เค้นสอบ 2 ผู้ต้องสงสัยเอี่ยว “สมัย” บึ้มแมนชั่น ชุดคลี่คลายคดีลงพื้นที่ล่าตัวที่เหลือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชุดคลี่คลายคดีระเบิด “สมานเมตตาแมนชั่น” ย่านบางบัวทอง อยู่ระหว่างการสอบสวน น.ส.นะทัน หะยีดือราแม ภรรยาของ นายกษิ ดิฐธนรัชน์ ที่เจ้าหน้าที่พบการโอนเงินไปให้ นายสมัย วงศ์สุวรรณ์ ที่เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ ที่เซฟเฮ้าแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ชุดดังกล่าว ยังเดินทางไปที่ จ.เชียงใหม่ จ.นครนายก และ จ.นราธิวาส หลังมีข้อมูลว่านายสมัย เคยไปพักอาศัยอยู่
ทั้งนี้ ชุดคลี่คลายคดีที่ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส สามารถติดตามตัว นายยา ปิยะนรา เจ้าของรถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน กค 3898 นราธิวาส แล้ว ที่ อ.สุไหงโก-ลก โดยนายยา ยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องระเบิดดังกล่าว แต่รับว่านายกษิ เป็นคนว่าจ้างให้ไปซื้อรถคันดังกล่าว มาจากโชว์รูมโตโยต้าพิธาน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วนายกษิ ก็นำรถไปใช้ โดยที่ตนไม่รู้เรื่อง
ตามล่าแนวร่วม“สมัย”มือบึ้มแมนชั่น
จากกรณีนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ อดีตแนวร่วมนปช.เชียงใหม่ ประกอบระเบิดในห้องพัก 202 สมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่ระหว่างนั้นวงจรเกิดลัดทำให้มีการปะทุของดินระเบิดจนเกิดการระเบิดขึ้นทำให้ห้องพักในชั้น 2 จำนวน 4 ห้องพักเสียหาย มีผู้เสียชีวิต 4 ราย คือ นายสมัย นายจตุรงค์ คำรอด อายุ 25 ปี นางทัศนีย์ ลาภเจริญ อายุ 24 ปี ภรรยานายจตุรงค์ คนบริสุทธิ์ที่เพิ่งเข้าพักได้ 3 วัน และ 3.นายอภิรักษ์ สัจจะบรรจงกิจ คนงานแพปลา โดยเจ้าหน้าที่ยังพบระเบิดที่ประกอบแล้วพร้อมใช้งานอีก 3 ถัง หนัก 30 กิโลกรัม เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าระเบิดดังกล่าวมีส่วนเชื่อมโยงในเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพฯและนนทบุรี รวม 4 แห่ง ซึ่งกำลังขยายผลหาคนที่อยู่เบื้องหลังด้วย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวถึงมาตรการป้องกันเหตุระเบิดว่า ตอนนี้ก็ทำการข่าวเชิงรุกให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ประสานงานกับสันติบาล งานการข่าวมากขึ้น ส่วนกรณีที่ยังพบระเบิดต่อเนื่อง เนื่องจากการลอบวางก็สามารถทำได้อยู่ บางครั้งที่พบระเบิดลูกเกลี้ยงตามจุดต่างๆ มองว่าเป็นเพราะตำรวจกดดัน การป้องกันไม่ให้การลอบวางระเบิดขยายวงพื้นที่ไปนั้นตำรวจก็พยายามเต็มที่ ทุกวิถีทางไม่ให้เกิดเหตุอีก และมองว่าตำรวจไม่ได้ถูกกดดันทางการเมือง ทำหน้าที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามกรณีเหตุระเบิดที่บางบัวทองนั้น ไม่พบว่านายสมัย ไปเชื่อมโยงกับกลุ่มไหน เมื่อถามว่าเชื่อมโยงกลับกลุ่มการเมือง 5-6 คน ที่เคยออกมาระบุว่าเป็นกลุ่มที่ออกมาสร้างสถานการณ์ก่อนหน้านี้ หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน
ดูลายนิ้วมือยัน“สมัย”ตาย
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รองผบช.สทส. ในฐานะโฆษก พล.ต.ต.สัญชัย สุนทรบุระ ผบก.สท. และพ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ รองผบก.ทล. ในฐานะรองโฆษก ร่วมกันแถลงข่าว โดยพล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวถึงเหตุระเบิดว่า ศพที่ 4 จากสภาพศพโดนระเบิดที่รุนแรง ไหม้ ลำตัวก็ฉีกขาด แต่เมื่อเราตรวจสอบจากแขนซ้ายที่ฉีกขาด มีนิ้วที่สมบูรณ์ 3 นิ้ว กลาง นางและก้อย ได้นำลายนิ้วมือไปเปรียบเทียบกับประวัติอาชญากร ของนายสมัย วงศ์สุวรรณ ซึ่งเคยมีประวัติถูกจับกุมปี 52 และยืนยันว่าตรงกันก็น่าจะยืนยันได้ว่าผู้ที่เสียชีวิตคือ นายสมัย อย่างไรก็ตามจะต้องมีการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ หรือดีเอนเอ ยืนยันผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งด้วย
โฆษกตร. กล่าวต่อว่า สำหรับหญิง-ชาย 2 คน ชาวมุสลิม ที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ ชุดสืบสวนกำลังติดตามตัวมาอยู่ ขณะนี้จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าทั้ง 2 ราย เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่ ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิเชียร ได้กำชับแต่ละพื้นที่ ตรวจหาข่าว รวมถึงการส่งคนไปประกบผู้ต้องสงสัยตลอด กลุ่มนี้เท่าที่เราได้มีการเชื่อมโยง เราก็พบว่าตรงกับการสืบสวนทั้งหมดที่เราสืบมา แต่ไม่ได้มีการะบุพื้นที่ชัดเจน แต่สังเกตได้ว่าผู้ที่ก่อเหตุจะมีการย้ายที่อยู่บ่อยๆ การติดตามเฝ้าระวังก็ทำได้ยาก
ตร.เหนื่อยทำดีที่สุด
เมื่อถามว่า ตร.ได้สั่งการให้มีการเข้มงวดเรื่องของการตั้งด่าน ตรวจสอบบุคคลและวัตถุต้องสงสัย แต่สาเหตุใดกลุ่มคนร้ายยังสามารถประกอบวัตถุระเบิดได้ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า พล.ต.อ.วิเชียร ก็พูดมาตลอด แต่วัสดุต่าง ๆ ที่ใช้เป็นการประกอบระเบิด ปุ๋ยยูเรีย ดินเทา เหล่านี้ ไม่ใช้วัสดุควบคุม และเราสามารถหาซื้อได้ตามตลาด ก็ควบคุมยากแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พล.ต.อ.วิเชียร ก็ได้สั่งการตามด่านตรวจ สกัด ต่าง ๆ ที่เจอวัสดุพวกนี้ และสอบถามแล้วไม่มีเหตุผลที่จะนำไป พกพา เคลื่อนย้าย ก็ต้องซักถาม ให้กักตัวไว้ก่อน ส่วนกรณี นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่าต้องขันน็อตตำรวจ เราก็เหนื่อย ทำงานกันเต็มที่ ขันน็อตกันอยู่ตลอด เรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์ บทเรียนในการทำงาน ขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนในการแจ้งข่าวสารต่อไป
ถกทีมสืบสวนคดีบึ้ม
ที่บช.ภ.1 เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รักษาราชการแทน ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น มีตำรวจเข้าร่วมประชุมหลายนาย ประกอบด้วย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.สส.บช.ภ.1 พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.วิเชียร ให้เดินทางมาติดตามความคืบหน้า จนถึงขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบ 48 ชั่วโมงแล้ว ฝ่ายสืบสวน ฝ่ายสอบสวนและทีมงานการรวบรวมหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ได้นำพยานหลักฐานอื่นๆในคดีมาประชุมกัน
เชื่อมอีก 3 เป็น 7 คดีบึ้ม
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวต่อว่า เรื่องแรกที่สงสัย คือ นายสมัย จะเสียชีวิตหรือไม่ ขณะนี้จากการตรวจสอบลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ ยืนยันว่าเป็นนายสมัย จึงสรุปได้ว่า นายสมัยได้เสียชีวิต ในเรื่องที่สองนั้น ได้รวบรวมข้อมูลพบว่าเหตุระเบิดครั้งล่าสุดที่สมานเมตตาแมนชั่นนั้น ไปตรงกับเหตุระเบิดอีก 4 ครั้ง ทำให้ได้ข้อมูลเชื่อมโยงไปอีก 3 คดี ประกอบด้วยวันที่ 3 เม.ย.53 จำนวน 2 ครั้ง ที่หน้าบริษัททีโอที กับกองขยะของ สน.นางเลิ้ง และวันที่ 6 เม.ย.53 คือที่บริเวณหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท้องที่ สน.ปทุมวัน ซึ่งทั้ง 3 คดีนี้สามารถยืนยันได้ว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน โดยมีการพัฒนาขึ้นมาตามลำดับ จากการประกอบในส่วนของลักษณะเล็ก ขนาดกลาง และระเบิดขนาดใหญ่ แต่เมื่อพัฒนาขึ้นถึงขนาดใหญ่ก็เกิดความผิดพลาดขึ้น
จ้อง 4-5 ราย ร่วมก๊วนสมัย
“ประการสุดท้ายคือ เจ้าหน้าที่ได้ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับห้องที่เกิดเหตุเพิ่มขึ้น นอกจากนายสมัย แล้วก็ยังมีบุคคลอื่น 4-5 คน และมียานพาหนะที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่ต้องขอเวลาตรวจสอบว่า บุคคลดังกล่าวนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดสนับสนุนด้านการเงินอย่างไร หรือสนับสนุนในการประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบขยายผลว่าคดีที่เกิดขึ้นครั้งนี้นั้นไปเชี่อมโยงกับคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค.จนถึงปัจจุบันอย่างไรบ้าง ตำรวจพยายามเร่งทำงานขยายผลเพื่อหยุดยั้ง จึงพยายามระดมกำลังทั้งหมด ปรับการทำงานทุกรูปแบบ แต่เมื่อเหตุเกิดแล้วก็ต้องจับกุมให้ได้” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าว
หมอพระทิพย์ปะทะ พฐ.
ก่อนหน้านี้เวลา 09.30 น. ที่สมานเมตตาแมนชั่น พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยทีมงาน เดินทางมาที่ สมานเมตตาแมนชั่น โดยพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ อ้างว่าได้รับคำสั่งจาก ศอฉ.โดยการประสานงานของนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.นนทบุรี ให้มาทำการตรวจสอบ ต่อมา พล.ต.ต.ศุภกิจ ได้เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ โดยพล.ต.ต.ศุภกิจ ได้เข้าไปพูดคุยกับ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ และทีมงาน ซึ่งระหว่างนั้นตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานที่ทำงานมาตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดได้เดินทางที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานอีกครั้ง และเมื่อพบว่าทีมงานของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ อยู่ภายในอาคารที่เกิดเหตุ จึงได้มีการพูดจาโต้แย้งกันเล็กน้อย จน พล.ต.ต.ศุภกิจ ต้องเข้าไกล่เกลี่ยจนทั้งสองฝ่ายเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของแต่ละฝ่าย
แพทย์-จนท.ดูแล ปชช.
ที่สมานเมตตาแมนชั่น นพ.พิชิตพงษ์ วงษ์อารยะ แพทย์จากโรงพยาบาลศรีธัญญา กรมสุขภาพจิต นำจิตแพทย์ นักจิตวิทยา พยาบาล พร้อมด้วยแพทย์จากสำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดนนทบุรี และแพทย์จากเทศบาลเมืองบางบัวทอง ออกพบปะพูดคุยเพื่อดูแลสภาพจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดดังกล่าว ขณะที่ นายทวีป จำเนียร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นนทบุรี นำเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยขณะนี้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด มาลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือแล้ว 89 คน โดยเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในสมานเมตตาแมนชั่น และแพปลา 39 คน ส่วนที่เหลืออาศัยอยู่ข้างเคียง
แม่รับศพเหยื่อสาวจันท์
ต่อมานางดวงกมล ประสาโท อายุ 48 ปี มารดาของ น.ส.ทัศนีย์ เจริญลาภ ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ และเข้าพบนายสมาน บุญประเสริฐ เจ้าของสมานเมตตาแมนชั่น เพื่อสอบถามว่าลูกสาวมาพักที่นี่อย่างไร โดยนางดวงกมล กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวเดินทางมาส่งเพื่อนเมื่อวันที่ 2 ต.ค. แล้วบอกว่าขอเที่ยวก่อนยังไม่กลับจันทบุรี และวันเกิดระเบิดเวลา 16.00 น. ลูกสาวได้โทรมาหาบอกว่ากำลังเตรียมตัวกลับจันทบุรีแล้ว เมื่อถึงจะโทรบอกอีกครั้ง แต่ก็มาเกิดเหตุเสียก่อน จะรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านในจ.จันทบุรีต่อมานายทวีป ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 5,000 บาท ให้นางดวงกมล พร้อมกล่าวว่า จะประสานเงินช่วยเหลืออีก 400,000 บาท ให้นางดวงกมลอย่างเร่งด่วน
บช.น.-บช.ก.ลุยเข้มข้น
ที่บช.ก. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาราชการแทนผบช.ก. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จากกองบังคับการต่างๆ ในสังกัด สนธิกำลัง มี พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.ผบก.ป.เป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการณ์ ลงพื้นที่ย่านสยามสแควร์ และห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการสะกดรอยติดตามผู้ต้องสงสัย โดยใช้หลักพฤติกรรมศาสตร์ สืบเนื่องจากเกิดเหตุระเบิดต่อเนื่องหลายจุดทั้งใน กทม.และปริมณฑล
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวถึงการดูแลความสงบในพื้นที่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างอยู่ในแผนการทำงานอยู่ บช.น.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ 2,600 นาย ออกตรวจพื้นที่ทุกคืน และสั่งการให้ขยายเวลาการตั้งด่านทั่วพื้นที่จากเดิมจนถึงวันที่ 15 ต.ค. ไปจนถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้ โดยหลังจากเจอคลังระเบิดที่บางบัวทอง ส่วนตัวคิดว่าบรรยากาศน่าจะดีขึ้น และเมื่อถามว่าการข่าวของบช.น.มีการสืบทราบกรณีนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เปิดเผยว่าอยู่ไม่ไกลจากกทม. และตำรวจเองก็เห็นตัว แต่ไม่จับกุม พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า ไม่ได้ข่าวนี้เลย ถ้าเห็นก็จับกุมอยู่แล้ว ถ้าอยู่ในกทม.รับรองว่าเรียบร้อย แหย่ขาเข้ามาเมื่อไหร่ก็จับแน่นอน “เป็นพระ ต้องสวด เป็นตำรวจ ต้องจับ”
ดีเอสไอขอเป็นคดีพิเศษ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวถึงคดีระเบิดว่า ตนได้มอบหมายให้พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีสารสนเทศ ในฐานะเลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย เข้าหารือกับตำรวจเพื่อเตรียมรับโอนคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น เข้าเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากผลการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าเหตุระเบิดเชื่อมโยงกับคดีลอบวางระเบิดป่วนเมือง 4 แห่ง ดีเอสไอได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากแนวร่วมคนเสื้อแดงกลับใจ ซึ่งระบุข้อมูลถึงพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มฮาร์ดคอร์ โดยชุดสืบสวนกระจายกำลังเข้าติดตามกลุ่มเป้าหมาย ส่วนคนเสื้อแดงที่กลับใจเข้าให้การเป็นประโยชน์ได้กันตัวไว้เป็นพยานและให้ความคุ้มครองเต็มรูปแบบ โดยกลุ่มฮาร์ดคอร์ใต้ดินมีเป้าหมายก่อเหตุร้ายป่วนเมืองยาวไปถึงสิ้นปีนี้และจะพัฒนารูปแบบการก่อเหตุโดยเพิ่มความรุนแรงขึ้น
กมธ.เรียกแจงบึ้มแมนชั่น
ที่รัฐสภา พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นประธานประชุมกรรมกาธิการเพื่อพิจารณากรณีเหตุระเบิดอาคารสมานเมตตา แมนชั่น อ.บางบัวทอง โดยเชิญ พ.ต.ท.สมชัย อัสกุล รองผกก.สส.สภ.บางบัวทอง และ พ.ต.อ.นพรัตน์ รินทพล รองผบก.นนทบุรี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน พ.ต.อ.สัญญา ทองบุตร รองผกก.สันติบาล กอง 2 เข้าชี้แจง โดยพ.ต.อ.นพรัตน์ กล่าวว่า จุดเกิดระเบิดคือห้องพักชั้นสองของอาคาร มีผู้ชีวิตแล้ว 4 ศพ ส่วนความเกี่ยวข้องกับเสื้อแดงหรือไม่ ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน
พ.ต.ท.สมชาย ได้ซักถามว่าประเด็นรถยนต์แผ่นป้ายทะเบียนนราธิวาส ที่มีหญิงคลุมญิฮาบชาวมุสลิมมาหานายสมัยได้นำมาพิจารณาด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.นพรัตน์ ชี้แจงว่า มาจากปากคำพยาน และแมนชั่นมีกฎว่าต้องวางบัตรประชาชนและใช้ชื่อจริงในการขอเช่า และด้านพ.ต.อ.โกศล งามประมวล อดีตผกก.กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บช.น. ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการ กล่าวว่า ศพที่พบนั้นในทางปฏิบัติผู้ที่เสียชีวิตจากระเบิด หากร่างกายเสียหายแหลกเหลวมาก แสดงว่าอยู่ใกล้รัศมีระเบิดมาก ด้านพ.ต.ท.สมชาย เสริมว่า เชื้อระเบิดซีโฟร์ มีใช้กันแต่หน่วยทหาร ที่ของซีโฟร์นั้นมาอย่างไร
แฉ“สมัย”เคยคุมคลังแสง
พ.ต.อ.สัญญา กล่าวว่า ขณะนี้จากการสืบสวนข้อมูลของนายสมัย เป็นชาวสิงห์บุรี แต่งงานกับภรรยาแล้วไปอยู่เชียงใหม่ โดยไม่ได้จดทะเบียน ก่อนเคยเป็นทหารเกณฑ์ทำหน้าที่ควบคุมกองคลังแสงที่จ.ลพบุรี พ้นเกณฑ์ทหารมาประกอบอาชีพในเรือประมง จากนั้นไปทำงานเป็นรปภ. และเข้าร่วมชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาและลาออกจากงานในที่สุด
จับเด็ก เสธ.แดง ยิงเอ็ม79
วันเดียวกัน นายธาริต เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้จับกุมตัวนายอร่าม แสงอรุณ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง หลังหลบหนีหมายจับของดีเอสไอไปกบดานในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เบื้องต้นจากแนวทางการสอบสวนพบว่า นายอร่าม เป็นอดีตทหารพรานที่เสธแดงได้คัดตัวมาเป็นกองกำลัง มีหน้าที่ดูแลอาวุธปืนเอ็ม 79 พร้อมเครื่องกระสุน ทั้งการรับและเบิกจ่ายอาวุธ บางครั้งเป็นมือยิงระเบิดเอ็ม 79 ในช่วงการชุมนุมเองด้วย ขณะนี้ชุดสืบสวนดีเอสไอได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นเครื่องบินมาลงที่สนามบินดอนเมือง เพื่อนำตัวมาแจ้งข้อหาดำเนินคดีที่กรุงเทพฯต่อไป
ศอฉ.ห่วงม็อบ ต.ค.นี้
ที่กองบัญชาการกองทัพบก เวลา 16.00 น. ได้ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ. ) ที่มี พล.อ.ประวิตร ในฐานผอ.ศอฉ. เป็นประธานศอฉ. โดยพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมหารือใน 3 ประเด็น คือประเด็นที่ 1 เรื่องการจัดกิจกรรมการเมืองในช่วงเดือนตุลาคมมีหลายฝ่ายเป็นห่วงความปลอดภัยหรือความสบายใจของสังคม ทางศอฉ.กำหนดมาตรการต่างเช่นการตั้งจุดตรวจ จุดเฝ้าระวัง สายตรวจร่วมและเวรยามในแต่ละจุด และขอวิงวอนไปยังฝ่ายต่างๆที่จะเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมด้านการเมืองให้ทำกิจกรรมในกรอบกติกา ประเด็นที่ 2 เรื่องการที่ผอ.ศอฉไปหารือกับผู้ว่ากทม.ได้ฝากผู้ว่ากทม.และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 กรณี คือ1 การติดกล้องวงจรปิดทั่วกทม.ทั้งส่วนราชการหรือเอกชน และการประสานงานเกี่ยวกับการใช้กำพลของสตช.และกทม.ในการป้องกันเหตุร้ายในพื้นที่ต่างๆ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า สุดท้ายคือประเด็นที่ 3 เรื่องที่นายธาริต รายงานว่า นายกรัฐมนตีสั่งให้ 3 หน่วยงานคือ กรมราชทัณฑ์ กรมสืบสวนคดีพิเศษ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ไปตรวจสอบเรือนจำ ทั้ง 17 แห่งทั่วประเทศ เพื่อดูว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจากการชุมนุมทั้งหลาย ที่ประชุมได้หรือรือเพิ่มเติมกรณีที่นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำนปช.ได้ทำหนังสือเสนอผอ.ศอฉ.เรื่อแนวทางการปรองดอง 3 ประเด็น คือ แนวทางการปรองดองควรได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ขอให้ปล่อยตัวคนเสื้อแดง และการจำแนกนักเคลื่อนไหวทางสันติกับแนวทางรุนแรง