ระแวงเมียปันใจจ่อยิงดับพร้อมลูก3ศพ

หนุ่มลาวหึงโหด ระแวงเมียปันใจ คว้าปืนจ่อยิงเมียรักดับพร้อมลูกน้อยยกครัว 3 ศพ หลังก่อเหตุขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตร.สกัดจับ คาดหลบเข้าลาวหรือกรุงเทพฯ

เหตุการณ์สะเทือนขวัญ หนุ่มลาวระแวงเมียปันใจก่อเหตุฆ่ายกครัว 3 ศพ เปิดเผยเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8  ตุลาคม พ.ต.ท.สันติ ทองเชื้อ พนักงานสอบสวน สภ.ลานสัก รับแจ้งเหตุยิงกันตายบริเวณร้านค้าในบ้านป่าพลู หมู่ 11 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ คล้ายพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี พ.ต.อ.พิภพ ดวงนภา ผกก.สภ.ลานสัก และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวทำเป็นร้านค้าขายของชำ จากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพนางประนอม คุปต์วิชิต อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 11 ต.ป่าอ้อ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เสียชีวิตภายในห้องนอน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .32 เข้าที่ศีรษะ กระสุนทะลุ 1 นัด ฝังใน 1 นัด ใกล้กันบริเวณหน้าประตูห้องนอนพบร่าง ด.ญ.นาริน คุปต์วิชิต อายุ 7 ขวบ นอนคว่ำเสียชีวิตจมกองเลือด ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโมขนาด .32 กระสุนทะลุศีรษะ 1 นัด นอกจากนี้ยังทราบว่า ด.ญ.ปัญจรัตน์ คุปต์วิชิต อายุ 2 ขวบ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะเช่นกัน ญาติช่วยนำส่งโรงพยาบาลลานสัก แต่เสียชีวิตระหว่างทาง

 ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุรายนี้ คือ นายปรีดา ไม่ทราบนามสกุล หรือ นายตุ๋น แรงงานต่างชาติชาวลาว สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ผิวสองสี ไว้ผมยาวประบ่า ทำงานอยู่ที่ย่านท่าเรือคลองเตย กรุงเทพฯ โดยนายตุ๋นอยู่กับนางประนอม ผู้ตายมาประมาณ 8 ปี ก่อนที่ผู้ตายจะกลับมาอยู่บ้านประกอบอาชีพขายของชำเลี้ยงลูก เมื่อประมาณ 4 ปีเศษที่ผ่านมา โดยนายตุ่นจะกลับมาบ้านหลังเกิดเหตุเป็นบางครั้ง

 จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 08.00 น. นายตุ๋นกลับมาที่บ้าน และรับลูกคนเล็กไปซื้อขนมที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในตลาดลานสัก (ตลาดปากเหมือง) จากนั้นจอดรถนั่งพักที่ศาลาพักผู้โดยสารทางเข้าบ้านเป็นเวลานาน ก่อนจะกลับไปบ้าน จากนั้นได้ตัดสินใจใช้ปืนพกขนาด .32 จ่อยิงศีรษะภรรยา และลูกอีก 2 คน เสียชีวิต ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุตำรวจคาดว่า น่าจะเกิดจากความหึงหวง เพราะระยะหลังทราบว่ามีชายมาติดพันฝ่ายหญิง โดยหลังก่อเหตุนายตุ๋นได้ขี่รถจักรยานยนต์ของนางประนอมหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แบ่งสายออกติดตามตัวมาลงโทษ โดยสกัดเส้นทางหลบหนี ที่คาดว่าผู้ต้องหาจะกลับประเทศลาว หรือเข้ากรุงเทพฯ