จับแก๊งโจ๋-ข่มขืนถ่ายคลิปดญ.14

"ลวง ดญ.14 รุมโทรมท้ายรถกระบะยับ"


ยายพาหลานสาว ด.ญ.อายุ 14 เข้าแจ้งความถูกกลุ่ม 5 วัยรุ่นชายในหมู่บ้าน ล่อลวงพาไปข่มขืนรุมโทรมบนท้ายรถกระบะ ซ้ำยังใช้มือถือถ่ายคลิปวิดีโอเก็บเอาไว้ ข่มขู่ไม่ให้เอาเรื่องไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะเอาคลิปไปประจาน ตำรวจตามจับกุมตัวได้ทันควัน 2 คน อีก 3 คนไหวตัวหลบหนีไปได้ โดนแจ้ง 2 ข้อหาหนักรุมโทรมและพรากผู้เยาว์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ เผยข้อมูลปี"49 มีเด็กและผู้หญิง ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงโดนข่มขืน ทำอนาจาร และทำร้ายร่างกาย รวมกันเกือบ 3,000 ราย ระบุเหยื่อข่มขืน ส่วนใหญ่เป็นเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี เตรียมผลักดันออกกฎหมายแก้ไข

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 พ.ย. นางย้อย อายุ 57 ปี พาด.ญ.อ้อย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี หลานสาว ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพ.ต.อ.สุเมธ ธัชเสนีย์ ผกก.สภ.อ.บางซ้าย ว่า ด.ญ.อ้อยโดนกลุ่มวัยรุ่นชายในหมู่บ้านล่อลวงไปรุมโทรม เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. คืนวันที่ 21 พ.ย. หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาด.ญ.อ้อย ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเสนา

"ลวงไปหาเพื่อน ขับผ่านรถกระบะชาวบ้านบังคับรุมโทรม"


ด.ญ.อ้อย ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็น วันที่ 21 พ.ย. นายโรจน์ ซึ่งเป็นเพื่อนของนายบอย เพื่อนชายของตน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาหาที่บ้าน บอกว่า นายบอยให้มารับไปเที่ยวห้างโลตัส แต่เมื่อไปถึงกลับพบกลุ่มเพื่อนของนายสาโรจน์อีก 4 คน พร้อมรถจักรยานยนต์จอดอยู่อีก 2 คัน นายสาโรจน์อ้างว่า นายบอยบอกให้คอยอยู่ก่อน เดี๋ยวจะตามมา จนถึง 2 ทุ่ม ตนเห็นว่านายบอย ยังไม่มา จึงขอให้นายโรจน์ขับรถมาส่งที่บ้าน นายโรจน์กับเพื่อนจึงขับรถจักรยานยนต์มาส่ง

เด็กหญิงเหยื่อรุมโทรม ให้การต่อไปว่า เมื่อมาถึงกลางทาง นายโรจน์พบรถปิคอัพของชาวบ้าน ที่เจ้าของนำมาจอดไว้เพื่อหนีน้ำท่วม จึงได้จอดรถและบังคับตนให้ขึ้นไปบนกระบะหลัง ก่อนที่ทั้งหมดจะลงมือขืนใจจนสำเร็จความใคร่ทุกคน ระหว่างนั้นยังใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายเป็นคลิปวิดีโอเอาไว้ นายโรจน์ได้ขับรถมาส่งตนที่บ้าน พร้อมขู่ว่าหากนำเรื่องไปบอกใคร จะนำคลิปวิดีโอออกมาประจาน แต่ตนเองตัดสินใจเล่าเรื่องให้ยายฟัง ยายจึงพามาแจ้งความให้ตำรวจติดตามจับกุมกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวมาดำเนินคดี เพราะจำหน้าได้หมดทุกคนว่าเป็นวัยรุ่นในหมู่บ้านเดียวกัน

"จับผู้ต้องหาได้ทันควัน 2 คน ยอมรับสารภาพทำจริง"


หลังการสอบปากคำ พ.ต.อ.สุเมธ สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนออกหาเบาะแสกลุ่มคนร้าย ก่อนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับ ซึ่งต่อมาสามารถจับกุมวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ 2 คน คือ นายสาโรจน์ หรือโรจน์ อุระอารี อายุ 19 ปี และนายศิวนนท์ หรือแมน เพิ่มพิพัฒน์ อายุ 19 ปี แจ้งข้อหาร่วมกับพวกที่หลบหนี ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นโทรมหญิง และร่วมกันพรากผู้เยาว์ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

พ.ต.อ.สุเมธ กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จับกุมได้ที่บ้านพัก ที่เหลืออีก 3 คน ไหวตัวทันหลบหนีไปได้ แต่ตำรวจทราบชื่อและประวัติหมดแล้ว เร่งให้ฝ่ายสืบสวนตามจับกุมมาดำเนินคดีให้หมด คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน

"พบปีนี้ คดีข่มขืนกว่า 3,000 ราย"


วันเดียวกัน นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แถลงว่า จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลกลาง สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ที่รวบรวมจากโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและกทม. สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-16 พ.ย. พบว่า มีเด็กและผู้หญิงถูกกระทำรุนแรงถึง 2,929 ราย เพิ่มขึ้นจากปี"48 จำนวน 473 ราย พฤติกรรมที่ถูกกระทำสูงสุด 4 อันดับ คือ 1.ทำร้ายร่างกาย 1,499 ราย 2.ข่มขืน 796 ราย ในจำนวนนี้พบว่าเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ตกเป็นเหยื่อข่มขืนมากที่สุดถึง 412 ราย 3.ทำอนาจาร 411 ราย และ 4.พรากผู้เยาว์ 132 ราย โดยบุคคลที่ทำร้ายเด็กและผู้หญิง ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดหรือเพื่อนมากที่สุด 1,461 ราย รองลงมาคือคนในครอบครัว อาทิ พ่อ แม่ ญาติ 875 ราย

รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวด้วยว่า รายงานของศูนย์พึ่งได้ โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข ที่เก็บข้อมูลจากโรงพยาบาล 82 แห่ง พบเด็กและผู้หญิงถูกกระทำรุนแรง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 พ.ย. สูงถึง 13,550 ราย ผู้กระทำรุนแรงทางร่างกายและจิตใจต่อเด็กและผู้หญิงคือคนในครอบครัวมากที่สุด 6,122 ราย มูลค่าการรักษาและช่วยเหลือมากถึง 6 พันกว่าล้านบาท หากดูเฉพาะข้อมูลศูนย์พึ่งได้ จะพบว่าในปี"49 มีเด็กและผู้หญิงถูกกระทำรุนแรง 37 คนต่อวันเป็นอย่างต่ำ

"ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น"


นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า หน่วยจัดการความรู้ความรุนแรงในครอบครัว คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ประมาณการว่าครอบครัวไทยที่มีประมาณ 18.1 ล้านครอบครัว มีครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงประมาณ 5.24 ล้านครอบครัว ซึ่งการวิเคราะห์ความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ของสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม พบมูลค่าสูงถึง 36,687 ล้านบาทต่อปี

นายไพบูลย์ กล่าวอีกด้วยว่า มาตรการสำคัญที่กระทรวงจะดำเนินการเพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี คือ การผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ที่ระบุชัดเจนว่า ผู้ที่ใช้ความรุนแรงกับคนในครอบครัว มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"ร่าง พรบ.ฉบับนี้ไม่มุ่งเน้นการลงโทษเพียงอย่างเดียว"


และในระหว่างชั้นการสอบสวนสามารถห้ามผู้กระทำความรุนแรงเข้าไปอยู่ในบ้าน หรือเข้าใกล้บุคคลในครอบครัว รวมถึงการห้ามดูแลบุตร ซึ่งต่างจากกฎหมายอาญาที่ต้องรอให้คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลก่อนถึงจะมีคำสั่งลักษณะนี้ได้

รมว.พม.กล่าวต่อว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้มุ่งเน้นการลงโทษอย่างเดียว แต่เปิดโอกาสให้ผู้กระทำผิดได้กลับตัว รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว มีการไกล่เกลี่ย และจัดทำสัญญายอมความ ที่ต่างจากกฎหมายอาญาตรงที่หากผู้กระทำความรุนแรงไม่ปฏิบัติตามสัญญา เจ้าหน้าที่หรือศาลสามารถจะนำคดีดังกล่าวมาดำเนินการกับผู้กระทำความผิดต่อไปได้ ช่วยแก้ปัญหาการหย่าร้าง แล้วให้ฝ่ายชายไปทำความรุนแรงกับครอบครัวใหม่ ส่วนผู้เห็นการทำร้ายมีหน้าที่ต้องแจ้งพนักงาน โดยกฎหมายจะคุ้มครองไม่ต้องกลัวถูกฟ้องร้อง ขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ผ่านความเห็นชอบของครม. รอเสนอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปี"50


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์