เผา-บึม3จว.ใต้ ฆ่าโหดครู ปิด96โรงเรียน

"ใต้สงบยากแนวโน้มรุนแรงขึ้นอีก"


สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเดือดระอุต่อเนื่อง ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน แต่ดูเหมือนเหตุการณ์จะไม่มีวี่แววสงบลงง่ายๆ หนำซ้ำมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

ซุ่มยิงลูกโต๊ะอิหม่ามนราธิวาส

ที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 06.45 น. วันที่ 23 พ.ย. พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก.สภ.อ.สุไหงปาดี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุคนถูกยิงตายบนถนนสายโคกสยา-ตาเซ๊ะใต้ บ้านปอเนาะ หมู่ 7 ต.ปะลุรู พบศพนายวิชาญ ยา อายุ 32 ปี ลูกชายโต๊ะอิหม่ามบ้านปอเนาะ นอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถ จยย.ฮอนด้า สีดำ ทะเบียน กพพ 707 นราธิวาส ถูกยิงด้วยปืนอาก้าที่หน้าอก 3 นัดและขาขวา 2 นัด สอบสวนทราบว่า ผู้ตายขี่รถ จยย.ออกจากบ้านจะไปกรีดยาง เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทาง ใช้ปืนอาก้ากราดยิงถล่มจนเสียชีวิตคาที่ แล้วเผ่นหนีไป

วางเพลิงเผาโรงเรียน-บึมซ้ำ

ต่อมาเวลา 08.00 น. พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิ์กุล ผกก.สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงและวางระเบิดโรงอาหารโรงเรียนบ้านตันหยงลิมอ หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พบว่าพื้นปูนในโรงอาหารถูกแรงระเบิดแตกกระจายกว้าง 2 เมตร โต๊ะเก้าอี้ไฟไหม้เสียหาย 5 ตัว โดยมีแกลลอนน้ำมันวางอยู่ 1 แกลลอน เศษผ้าชุบน้ำมันเชื้อเพลิง ยากันยุงและไม้ขีดไฟที่ถูกไฟไหม้เล็กน้อย สอบสวนทราบว่า ช่วงดึกที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้าย 2-3 คน ลอบเข้าไปในโรงอาหาร ใช้เศษผ้าชุบน้ำมันและยากันยุงกับไม้ขีดไฟวางเพลิง 4 จุด แต่ไฟลุกไหม้เพียงจุดเดียว โดยวางระเบิดไว้ในกองเพลิงด้วย เพื่อต้องการให้สะเก็ดระเบิดเป็นตัวนำเปลวไฟไปลุกไหม้อาคารเรียน แต่โชคดีที่ไฟไม่ลุกลาม หลังเกิดเหตุนายบุญสม นะมาเส ผอ.โรงเรียนบ้านตันหยงลิมอ สั่งปิดโรงเรียนชั่วคราว 1 วัน เพื่อความมั่นใจของครูและนักเรียน

อาก้ายิงถล่มบ้านชาวไทยพุทธ


เวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ชุดเดิมไปตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้ปืนอาก้ายิงถล่มบ้านชาวไทยพุทธแล้วเผาซ้ำ ที่บ้านเลขที่ 202 บ้านสะโลตราแดะ หมู่ 6 ต.เฉลิม เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวสภาพเก่า ฝาบ้านกั้นด้วยสังกะสีถูกยิงเป็นรูพรุน โดยมีรอยราดน้ำมันจุดไฟเผาที่ฝาบ้านและพื้นระเบียง แต่ไฟไม่ลุกลาม ห่างไปเล็กน้อยพบปลอก กระสุนปืนอาก้าตกอยู่เกลื่อนกลาด 17 ปลอก สอบสวนทราบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านของนางแมะ แซ่ต่าม อายุ 81 ปี อาศัยอยู่กับลูกสาว 2 คน คือ น.ส.นุ้ย แซ่ต่าม อายุ 56 ปี และ น.ส.ฟองนวล แซ่ต่าม อายุ 35 ปี เหตุเกิดเมื่อหัวค่ำวันที่ 22 พ.ย. ขณะที่ 3 แม่ลูกนอนดูโทรทัศน์ อยู่ในบ้าน ได้มีคนร้ายลอบเข้ามาด้านหลังบ้านแล้วใช้ ปืนอาก้ากราดยิงถล่ม โชคดีที่ทั้ง 3 คน มุดไปหลบอยู่ ใต้เตียงจึงรอดพ้นคมกระสุนฉิวเฉียด หลังยิงถล่มจนหนำใจแล้วคนร้ายยังราดน้ำมันจุดไฟเผาบ้านซ้ำ โชคดีที่ไฟไม่ลุกลาม ในที่เกิดเหตุพบใบปลิวของกลุ่มโจรใต้ ที่ทิ้งไว้มีข้อความระบุว่า ขอโทษชาวไทยพุทธ ที่ต้องทำอย่างนี้ เนื่องจากรัฐบาลพูดโกหกว่าจะล้างบัญชีดำ แล้วทำไมต้องจับอุสตาซที่บ้านกูตง ต.บองอ อ.ระแงะ ถึง 2 คน จึงต้องตอบโต้ที่รัฐบาลพูดโกหก รวมถึงฆ่าเผาศพพ่อค้าขายส่งถุงพลาสติก 2 ศพ เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ด้วย

เผาโรงเรียนอีกแห่งที่ปัตตานี

ที่ จ.ปัตตานี โจรใต้ลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนอีกแห่ง เมื่อกลางดึกวันที่ 22 พ.ย. พ.ต.อ.ถวัลย์ นคทราวงศ์ ผกก.สภ.อ.หนองจิก นำกำลังตำรวจ ทหาร และรถดับเพลิง ไประงับเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนบ้านดอนนา หมู่ 5 ต.บางเขา พบว่าอาคารเรียนทำด้วยไม้ 2 หลัง มีเปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำ เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำสกัดอยู่นานกว่า 2 ชม. ปรากฏว่าอาคารทั้ง 2 หลัง ถูกเผาผลาญวอดวาย หลังแรกเป็นห้องเรียนชั้น ป.1 ก จำนวน 2 ห้อง กับห้องอาหาร 1 ห้อง ส่วนอีกหลังเป็นอาคารเรียนชั่วคราวชั้น ป.1 จำนวน 1 ห้องในที่เกิดเหตุพบเศษกระสอบป่านชุบน้ำมันตกอยู่คาดว่าคนร้ายใช้จุดไฟลอบวางเพลิง ทั้งนี้ นางอำภร ทองบัว ผอ.โรงเรียนบ้านดอนนา เผยว่า ก่อนหน้านี้โรงเรียนเคยถูกข่มขู่มาแล้วว่าจะทำร้ายครูและเผาโรงเรียน ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามดูแลเต็มที่ โดยมีชุดรักษาความปลอดภัยและชาวบ้านช่วยกันดูแลรอบๆโรงเรียนและหมู่บ้าน แต่ตนเป็นห่วงความปลอดภัย จึงให้ชาวบ้านระวังตัวเองก่อน เพราะทรัพย์สินเสียหายยังสร้างใหม่ได้ แต่ชีวิตไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้

ไล่ยิงถล่ม 2 ราย-ตาย 1 เจ็บ 2

ส่วนเหตุการณ์ล่าสังหารผู้บริสุทธิ์รายวัน เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 พ.ย. ขณะที่นายขุนเซ็ง ไม่ทราบนามสกุล อายุ 30 ปี ชาวพม่า ขี่รถ จยย.พาภรรยาและลูกชายนั่งซ้อนท้าย มาถึงถนนสายปัตตานี-ยะลา หมู่ 3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ตามประกบยิงใส่ 1 นัด กระสุนพุ่งเจาะลำคอนายขุนเซ็งบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่ง รพ.ยะรัง ก่อนส่งต่อไป รพ.ปัตตานี ส่วนภรรยาและลูกชายไม่ได้รับอันตราย ถัดไปในช่วงเที่ยง พ.ต.ท.สการียา ยูโซะ รอง ผกก.สส.สภ.อ.สายบุรี ไปตรวจสอบเหตุคนถูกยิงบนถนนสายบุรี-กะพ้อ หมู่ 2 บ้านกูแว ต.กะดุนง พบรถปิกอัพมิตซูบิชิ ถูกยิงด้านขวาเป็นรูพรุน ที่เบาะนั่งคนขับพบศพนายหมัดรุดดิน สาและ อายุ 30 ปี ถูกยิงที่ลำตัวหลายนัด นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คนถูกนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี ชื่อนางกามาดีเยาะ อาแว อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายและคนเจ็บขับรถจาก อ.สายบุรี มุ่งหน้ากลับบ้านที่ อ.กะพ้อ ถูกคน ร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ตามประกบยิงถล่ม คาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของโจรใต้เช่นเคย

เด็ดชีพครูหนุ่มสังเวยคาถนน


ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.ถวัลย์ นคทราวงศ์ ผกก.สภ.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนถูกยิงตายบนถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ หมู่ 2 ต.ตุยง นำกำลังไปตรวจสอบ พบศพนายสุรเดช วาดแสดง อายุ 40 ปี อาจารย์ 1 ระดับ 4 ครูโรงเรียนบ้านดอนรัก อ.หนองจิก สภาพศพนอนคร่อมรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ ที่ล้มตะแคง อยู่กลางถนน ถูกยิงที่ศีรษะ 1 นัด นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน คือนายตูแวรอแซะ ตูแวรอ อายุ 40 ปี พ่อค้าขายน้ำอ้อยข้างทาง ถูกยิงที่สะโพกขวา 1 นัด นำส่ง รพ.หนองจิก สอบสวนทราบว่า หลังโรงเรียนเลิก ผู้ตายขี่รถ จยย.มุ่งหน้ากลับบ้านที่ อ.โคกโพธิ์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ตามประกบยิงจนเสียชีวิตแล้วเร่งเครื่องเผ่นหนีไป

ยะลาผวาหนักปิด 96 โรงเรียน

ด้าน จ.ยะลา ในช่วงเช้า นายปราโมทย์ แก้วสุข ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เดินทางไปที่โรงเรียนบ้านบาเจาะ หมู่ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่ถูกคนร้ายบุกวางเพลิงเผาต่อหน้าครูและนักเรียนเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีนายมุสตาฟา วาโด ผอ.โรงเรียน พาไปตรวจจุดเกิดเหตุ เพื่อหาทางช่วยเหลือก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ให้นักเรียน ขณะเดียวกัน มีกำลังทหารพรานเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยภายในโรงเรียนด้วย ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้โรงเรียนในพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ธารโต และ อ.กรงปินัง จำนวน 96 โรงเรียน ต่างพากันหยุดการเรียนการสอนตั้งแต่วันนี้ โดยจะเปิดเรียนในวันจันทร์ที่ 27 พ.ย. นี้

ซัลโวลูกจ้างสำนักงานการไฟฟ้า

จากนั้นเวลา 13.30 น. พ.ต.ต.สุทัศน์ หนูสีคง สารวัตรเวร สภ.ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา ไปตรวจสอบเหตุคนถูกยิงริมถนนสายยะลา-ดอนยาง หน้าโรงงานน้ำยางมาเด็กซ์ หมู่ 2 บ้านบุรินทร์ ต.ลิดล พบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อนายประทวน ยอดแก้ว อายุ 41 ปี ลูกจ้างชั่วคราวสำนักงานการไฟฟ้า จ.ยะลา ถูกยิงที่ลำตัวด้านขวา 3 นัด นำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายประทวนพร้อมเพื่อนคนงานกว่า 10 คน ไปเดินสายไฟฟ้าแรงต่ำริมถนนบริเวณดังกล่าว ได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ฮอนด้า ไม่ทราบทะเบียน ผ่านมากระหน่ำยิงใส่ 3 นัดซ้อน แล้วเร่งเครื่องหนีไป

ธารโตป่วนประท้วงเดือด


ส่วนกรณีนายมะรอยี ฆาเลาะ อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/2 หมู่ 7 บ้านปากูหะยี ต.คีรีเขต อ.ธารโต ถูกคนร้ายดักซุ่มยิงขณะเดินกลับบ้าน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 22 พ.ย. นำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นในช่วงบ่ายวันที่ 23 พ.ย. ญาติๆ ได้นำศพนายมะรอยีไปทำพิธีทางศาสนา โดยมีเพื่อนบ้านกว่า 200 คน ช่วยกันแห่ศพผ่านตลาด อบต.ธารโต หน้าที่ว่าการอำเภอธารโต มุ่งหน้าไปยังสุสานใกล้มัสยิด ระหว่างนั้นชาวบ้านที่ร่วมขบวนเกิดความโกรธแค้น เพราะคิดว่านายมะรอยีถูกเจ้าหน้าที่รัฐยิง จึงทุบทำลายรถยนต์ ชาวบ้าน ร้านค้า และบ้านเรือนชาวไทยพุทธในตลาดเสียหายไปส่วนหนึ่ง กำลังทหารที่รักษาการณ์อยู่หวั่นเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลายจึงยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าหลายนัด ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นวิ่งหนีอลหม่าน ระหว่างนั้นมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีใช้ปืนยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงหลายนัด แต่กระสุนไม่ถูกใคร กำลังทหารจึงจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้จำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบปืนของกลาง นำตัวไปสอบสวนที่ สภ.อ.ธารโต ต่อมา พ.ต.อ.ชัยทัต อินทนูจิตร พ.ต.อ.สุริยา ไชยโยธา รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พร้อมนายสุรชัย วงศ์ศุภลักษณ์ นอภ.ธารโต รุดไประงับเหตุกระทั่งสถานการณ์คลี่คลาย กลุ่มชาวบ้านจึงแห่ศพเดินทางไปยังสุสานต่อไป

เผาบ้านครู-ถล่มช่างซ่อม จยย.

ต่อมาในช่วงเย็น มีคนร้ายลอบเข้าไปที่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 4 บ้านบูโละสนิแย ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา ของนายเฉลียว ชำเกิด หรือครูแดง ครูโรงเรียนบ้านนิคม ตลาดธารโต แล้วใช้น้ำมันเบนซินราดผนังบ้านจุดไฟเผาลุกไหม้อย่างรวดเร็ว พ.ต.ต.สุวิทย์ ลายเจียร สวป.สภ.อ. ธารโต นำกำลังตำรวจร่วมกับทหารไปที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าเพลิงเผาผลาญวอดวายทั้งหลัง ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ และในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่นายการีมัน บากา อายุ 25 ปี ช่างซ่อมรถ จยย. บ้านอยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา ขับรถปิกอัพมาสด้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บง 436 ปัตตานี ไปจอดรอภรรยาริมถนนสายยะลา-วังพญา บ้านตาลาแน หมู่ 3 ต.วังพญา อ.รามัน มีรถปิกอัพขับเข้าไปจอดเทียบ ชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่กระบะท้าย 3 คน ใช้ปืนอาก้ายิงถล่มใส่เสียงดังหูดับตับไหม้ คมกระสุนพุ่งเจาะศีรษะและลำตัวนายการีมันเป็นรูพรุนตายสยองคารถ ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะขับรถหลบหนีไป

สนธิ ยันเจไอไม่เกี่ยวโจรใต้

ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศปากีสถานว่า ประธานาธิบดีปากีสถานพูดถึงการแก้ไขปัญหาภายในของปากีสถานว่า คล้ายๆ การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะจะเน้นเรื่องการให้การศึกษากับประชาชนในพื้นที่ให้อยู่ดีกินดี เมื่อถามว่าเหตุรุนแรงในภาคใต้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลเคดาหรือกลุ่มเจไอหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการก่อการร้ายที่ไม่มีอุดมการณ์มากมายนัก ทำงานในวงแคบๆ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เห็นว่าขบวนการของตนยังมีความสามารถ โดยภาพรวมแล้วประชาชน 98% ไม่ร่วมมือด้วย ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่กระจายไปสู่ภายนอกและภายนอกก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเข้ามา การก่อการร้ายจึงไม่น่าจะขยายวงกว้างมากไปกว่านี้

ชี้หลักศาสนาได้เงินต้องบริจาค


เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเครือข่ายร้านอาหาร ต้มยำกุ้ง ในมาเลเซีย มีการบริจาคเงินเพื่อมาก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เราต้องรู้เรื่องของหลักศาสนาอิสลาม ข้อหนึ่งบอกว่า การมีรายได้จะต้องบริจาคหรือซากาด เมื่อได้เงินมาหลังจากเสียภาษีแล้ว ส่วนหนึ่งจะต้องไปทำบุญ เป็นเงินที่สามารถทำอะไรก็ได้ ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ คงตอบไม่ได้ว่าเขาไปให้ที่ไหนบ้าง คิดว่าทางมาเลเซียจะต้องคุยกับเขา จะมีผลกระทบอย่างไรต้องไปศึกษา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูก คปค.โค่นล้มไป แต่เหตุการณ์ภาคใต้ยังไม่ลดลง สาเหตุเกิดจากอะไร พล.อ.สนธิ ตอบว่า การทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ใช้งานด้านการเมืองเป็นหลักในการทำความเข้าใจกับประชาชน มีการให้อภัย ลดโทษในกรณีต่างๆ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อรัฐบาล ทำให้ขบวนการผู้ก่อความไม่สงบพยายามแสดงศักยภาพของตัวเองว่ายังมีขีดความสามารถทำให้ประชาชนส่วนใหญ่หวาดกลัว

ทหารไม่สนคำพูดปธ.เบอร์ซาตู

พล.ท.จักรกฤษณ์ อินทรทัต โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยเฉพาะการคลี่คลายปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากความไม่เป็นธรรมในสังคมนั้น รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรง และ ผบ.เหล่าทัพถ่ายทอดแนวทางการปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด ส่วนกรณีที่นายวัน กาแดร์ เจ๊ะ วัน ผู้นำกลุ่มเบอร์ซาตู ออกมาวิจารณ์รัฐบาลนั้น ไม่รู้ว่าที่เขาพูดมีวัตถุประสงค์ใดและจริงหรือไม่ แต่เขาจะพูดอย่างไรก็พูดได้ อยู่ที่เราจะพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นอย่างไร

ชื่อมาเลย์ตรวจสอบ ต้มยำกุ้ง

ด้าน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ฐานะรองประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์กรณีมาเลเซียแสดงความไม่พอใจต่อการที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าร้านต้มยำกุ้งในมาเลเซียเป็นผู้สนับสนุนเงินกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า การกระทำใดๆ พวกนี้คงไม่ทำกันแบบเปิดเผย จริงๆแล้วฝ่ายมาเลเซียคงต้องปฏิเสธก่อน แต่หลังจากนั้นคิดว่าคงไม่นิ่งนอนใจและไปตรวจสอบเหมือนกัน สำหรับด้านการข่าว ไทยกับมาเลเซียมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและช่วยเหลือกันดีมาก เมื่อถามถึงการที่นายวัน กาแดร์ เจ๊ะ วัน ผู้นำกลุ่มเบอร์ซาตู ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลจาซีราว่า กลุ่มก่อความไม่สงบมีสายอยู่ในรัฐบาลและรับรู้ความเคลื่อนไหวต่างๆ พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า ยังไม่มี ยังไม่เคยรับทราบข้อมูลตรงนั้น เมื่อถามอีกว่า ผู้นำกลุ่มเบอร์ซาตูยังระบุว่ามีการแทรกซึมของกลุ่มก่อการร้ายเจไอ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า เรื่องนี้ในที่ประชุม คมช.ยังไม่ได้พูดคุยกันเพราะยังไม่มีอะไรที่เด่นชัด บางครั้งฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายอื่นๆพยายามให้ข้อมูลทั้งด้านบวกและลบ ต้องกรองให้ดีด้วย

อิทธิพลกลุ่มพูโลรีดค่าคุ้มครอง


พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยถึงเครือข่ายร้านอาหาร ต้มยำกุ้ง ในมาเลเซียว่า เป็นแฟ้มหนึ่งในด้านการข่าว โดยร้านต้มยำกุ้งมีเครือข่ายเป็นชมรม มีคนไทยที่เป็นบุคคล 2 สัญชาติไปลงทุนในพื้นที่ โดยบุคคล 2 สัญชาติที่ไปทำงานในมาเลเซีย จะถูกอิทธิพลของกลุ่มพูโล โดยออกบัตรประชาชนให้และเรียกเก็บค่าบัตร ค่าคุ้มครองในการทำงาน อาจจะนำเงินส่วนนี้เข้ามาสนับสนุนการก่อการร้ายในไทย มีการตั้งชมรมต้มยำกุ้งจริง ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้สนใจ เมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ ออกมาพูดก็กลายเป็นข่าวใหญ่ อย่างไรก็ตามเงินที่ได้จากร้านต้มยำกุ้งไม่มากมายเท่าไหร่ แต่มีบางส่วนที่ขบวนการเข้าไปแทรกแซงลักษณะเหมือนมาเฟีย เมื่อมีอาวุธก็เข้าไปข่มขู่ หรือเรียกเงิน ก่อนหน้านี้มีข่าวว่านายมหาเธร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย เคยไปประชุมร่วมกับชมรมต้มยำกุ้ง 2-3 ครั้ง สอดคล้องกับข่าวว่านายมหาเธร์จะทำหน้าที่คอยประสานในการแก้ไขปัญหาภาคใต้

พระราชทานเงินช่วยพระสงฆ์

ที่ทำเนียบรัฐบาล คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับมอบเงินบริจาค 1 แสนบาท จาก ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ประธานกรรมการมูลนิธิวิภาวดีรังสิต เพื่อช่วยเหลือวัดและพระสงฆ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ นอกจากนี้ คุณหญิงทิพาวดียังเปิดเผยว่า สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานเงินจำนวน 6 แสนบาท ให้วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา เพื่อช่วยเหลือพระสงฆ์ และชาวไทยพุทธ 206 คน ที่อพยพเข้าไปอาศัยอยู่ภายในวัดด้วย

สุรยุทธ์ ประชุม ครม.นัดพิเศษ

ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อเวลา 18.30 น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง รวมทั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธาน คมช.เข้าร่วมประชุมด้วย ภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชม. พล.อ.สุรยุทธ์แถลงว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางในปัญหาหลายเรื่อง และมองในภาพรวมทั้งหมด ได้มีการพูดถึงเรื่องการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) วิธีการบริหารงบประมาณ บริหารคน วิธีการจัดองค์กรที่ได้รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ให้อยู่ในระเบียบ ในกรอบที่จะสามารถปฏิบัติงานได้ทุกๆด้าน โดยเฉพาะมีการบูรณาการและความเป็นเอกภาพในการปฏิบัติ ซึ่งต่อไปในส่วนนโยบายนั้นทุกส่วนราชการต้องประสานงานกับ กอ.รมน. สำหรับในพื้นที่ให้ประสานกับ กอ.รมน.ภาค 4 และ ศอ.บต.

กำหนด 5 จว.เป็นเขตเฉพาะกิจ


พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวต่อไปว่า แนวทางด้านการพัฒนาได้หารือกันว่าจะกำหนดให้ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตพิเศษเฉพาะกิจ เพื่อสามารถทำให้จัดตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมารองรับการทำงานต่างๆให้มีเอกภาพ และสามารถออกระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆได้ ทั้งด้านการเงิน มาตรการด้านภาษี จะรองรับกับแนวความคิดที่จะประสานกันทั้งภาครัฐและเอกชน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นการค้า อุตสาหกรรม การสร้างงาน การสร้างเส้นทางคมนาคมที่มีการทิ้งงานค้างอยู่ก็ให้ส่วนราชการเข้าไปทำหน้าที่สานต่อแทน ทั้งนี้ ให้ใช้งบประมาณจากกระทรวงต่างๆที่มีอยู่แล้วโดยไม่ได้มีการตั้งงบประมาณใหม่ อย่างไรก็ตาม รูปแบบการปกครองของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเป็นไปเหมือนเดิม นอกจากนั้น ที่ประชุมได้เน้นย้ำในเรื่องของการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่จะลงไปทำงานในพื้นที่ให้มีความพร้อมทั้งด้านกำลังกายและกำลังใจ โดยให้มีการฝึกอบรมก่อนไปทำงานในพื้นที่

คุยกับนายกฯมาเลย์ใช้สันติวิธี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงกรณีร้านอาหารต้มยำกุ้งในมาเลเซีย ที่ระบุว่าเป็นแหล่งเงินสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า พูดเรื่องนี้ทางโทรศัพท์กับนายกฯมาเลเซียไปเมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) แล้ว ว่าเราจะยืนยันใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาทางสันติวิธี และจะร่วมมือกันที่จะแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่วนเรื่องร้านต้มยำกุ้งนั้น นายกฯมาเลเซียเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องที่เราได้มีการหารือกันอยู่แล้ว

ปิดปากหยุดพูดเรื่อง ต้มยำกุ้ง

เมื่อถามถึงเรื่องร้านต้มยำกุ้งเป็นข้อมูลละเอียดอ่อน ทำไมนายกฯถึงกล้าตัดสินใจพูดออกอากาศให้ปรากฏแก่สาธารณชน พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ผมเคยพูดกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมคงไม่สามารถที่จะตอบท่านได้ในเรื่องนี้ คือข้อตกลงกับนายกฯมาเลเซียก็คือว่าเราจะไม่พูดออกอากาศกันอีก ต้องขออภัย ถ้าผมพูดต่อไปเดี๋ยวก็จะเกิดผลกระทบ เพราะฉะนั้นขอความกรุณาสื่อว่าไม่ควรที่จะพูดต่อในเรื่องเหล่านี้ เราจะไม่พูดเรื่องนี้เพราะได้หารือกับนายกฯอับดุลลา บัดดาวี แล้ว ไม่อยากทำผิดข้อตกลงที่เราพูดกันอีก นายกฯกล่าวและว่า จากการประชุมในวันนี้ได้มอบการทำงานในพื้นที่ให้ ผอ.กอ.รมน.ท่านใหม่คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นผู้ดูแลด้านนโยบาย เรื่องของการทำงานในพื้นที่จะมี 2 ส่วน ด้านดูแลความปลอดภัยคือหน่วย พตท.43 เรื่องการประสานงานเป็น ผอ.ศอ.บต. นายกฯก็จะมาดูเรื่องของการดำเนินการตามนโยบาย ประเมินผลการทำงาน และปรับในสิ่งที่อาจจะมีผลต่อไปในอนาคต ในห้วงเวลาตามวงรอบ 3-6 เดือน จะไม่ลงไปยุ่งเกี่ยวในรายละเอียดต่อไปอีกแล้ว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์