ผีสาวเฮี้ยน-เข้าฝันชี้จุดถูกผัวฆ่าฝังดิน

ตะลึงผีสาวพรหมพิรามสุดเฮี้ยน เข้าฝันแม่ถึง 2 คืนติดกัน บอกว่าตัวเอง ถูกฆ่าตายเป็นศพถูกฝังดินอยู่หลังบ้านสามี

ครั้งแรกแม่พาญาติๆ มาขุดไม่เจอ พอมาเข้าฝันซ้ำเลยไปขุดซ้ำให้ลึกกว่าเดิม คราวนี้เจอโครงกระดูกเต็มๆ ส่วนฆาตกรก็คือสามีผู้ตายเอง อยู่ระหว่างติดคุกคดีลักทรัพย์ ตร.ตามไปสอบเค้นในคุกจนยอมเปิดปากสารภาพ ใช้ปืนยิงหัวภรรยาตาย เพราะหึงหวงเห็นแอบคุยกับชายอื่นหลังบ้าน เสร็จแล้วก็ฝังศพกลบไว้นานถึง 4 เดือน แต่ต้องมาถูกจับจนได้ เพราะความเฮี้ยนของภรรยาตัวเอง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ต.ค. พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ พูลเผ่าดำรงค์ ผกก. พ.ต.ท.เชาวลิตร วงศ์พิทักษ์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.พิสิษฐ อุ่นใจ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนกว่า 50 นาย ควบคุมตัวนายเสนี ทองดี อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.พรหมพิราม อ.พรหม พิราม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพฆ่า นางราตรี ทองดี อาย 21 ปี ภรรยาตัวเอง โดยนำศพไปฝังดินไว้ที่หลังบ้านพักนานถึง 4 เดือน ทั้งนี้ ก่อนถูกจับกุมคดีฆาตกรรม นายเสนีถูกตำรวจจับกุมคดีลักทรัพย์อยู่ก่อนแล้ว อยู่ระหว่างคุมขังในเรือนกลางจังหวัดพิษณุโลก เมื่อนายเสนีให้การรับสารภาพคดีฆ่านางราตรี ตำรวจจึงได้ประสานกับเรือนจำขอตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางประชาชนที่มารอดูกว่า 500 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องคุมเข้มในการทำแผนฯ อย่างหนาแน่น พร้อมทั้งให้ผู้ต้องหาสวมเสื้อกันกระสุน เพื่อป้องกันเหตุร้าย เกรงว่าจะเกิดเหตุประชาทัณฑ์

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.พิสิฐ อุ่นใจ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.พรหมพิราม

รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าฝังดินไว้ที่ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.พรหมพิราม ไปตรวจสอบพบว่าชาวบ้านช่วยกันขุดดินหลังบ้านพักดังกล่าว ลึกลงไปประมาณ 2 เมตร จนกระทั่งพบโครงกระดูกของคน สภาพนอนหงาย กะโหลกศีรษะด้านหน้าแตก คล้ายถูกทุบด้วยของแข็ง เนื้อตัวเปื่อยยุ่ยจนเหลือแต่โครงกระดูก คาดว่าชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน เบื้องต้นทางญาติยืนยันว่าศพดังกล่าวคือนางราตรี เพราะจำเศษผ้าถุงที่ผู้ตายสวมใส่ได้ โดยทางญาติแจ้งความคดีนางราตรีหายตัวเอาไว้ร่วมนาน 4 เดือนแล้ว

จากการสอบสวนนางสมจิตร จิตรประจักษ์ อายุ 55 ปี แม่ของนางราตรี ทราบว่า นางราตรีแต่งงานกับนายเสนี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านพักหลังดังกล่าว

จนมีบุตรด้วยกัน 1 คน ช่วงแรกตนเองก็มาเยี่ยมเยียนบุตรสาวที่บ้านหลังดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 เดือน ตนเองแวะมาเที่ยวหาบุตรสาว แต่ทราบจากนายเสนี ลูกเขยว่า บุตรสาวหนีออกจากบ้านไปนาน 2 เดือนแล้ว ในตอนแรกตนเองก็ไม่ได้เอะใจ คิดว่าบุตรสาวทะเลาะกับสามี หนีออกจากบ้านไปไม่นานก็คงกลับมา หลังจากนั้นนายเสนีก็ได้ไปแจ้งความคนหายเอาไว้ที่ สภ.พรหมพิราม จนเวลาผ่านไปนานถึง 4 เดือน

นางสมจิตร กล่าวอีกว่า ต่อมาฝันเห็นลูกสาวมาเข้าฝันบอกว่าถูกฆ่าตาย ศพถูกฝังไว้ที่ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้านพักของนายเสนี

ตนเองพร้อมกับญาติจึงได้มาขุดบริเวณดังกล่าว แต่ไม่พบอะไร จึงกลับไปที่บ้านที่พิจิตร พร้อมกับปรึกษากับญาติพี่น้องให้ช่วยกันตามหาบุตรสาว กระทั่งคืนต่อมาบุตรสาวมาเข้าฝันอีกครั้ง บอกว่าถูกฝังอยู่ที่เดิม ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่แม่เคยไปขุดครั้งแรก แต่ให้ขุดลึกลงไปกว่าเดิม รุ่งเช้า ตนเองพร้อมญาติจึงย้อนกลับมาขุดลึกลงไปอีก จนพบโครงกระดูกมนุษย์ดังกล่าว คาดว่าจะเป็นศพของนางราตรีที่หายไปนาน 4 เดือน ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์อีกเพื่อยืนยันชัดเจนอีกครั้งว่าเป็นใคร

ทางด้านนายเสนีให้การรับสารภาพว่า ความที่ภรรยาเป็นคนหน้าตาดี จึงมีหนุ่มๆ มาติดพันหลายคน ทำให้ตนเองและภรรยาทะเลาะกันบ่อยครั้ง

ในวันเกิดเหตุ ตนออกไปทำงานนอกบ้าน กลับมาก็ไม่พบภรรยา จึงได้เข้าไปอาบน้ำกำลังจะพักผ่อน ต่อมาได้ยินเสียงของภรรยาพูดคุยกับชายหนุ่มอยู่หลังบ้านของตนเอง จึงแอบย่องลงมาดูบริเวณช่องลมในห้องน้ำ พบว่าภรรยากำลังยืนคุยกับชายหนุ่ม ด้วยความโมโห จึงไปหยิบอาวุธปืนขนาด .38 แบบไทยประ ดิษฐ์ที่ซุกซ่อนไว้หลังตู้ วิ่งออกมาหาภรรยาที่กำลังยืนพลอดรักกับชายหนุ่ม เมื่อภรรยาเห็นตนก็ผลักชายหนุ่มดังกล่าวให้วิ่งหลบหนีไป ตนยิงปืนใส่ 1 นัด กระสุนเข้าที่ศีรษะภรรยา ล้มฟุบลงกับพื้น ด้วยความกลัวความผิด จึงนำจอบมาขุดหลุมบริเวณใต้ต้นมะม่วงฝังร่างของภรรยาเอาไว้

นายเสนี กล่าวอีกว่า จากนั้นตนเองได้ไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.พรหมพิราม

ช่วงที่นางสมจิตร แม่ยายมาตามหา ได้โกหกไปว่านางราตรีหนีตามผู้ชายคนอื่นไปแล้ว พยายามออกตามหาแต่ไม่พบ จนกระทั่งตนเองมาถูกจับกุมในคดีลักทรัพย์ ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสอบปากคำ จึงเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นคนสังหารภรรยาด้วย