พบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่เกือบ 20 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนศพนายนนท์ถูกนำไปเก็บไว้ที่ รพ.สายบุรี

แฉระทึกลงมือโหดต่อหน้า นร.

จากการสอบสวนทราบว่า หลังโรงเรียนเลิกเมื่อเวลา 15.00 น. ผู้ตายได้เดินไปขึ้นรถคันเกิดเหตุเตรียมตัวจะกลับบ้าน ได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.เข้ามาประกบ คนร้ายที่ซ้อนท้ายได้ใช้ปืนอาก้ากราดยิงใส่รถของผู้ตายหลายนัด กระสุนถูกนายนนท์บาดเจ็บแต่ยังแข็งใจขับรถพุ่งหลบหนีมาได้ประมาณ 100 เมตร ก็หมดแรง คนร้ายได้ตรงเข้าไปจ่อยิงซ้ำอีก 2-3 นัด จนนายนนท์แน่นิ่งฟุบคาเบาะนั่ง คนร้ายจึงใช้น้ำมันเบนซินที่เตรียมใส่ขวดน้ำราดเข้าไปในรถและบริเวณฝากระโปรงห้องเครื่องก่อนจุดไฟเผาซ้ำต่อหน้าต่อตากลุ่มเด็กนักเรียนและครูอีกนับสิบคน ก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว สำหรับนายนนท์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมานานถึง 7 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยยื่นเรื่องขอย้ายออกนอกพื้นที่ โดยประกาศที่จะทำหน้าที่สอนหนังสืออยู่ในพื้นที่ต่อไป คาดว่ากลุ่มคนร้ายมีเจตนาสังหารนายนนท์ เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับครูในโรงเรียน อยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป

ที่วัดสุนทรวารี หมู่ 2 ต.บางโกระ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน นายวินัย ครุฑวรรณพัฒน์ รอง ผวจ.ปัตตานี เป็นประธานในพิธีอาบน้ำศพนายสุรเดช วาดแสดง อายุ 40 ปี ครูโรงเรียนบ้านดอนรัก อ.หนองจิก ซึ่งถูกกลุ่มโจรใต้ไล่ยิงจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของคนในครอบครัว โดยรอง ผวจ.ปัตตานี ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับนางพรทิพย์ วาดแสดง ผอ.โรงเรียนบ้านต้นสตอซึ่งเป็นภรรยาจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งผลจากการสังหารนายสุรเดชในครั้งนี้ทำให้กำหนดการเปิดเรียนของโรงเรียน 43 แห่ง ใน อ.หนองจิก ซึ่งจะเปิดสอนตามปกติในวันที่ 27 พ.ย. อาจจะเลื่อนออกไปอีกโดยไม่มีกำหนด ซึ่งนายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ล่าสุดมี ผอ.โรงเรียนชุมชนบางเก่า ที่ อ.สายบุรี ถูกยิงแล้วจุดไฟเผาดับคารถอีก 1 ราย ทำให้ขณะนี้มีครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกสังหารไปแล้วรวม 59 ราย อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและวางมาตรการดูแลครูให้มากกว่านี้ โดยในวันที่ 27 พ.ย. จะนัดประชุมครูและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งก่อน จึงจะได้ข้อสรุปว่าจะเปิดการเรียนการสอนเป็นปกติเมื่อไหร่

บุกเผาอีกโรงเรียนวอดทั้งหลัง

ส่วนที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 02.00 น. คืนวันที่ 24 พ.ย. ร.ต.ท.ศรเพชร ตันติอมรชัยกุล ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ในโรงเรียนบ้านบ่อทอง หมู่ 11 ต.ตันหยงมัส จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิ์กุล ผกก.และรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลตันหยงมัสรุดไปที่เกิดเหตุ พบว่าไฟกำลังลุกไหม้ท่วมอาคารเรียนไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงประมาณ 50 ซม. หลังคามุงกระเบื้อง จึงฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่นาน 30 นาท เพลิงจึงสงบเผาอาคารเรียนวอดหมดทั้งหลัง โดยอาคารที่ถูกไฟไหม้เป็นอาคารเรียนของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 กับชั้น ป.1-2 ตรงลานโล่งกลางอาคาร ซึ่งเป็นที่ละหมาดพบร่องรอยยางรถยนต์ถูกไฟไหม้อยู่ใต้ระเบียงอาคารตรงกับห้องละหมาด คาดว่าคนร้ายได้ลอบนำยางรถยนต์มาวางใต้ระเบียงอาคารแล้วราดน้ำมันก่อนจุดไฟเผาทำให้ไฟลุกลามไหม้วอดทั้งอาคาร สำหรับโรงเรียนบ้านบ่อทอง มีนายบัญญัติ แทนหนู เป็น ผอ.โรงเรียน มีครู จำนวน 13 คน มีนักเรียน 261 คน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง ป.6 สำหรับอาคารที่ถูกไฟไหม้มีนักเรียน จำนวน 110 คน นายบัญญัติได้จัดที่เรียนชั่วคราวให้ที่อาคารไม้เก่าชั้นเดียวที่อยู่ใกล้กันโดยไม่ได้ปิดโรงเรียนแต่อย่างใด

ซุกบึมดักถล่มชุดลาดตระเวน

ถัดมาเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.ภ.จ.นราธิวาส นำกำลังชุดเก็บกู้ระเบิด เหยี่ยวดง ไปตรวจสอบเหตุระเบิดริมถนนสายดุซงญอ-น้ำหอม หมู่ 4 บ้านรือเปาะ ต.ดุซงญอ พบร่องรอยคนร้ายลอบนำระเบิดหนัก 15 กก. บรรจุในถังดับเพลิงมาฝังไว้ใต้พื้นถนน ก่อนจุดชนวนระเบิดหมายถล่มชุดลาดตระเวนของ ร.1022 ฉก.38 มี จ.ส.อ.สมจิตร เขียนสันเที๊ยะ เป็นหัวหน้าชุดนำกำลัง 7 นาย นั่งรถ จยย.ออกลาดตระเวนผ่านจุดฝังระเบิดไปเพียง 10 เมตร โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โรงเรียนบ้านตันหยงลิมอ หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งถูกคนร้ายวางระเบิดและจุดไฟเผาโรงอาหารเสียหายเมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา และโรงเรียนปิดการเรียนไป 1 วัน เมื่อวันที่ 23 พ.ย. นั้น ล่าสุดทางโรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนตามปกติแล้ว

ต่อมา เวลา 14.00 น. ร.ต.ท.วัชรินทร์ ตันเจริญ ร้อยเวร สภ.อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รุดไปตรวจสอบเหตุ ระเบิดที่หน้าบ้านเช่า เลขที่ 35/2 ถนนคอลอกาเว ซอย 2 ต.ศรีสาคร รุดไปตรวจสอบพบว่าระเบิดถูกนำมาซ่อนไว้ ในถังขยะหน้าบ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของแม่ค้าสาว (ขอสงวนชื่อ) แรงระเบิดทำให้ฝาผนังบ้านพังเสียหายแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายเจตนาจะวางระเบิดหน้าบ้านของ ส.ต.ต.เทพโยธิน หนองบัว อายุ 29 ปี ตร.สภ.อ.ศรีสาคร ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกันแต่เกิดผิดพลาด ไม่ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

ปล้น ชรบ.กวาดปืน 5 กระบอก

เวลาไล่เลี่ยกันร้อยเวรคนเดิมรับแจ้งมีกลุ่มคนร้ายประมาณ 10 คน แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกเข้าปล้น ปืนของชุดคุ้มครองหมู่บ้าน (ชรบ.) หมู่ 2 ต.ศรีบรรพต ได้ปืนลูกซองยาวแบบ 5 นัดไป 2 กระบอก ส่วนกำลังอีก ชุดบุกปล้นปืนแบบเดียวกันของ ชรบ.หมู่ 3 ต.ศรีบรรพตได้ปืนไปอีก 3 กระบอก นอกจากนี้ยังก่อเหตุไล่ยิงนาย อาแว มะรือเสาะ อายุ 25 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 ต.ตะมะยูง อ.ศรีสาคร ถูกบริเวณลำตัวได้รับบาดเจ็บนำส่ง รพ.นราธิวาส ราชนครินทร์ คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มโจรใต้

ไล่ยิงชาวบ้านดับสังเวยอีก 1

ต่อมา เวลา 18.00 น. ร.ต.ต.วุทธยา สิงห์กลิ้ง ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รุดไปตรวจสอบเหตุคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้ปืน 9 มม. กระหน่ำยิงนายซำซูดิง อารง อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ขณะขี่รถ จยย.มาถึงหน้า บ้านพักด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ถนนเอเชีย 18 กระสุนถูกบริเวณลำตัวรวม 5 นัด เสียชีวิตระหว่างนำส่ง รพ. สุไหงโก-ลก ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกอยู่ รวม 5 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นคาดว่าเป็น ฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์รายวัน

ทางด้าน จ.ยะลา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พ.ย. พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จ.ยะลา พร้อมด้วย จนท. ตร.ชุดกองวิทยาการเขต 45 ยะลา เข้าตรวจสอบเหตุคนร้าย ลอบวางเพลิงเผาสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งอยู่ ริมถนนสาย 410 ยะลา-เบตง หมู่ 3 บ้านเงาะกาโป ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. คืนวันเดียวกัน จากการตรวจสอบพบรถยนต์ บรรทุก 4 ล้อ ติดตั้งเครนยกของ ทะเบียน 80-3834 ยะลา และรถบรรทุก 4 ล้อ ของการไฟฟ้าอีก 4 คัน ถูกเพลิงไหม้ ได้รับความเสียหายหมดทั้ง 5 คัน นอกจากนี้ตัวอาคารของสำนักงานซึ่งเป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้น ถูกเพลิงไหม้ ทรัพย์สินได้รับความเสียหายทั้งหมดเช่นเดียวกัน เบื้องต้นพบเศษผ้าชุบน้ำมันเบนซินตกอยู่เกลื่อนบริเวณจุดเกิดเหตุ ส่วนกล้องโทรทัศน์วงจรปิดถูกทุบทำลายเสียหายหมดทั้ง 4 ตัว คาดว่าเป็นคนร้ายชุดเดียวกับที่บุกเผาสำนักงานที่ดิน อ.บันนังสตา เมื่อหลายวันก่อน

จองเวร สนง.กฟภ.สูญ 15 ล้าน

จากการสอบสวนนายมัรวาน อิสแม รปภ.ของสำนักงานการไฟฟ้าฯที่เกิดเหตุให้การว่า ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ประตูด้านหน้าได้มีคนร้ายประมาณ 10 คน พร้อม อาวุธครบมือ บุกเข้ามาใช้ปืนจี้บังคับให้อยู่เฉยๆ จากนั้น กลุ่มคนร้ายจะตรงเข้าไปทำลายชุดควบคุมและเครื่องบันทึกภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าไปวางเพลิงตามจุดต่างๆก่อนจะหลบหนีไป โดยใช้เวลาปฏิบัติงานเพียง 15 นาทีเท่านั้น ทำให้ทรัพย์สินเสียหายไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท ทั้งนี้ สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอบันนังสตาเคยถูกลอบวางเพลิงมาแล้วถึง 2 ครั้ง และมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯถูกลอบยิงเสียชีวิต เมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาด้วย

บึมถล่มร้านชำเจ็บระนาวอีก 5

เหตุรุนแรงใน จ.ยะลา ยังคงมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยเมื่อเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.อภิรัฐ สังข์ขาว ผกก.สภ.อ.ยะหา จ.ยะลา รับแจ้งมีเหตุระเบิดภายในร้านขายของชำและอาหารตามสั่ง เลขที่ 88 ปากทางเข้าวัดยะหาประชาราม ถนนพิทักษ์ธานี ต.ยะหา จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบร่องรอยคนร้ายลอบนำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ใส่กล่องกระดาษมาวางไว้บนชั้นวางสินค้าหน้าร้าน ก่อนจุดชนวนระเบิด ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย คือนายอภินันท์ โยธินกำจรชัย อายุ 49 ปี เจ้าของร้าน น.ส.ตุลาพร โยธินกำจรชัย อายุ 24 ปี บุตรสาว นายอับดุลลอแม จูมิง อายุ 17 ปี นายรูดิง ดือมอง อายุ 22 ปี และนายสมัย ราษฎร์เจริญ อายุ 49 ปี ซึ่ง 3 รายหลังเป็นลูกค้าที่ใช้บริการที่ร้าน ทั้งหมดถูกนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชยะหา โดยนายสมัยมีอาการหนักสุด ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ ต้องอยู่ในห้องไอซียู และใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา

ถัดมาเวลา 17.30 น. ร.ต.ท.อนันต์ ฤทธิธรรม ร้อยเวร สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา รุดไปตรวจสอบเหตุ 2 คนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มโจรใต้ ขี่รถ จยย.ไล่ประกบยิงนายมะอุเซ็ง เจ๊ะเมาะ อายุ 23 ปี และนายมะซูรี เจ๊ะเมาะ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นพี่ชาย เสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดบนถนนทางเข้าหมู่บ้านถ้ำทะลุ หมู่ 1 ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา อีกราย เวลา 18.00 น. ขณะที่นายธัญ สุขพืช อายุ 23 ปี พนักงานศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครนครยะลา ขี่รถ จยย. มาตามถนนสายท่าสาป-ลำใหม่ หมู่ 5 บ้านควน ต.พร่อน อ.เมืองยะลา ถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ไล่ตามประกบยิงเข้ากลางแผ่นหลัง 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังแข็งใจชักปืนยิงต่อสู้ ทำให้คนร้ายชิงหลบหนีไป ก่อนที่นายธัญจะขี่รถ จยย.ไปรักษาตัวที่ รพ.ศูนย์ยะลา หลังเกิดเหตุ ทาง พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา นำกำลังรุดไปตรวจสอบ และเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายรายนี้ต่อไป

รร.ยะลา 96 แห่งนัดเปิด 27 พ.ย.

ที่ห้องประชุมโรงเรียนสตรียะลา อ.เมืองยะลา นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา พร้อมด้วย พ.อ.ชินวัตร แม้นเดช ผบ.ฉก.ที่ 1 ยะลา และครูในพื้นที่เขตการศึกษาเขต 2 กว่า 1,000 คน เข้าร่วมประชุมเพื่อวางมาตรการดูแลเรื่องความปลอดภัยของครูในพื้นที่ โดย ผวจ.ยะลาระบุว่า จะต้องเพิ่มกำลังและหามาตรการที่ดีกว่าเดิมในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อ.บันนังสตา อ.ยะหา อ.ธารโต และ อ.กรงปินัง สำหรับโรงเรียนที่ปิดจำนวน 96 แห่งนั้น คาดว่าในวันจันทร์ที่ 27 พ.ย.นี้ คงจะเปิดเรียนได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม มาตรการดูแลความ ปลอดภัย จะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม โดยจะดูแลทั้งระหว่างการเดินทางและที่โรงเรียนอย่างเข้มงวดเพื่อให้ครูมีความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย ผวจ. ยะลายังกล่าวอีกว่า ในส่วนของบางอำเภอ ต้องยอมรับว่าขณะนี้มีกลุ่มแนวร่วมและแกนนำอยู่เป็นจำนวนมากและสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของฝ่ายเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี อันนี้ก็ต้องระมัดระวัง และจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนที่ยังไม่ถูกชี้นำ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือให้กับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งการทำความเข้าใจกับประชาชนจะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ว่าผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นหรือแม้แต่ทางอำเภอเองจะต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านให้ได้ ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านออกมาประท้วงแล้วทำลายทรัพย์สินผู้อื่น จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จับอีก 1 แนวร่วมโจรใต้ฆ่าครู

ต่อมาเวลา 14.30 น. วันที่ 24 พ.ย. พ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล สว.สส.สภ.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมกำลังจับกุมนายมูฮะมะ หรือมะเซ็ง หรือเซ็ง รามันเสะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/3 ม.1 ต.ทุ่งพอ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มโจรใต้และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.182/2549 ลงวันที่ 24 ก.พ.49 ข้อหาร่วมกับพวกสังหารนายทศพร นนทิการ อาจารย์โรงเรียนบ้านโคกสิเหรง ขณะขี่รถ จยย. ออกจากโรงเรียนจะกลับบ้าน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.49 หลังก่อเหตุผู้ต้องหาซึ่งได้รับบาดเจ็บได้หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ใกล้เคียงและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนจะย้อนกลับมาทำแผลที่ รพ.หาดใหญ่ จนกระทั่งถูกจับได้ ดังกล่าว เบื้องต้นทางผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ทางตำรวจมีพยานหลักฐานแน่นหนาคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 พ.ย. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ และ รมว.คลังให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงการประชุม ครม.นัดพิเศษที่มีการเสนอให้ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ซึ่งจะมีการเสนอลดหย่อนภาษีว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นข้อเสนอของภาคเอกชน 3 สมาคม รวมทั้งนักธุรกิจภาคใต้ที่ต้องการให้ประกาศเขตเศรษฐกิจเฉพาะกิจในช่วงเวลา 2-3 ปี หรือจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติที่เสนอมาตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. ในช่วงของรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้นำมาพิจารณาใหม่และเสนอในที่ประชุม ครม.นัดพิเศษเมื่อวานนี้ (23 พ.ย.)

เร่งชงเข้า ครม.เริ่มใช้ 1 ม.ค.นี้

ทั้งนี้ตนจะเรียกประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีที่มีทั้งหมดว่าจะลดหย่อนเป็นภาษีชนิดไหน อย่างเช่น ค่าธรรมเนียมภาษี ค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีธุรกิจเงินได้ เป็นต้น ทั้งนี้จะขอคิดคำนวณก่อน อะไรที่สามารถลดได้ก็จะลดให้ และจะพิจารณารวมถึงเรื่องค่าธรรมเนียมด้านแรงงานด้วย เพราะที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศลดดอกเบี้ยให้กับประชาชนที่กู้เงินผ่านธนาคารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมถึงผู้ที่กู้ใหม่ด้วย อย่างไรก็ตามตนจะนำข้อสรุปที่ได้เสนอเข้าที่ประชุม ครม.นัดต่อไปเพื่อประกาศบังคับใช้ให้ทันในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้านี้ รวมทั้งจะพิจารณาก่อนว่าจะบังคับใช้ในกี่จังหวัด เพราะมาตรการดังกล่าวจะใช้เฉพาะพื้นที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติหรือมีการก่อการร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้นักธุรกิจออกจากพื้นที่และอาจจะเกิดปัญหาเรื่องของคนตกงานตามมา ม.ร.ว.ปรีดิยาธรสรุป

ด้านนักการเมืองต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลเสนอให้ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในอดีตเคยมีข้อตกลงร่วมตามโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจระหว่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่โครงการดังกล่าวถูกเลิกล้มไปในสมัยรัฐบาลชุดก่อน จึงอยากจะให้รัฐบาลชุดนี้นำมาพิจารณาควบคู่กันไป และจากการลงไปเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ จ.ยะลา พบว่าปัญหาใหญ่คือเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ความเชื่อมั่นแทบจะไม่มี อยากจะให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขจุดนี้โดยด่วน ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะกิจในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่อยากจะให้จัดตั้งเป็นรูปแบบของสภาเศรษฐกิจ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง ซึ่งจะทำให้ การแก้ไขปัญหาตรงกับสภาพความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ เช่นเดียวกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ก็ออกมาสนับสนุนเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เช่นกัน

ผบ.ทบ.สั่งปรับแผนรุกบี้โจรใต้

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ว่า เจ้าหน้าที่จะกลัวไม่ได้ ซึ่งทุกจุดได้ประสานงานในขั้นตอนแล้วว่าจะต้องมาจัดระบบรักษาความปลอดภัยร่วมกัน ขณะนี้เราใช้วิธีการนำกำลังเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการมากขึ้น รวมทั้งให้ใช้ ภาพถ่ายทางอากาศให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายภาพการเคลื่อนไหวด้วยความร้อน เมื่อเราใช้การเมืองนำการทหารมากขึ้น ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบก็จะใช้การทหารเข้ามา ทำให้การเมืองของเรามีประสิทธิภาพน้อยลง เป็นกลยุทธ์ทางด้านการทหาร ซึ่งเราเข้าใจปัญหานี้อยู่ ฉะนั้นเมื่อเราใช้การเมืองนำมากๆตามที่นายกรัฐมนตรีให้นโยบาย ก็จะต้องเตรียมมาตรการทางทหารมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะรองรับปัญหานี้ อย่างว่าพื้นที่กว้างเราก็จำเป็นจะต้องปรับและเพิ่มกำลัง แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ขออนุมัติเพิ่มกำลังมาเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการจัดกำลังลงไปสนับสนุน

ย้ำชัดไม่แบ่งดินแดนให้โจร

เมื่อถามว่าประชาชนที่เป็นแนวร่วมจะให้ความร่วมมือกับทางการหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นพื้นที่ที่มีประชาชนน้อย พื้นที่เป็นป่าเขามาก ประชาชนจะมาให้ความช่วยเหลือกับเราและให้ข้อมูลข่าวสารค่อนข้างลำบาก อย่างไรก็ตามในเรื่องการดูแลสถานที่ราชการ และหน่วยงานต่างๆบริเวณใดที่ไม่ปลอดภัยก็ขอให้บอกจะได้นำกำลังเข้าไปช่วยดูแล เมื่อถามว่ากลุ่มก่อความไม่สงบมีขีดความสามารถที่จะประกาศเป็นรัฐปัตตานีได้หรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า อย่าไปคิดเช่นนั้น เพราะที่นี่คือประเทศไทย ไม่มีใครมาแยกดินแดนไปได้ ส่วนกรณีที่มีการลอบวางเพลิงโรงเรียนในพื้นที่ต่างๆ พล.อ.สนธิเผยว่า ได้คุยกับทางรมว.ศึกษาธิการแล้ว ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบมากและจะพยายามไม่ปิดโรงเรียน ซึ่งทางกองทัพและกระทรวงศึกษาธิการจะพยายามหาทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ครูและนักเรียนอย่างเต็มที่ต่อไป

ทางด้านของ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ในภาคใต้ที่ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆว่า กลุ่มที่ก่อความรุนแรงมีหลายกลุ่ม บางกลุ่มยังไม่เปิดเผยตัวเอง ทำให้การแก้ไขปัญหาหรือการเจรจาทำได้ลำบาก ส่วนเหตุรุนแรงที่ยังมีเกิดขึ้นนั้นเป็นความพยายามของกลุ่มโจรใต้ที่จะเร่งรัดให้แผนการแบ่งแยกดินแดนบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้คือก่อนสิ้นปี 2549 และยังเป็นการตอบโต้แนวทางความสมานฉันท์ของรัฐบาล ด้วยการสร้างความแตกแยกและแย่งชิงพลังมวลชนในพื้นที่ ซึ่งบางพื้นที่ตกอยู่ภายใต้ อิทธิพลของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไปแล้ว อย่างไรก็ตามขอยืนยันอีกครั้งว่าทหารจะไม่ยอมให้มีใครมาแบ่งแยกดินแดนไปได้อย่างเด็ดขาด

จี้เดินเครื่อง พตท.43-ศอ.บต.

ส่วน พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของการแก้ปัญหาพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี ศอ.บต. และ พตท.43 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเชื่อมต่อการทำงานกับกองอำนวยการเสริม สร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้า การทำงานทุกอย่างต้องชัดเจน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างหาคนเข้าไปทำงาน โดยจะคัดเลือกคนที่มีความรู้ มีขีดความสามารถ และเป็นคนดีเข้าไปแก้ปัญหา โดยเฉพาะ ศอ.บต.กับ พตท.43 จะแยกกันทำงานชัดเจนและไปในทิศทางเดียวกัน

ไทยประสาน ตร.มาเลย์หาข้อมูล

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเดียวกัน พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พร้อมคณะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ให้การต้อนรับนายตัน ศรี มูซา บีดาโต๊ะ ฬาจิ สัสตัน อธิบดีกรมตำรวจมาเลเซีย ซึ่งเดินทางมาตรวจเยี่ยมสำนักงานตำรวจแห่งชาติและร่วมงานแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณี ระหว่างตำรวจไทยกับมาเลเซีย เพื่อเชื่อมความสามัคคี ทั้งนี้ พล.ต.อ.โกวิทกล่าวว่า ตำรวจไทยและมาเลเซียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และทางอธิบดีกรมตำรวจมาเลเซียยืนยันพร้อมจะให้ความร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ในทุกด้าน อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปราบปรามยาเสพติด การหลบหนีเข้าเมือง ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนรายละเอียดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้คงไม่สามารถบอกได้ แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษไปแล้ว โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตำรวจต้องเข้มงวดในเรื่องการรักษากฎหมายดูแลความปลอดภัยและทรัพย์สินของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ เกิดขึ้นทุกวัน ทาง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. ก็ให้ความเป็นห่วงและได้กำชับมาให้ตำรวจทำงานอย่างเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

ด้าน พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.กล่าวว่า ร้านต้มยำกุ้ง มีมาตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นลักษณะข้อมูลข่าวสารเข้ามา ขณะนี้ทางตำรวจสันติบาลไม่ได้ติดตามเรื่องนี้เนื่องจากเป็นเรื่องของทางรัฐบาล เรื่องนี้เป็นสองแง่ คือแง่ของคนที่ทำมาหากินบริสุทธิ์ จะเป็นการไม่สบายใจ ส่วนในแง่ที่แอบแฝงคงจะมีอยู่บ้าง ซึ่งทางสันติบาลจะเข้าไปดูอย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าทางอธิบดีตำรวจมาเลเซียได้มีการพูดถึงร้านต้มยำกุ้งบ้างหรือไม่ ผบช.ส.กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงร้านต้มยำกุ้ง แต่ได้พูดคุยในเรื่องของความสัมพันธ์ตามปกติของการทำงาน การพูดคุยเป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดีต่อกัน และในวันที่ 2 ธ.ค. นี้ หัวหน้าตำรวจสันติบาลมาเลเซียจะเดินทางมาพบ ซึ่งอาจจะมีการพูดคุยถึงเรื่องนี้นิดหน่อย โดยจะให้คนไทยที่ไปทำงานที่มาเลเซียถ่ายรูปร้านมาให้ดูด้วย

ศธ.ดัน 3 มาตรการช่วยครู-นร.

ส่วนคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับครูและนักเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ 3 เรื่อง คือ 1. การบรรจุครูอัตราจ้างแทนข้าราชการครูที่ขอย้ายออกจากพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ซึ่งจะสามารถดำเนินการเรียนการสอนได้ 2. ให้ผู้ปกครองร่วมขบวนเดินทางไป-กลับโรงเรียนพร้อมกับครู โดยอาจผลัดเปลี่ยนเวรกันกับทหารที่ดูแลอยู่ โดยรัฐบาลก็ได้อนุมัติให้จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาดูแลโรงเรียนตลอด 24 ชั่วโมง โรงเรียนละ 2 คน เริ่มที่ จ.นราธิวาส ก่อนเป็นแห่งแรก และ 3. ให้เด็กไปเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงที่มีความปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทั้ง 3 มาตรการสามารถนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ และเท่าที่ได้พูดคุยกับคนในพื้นที่ผู้ปกครองหลายคนน่าจะเลือกมาตรการที่ 2 หากผู้ปกครองอยากให้บุตรหลานได้เรียนหนังสือก็ต้องมามีส่วนร่วมในการดูแลบุตรหลานด้วยตนเอง ซึ่งมีค่าตอบแทนให้ตามความเหมาะสม ที่สำคัญไม่ต้องย้ายนักเรียนไปโรงเรียนอื่น โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีโรงเรียนที่จำเป็นต้องย้ายนักเรียนไปเรียนโรงเรียนใกล้เคียงไม่เกิน 10 แห่ง

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ