แฉแก๊งค์ 18 มงกุฎอ้างตัวเป็นดีเอสไอรีดเงินชาวบ้าน

อธิบดีศาลอาญา เผย แก๊งค์ 18 มงกุฎ อ้างเป็นดีเอสไอใช้ศาลอาญาเป็นที่นัดรีดเงิน 2 ผู้เสียหาย แลกถอนชื่อแบล็คลิสต์ ยาเสพติด-ฟอกเงิน สั่งเลขานุการประสานดีเอสไอ สืบหาคนร้ายตัวจริง ดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาล เตือน ปชช. ระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว - ธุรกรรมการเงิน

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 22 พ.ย. นางจิราวรรณ สุญาณวนิชกุล อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เปิดเผยภายหลัง ตรวจความเรียบร้อยศาลอาญาว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมาขณะกำลังเดินตรวจความเรียบร้อยที่บริเวณประชาสัมพันธ์ของศาล ได้พบกับ นายธนาชัย คำสิงห์ไชย อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/452 หมู่9 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และนายพรเทพ พิกุลกมลรัตน์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/140 หมู่ 12 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งกำลังสอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถึงรายละเอียดการมอบตัวกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่นัดให้มาพบที่ศาลอาญา เพื่อต่อรองแลกเปลี่ยนเงินกับการถอดชื่อออกจากบัญชีดำคดียาเสพติดและฟอกเงินของทางดีเอสไอ ดังนั้นตนจึงเรียกบุคคลทั้งสองมาสอบถามพร้อมทำบันทึกคำให้การไว้เป็นหลักฐาน

ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า หลังที่ทราบเหตุการณ์และบันทึกให้การผู้เสียหายทั้งสองไว้เป็นหลักฐานแล้ว ได้มอบหมายให้นายธันว์ บุญยตุลานนท์ เลขานุการศาลอาญา ประสานกับดีเอสไอเพื่อสอบถาม ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชื่อนายชนะชล แต่พบว่านายชนะชล เป็นแก๊งค์หลอกลวงที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เรียกรับเงินจากประชาชน โดยที่ผ่านมามีการร้องเรียนเข้ามายังดีเอสไอแล้ว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จ.นราธิวาส รายหนึ่งตกเป็นผู้เสียหาย ถูกหลอกว่าชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์ดีเอสไอ และเรียกรับเงิน 50,000 บาทแลกกับการถอดชื่อออก โดยดีเอสไอกำลังสืบสวนจับกุม แต่ทั้งนี้คิดว่านายชนะชล รู้ตัวเสียก่อนจึงมาใช้ศาลอาญาเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงโดยอ้างคำสั่งศาลออกหมายจับเป็นเครื่องมือข่มขู่

อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวอีกว่า จากปัญหาดังกล่าว ขณะนี้ตนได้มีคำสั่งให้เลขานุการศาลอาญา รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงแล้วเพื่อหาตัวนายชนะชล ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ เนื่องจากการกระทำของนายชนะชลที่ใช้ศาลเป็นเรื่องดังกล่าว เป็นกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์ไปยังหมายเลขซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่าเป็นของนายชนะชลแล้ว แต่ปรากฏว่าปลายสายมีลักษณะเหมือนเจ้าของเครื่องตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง จึงคิดว่าคนร้ายอาจไหวตัวทันและทราบว่าศาลอาญารู้เรื่องแล้ว อย่างไรก็ดีข้อมูลโทรศัพท์ที่ผู้เสียหายแจ้งถือเป็นเบาะแสที่ดีเอสไอจะต้องนำไปสืบสวนหาตัวคนผิดมาลงโทษฐานหลอกลวงประชาชนและละเมิดอำนาจศาลต่อไป

โดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวด้วยว่า เมื่อพิจารณาถึงคำให้การของผู้เสียหายทั้งสองแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก เมื่อผู้เสียหายแจ้งว่าเคยให้ข้อมูลส่วนตัว และหมายเลขโทรศัพท์ สำหรับสมัครบัตรเครดิตและขอสินเชื่อประเภทตามที่ได้ติดป้ายเชิญชวนตามท้องถนน จึงมีความสงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่คนร้ายจะได้หมายเลขโทรศัพท์มาจากการขอบัตรเครดิตหรือขอสินเชื่อดังกล่าว ดังนั้นจึงฝากเตือนประชาชนขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลทำธุรกรรมทางการเงิน และอย่าหลงเชื่อพวกแอบอ้างที่นำศาลอาญามาข่มขู่

ทั้งนี้คำให้การของนายธนาชัย ระบุว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์ จากนายชนะชล ไม่ทราบนามสกุล โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ แจ้งว่านายธนาชัย ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในบัญชีคดียาเสพติด และคดีฟอกเงินของดีเอสไอจึงให้มารายงานตัวในวันที่ 21 พ.ย.ที่ศาลอาญา

หลังจากนั้นพยายามโทรศัพท์ติดต่อกลับไป ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ จึงเดินทางมาที่ศาลอาญา เพื่อสอบถามเรื่องการมอบตัวดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ศาลอาญาไม่ทราบรายละเอียด แม้ว่าจะพยายามค้นหาชื่อในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นจำเลยที่ศาลอาญา หรือไม่แต่ก็ไม่พบ

ส่วนนายพรเทพ ให้การว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยแจ้งว่าเป็นผู้ต้องสงสัย และให้ติดต่อนายชนะชล เมื่อติดต่อกลับไป นายชนะชลได้ขอหมายเลขบัญชีเงินฝาก พร้อมสอบถามถึงเรื่องการเบิกถอนบัญชีดังกล่าว จากนั้นได้นัดให้ไปพบที่ศาลอาญา ในวันที่ 21 พ.ย.เช่นกัน โดยไม่ได้บอกให้ติดต่อกับใคร เพียงแต่บอกว่าหมายศาลจะตามมาทีหลัง แต่เมื่อมาถึงศาลก็ไม่พบใคร และขอยืนยันในความบริสุทธิ์เพราะไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิด

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก