ระเบิดมุสลิมชีอะห์ตายกว่า 140 รุนแรงที่สุดหลังมะกันบุกอิรัก
"เกิดเหตุระเบิดต่อเนื่อง"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วานนี้ (23 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศอิรัก ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาประมาณ 15 นาทีในย่านชุมชนต่างๆในเมืองซาร์ด บริเวณชานกรุงแบกแดด
ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยของผู้มีรายได้น้อยที่เป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 140 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 200 คน โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายชาวซุนนี และนับเป็นเหตุระเบิดที่มีผู้เสียชีวิตมากสุดนับตั้งแต่กองทัพสหรัฐฯ บุกเข้าไปในอิรัก
"ตอบโต้ทันทียิงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์"
รายงานข่าวแจ้งว่า จากเหตุความรุนแรงครั้งนี้ ชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ได้ตอบโต้ทันทีด้วยการยิงถล่มสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมนิกายซุนนีในกรุงแบกแดด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 14 คน
ขณะที่ผู้นำชุมชนชาวซุนนี ชีอะห์และชาวเคิร์ดต่างออกมาเรียกร้องผ่านทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ส่วนตามมัสยิดของชาวชีอะห์ได้มีเสียงตามสายประกาศเชิญชวนให้ประชาชนบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้
"ออกมาตรการห้ามออกจากเคหะสถานเวลากลางคืน"
ด้านกระทรวงมหาดไทยของอิรัก ได้ออกประกาศมาตรการห้ามออกจากเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยเริ่มจากเวลา 20.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่ห้ามออกจากเคหะสถานตามปกติ 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่ามาตรการดังกล่าว จะใช้บังคับนานเพียงใด นอกจากนี้ รัฐบาลอิรักยังสั่งให้ยกเลิกการให้บริการแก่สายการบินพาณิชย์ที่สนามบินนานาชาติกรุงแบกแดดเป็นการชั่วคราวอีกด้วย
แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ