รัวยิงครูดับคารถ ขณะจอดนั่งรอภรรยา ตร.มึนปมฆ่า

สองมือปืนวัยรุ่นซิ่งจยย.ประกบยิงอดีตครูดับคาเก๋ง ขณะจอดรถรอเมียอยู่ข้างถนน ซัดไม่ยั้ง 4 นัดซ้อนก่อนบิดเครื่องหลบหนีสบาย ตร.ตั้งปมขับปาดหน้ารถวัยรุ่น โกรธแค้นเลยไล่ตามมายิง หรืออาจยิงผิดตัว เพราะรถติดฟิล์มทึบจนแทบมองไม่เห็นข้างใน ประกอบกับผู้ตายเป็นคนดี เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 22 พ.ย. ร.ต.อ.จุลพงษ์ มีชำนาญ ร้อยเวร สภ.อ.สามพราน จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุยิงกันตายบนถนนพระประโทน-บ้านแพ้ว หมู่ 8 ต.ตลาดจินดา อ.สามพราน จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.สุชีพ หนูนา รองผบช.ภ.7 พ.ต.อ.เรวัช กลิ่นเกสร รอง ผบก.หน.ศสส.ภ.7 และ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ปิ่นทอง ผกก. ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งฮอนด้าซีวิค 3 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กง 3151 นครปฐม จอดอยู่ริมถนนในสภาพถูกยิงด้วยกระสุนปืนเข้าที่กระจกด้านคนขับ 3 รู และกระจกหน้าอีก 1 รู

ภายในที่นั่งคนขับพบศพนายสงวน วรรณอุบล อายุ 68 ปี ข้าราชการครูบำนาญ อยู่บ้านเลขที่ 56/140 หมู่ 5 ต.สนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะ 1 นัด หน้าอก 2 นัด และหัวไหล่ซ้าย 1 นัด นอกจากนี้ยังพบ นางบุษบา วรรณอุบล อายุ 60 ปี ภรรยาผู้ตาย กำลังยืนตกตะลึงและร้องไห้อยู่ในที่เกิดเหตุ

สอบสวนนางบุษบา ให้การว่า ตนเอง เป็นข้าราชการครูบำนาญเช่นเดียวกับสามี ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางมาด้วยกัน เพื่อไปร่วมงานศพญาติที่วัดราษฎร์ศรัทธาราม ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร หลังจากนั้นได้พากันขับรถออกมาเพื่อจะกลับบ้านพัก แต่ระหว่างทางได้แวะซื้อน้ำตาลที่ร้านของชำ

ขณะที่สามีนั่งรอตนอยู่ในรถ ได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีเทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดประกบด้านข้าง จากนั้นคนซ้อนท้ายชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่นายสงวนจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตนวิ่งไปหลบอยู่ในร้านค้าจึงรอดชีวิต มาได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุอาจมาจากการที่ผู้ตายขับรถปาดหน้ากลุ่มวัยรุ่น ทำให้เกิดการโกรธแค้นตามมายิงก็เป็นได้ หรืออาจเป็นการยิงผิดตัวก็เป็นได้ เนื่องจากรถคันเกิดเหตุติดฟิล์มดำหนาทึบจนแทบมองไม่เห็นด้านใน ประกอบกับผู้ตายเป็นคนดี และเป็นที่รักใคร่ของคนในละแวกนั้น ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ไม่เคยมีปัญหากับใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนสอบสวนให้แน่ชัดต่อไป.

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์