กรุงเทพธุรกิจ
21 พฤศจิกายน 2549 15:16 น.
มูลนิธิป้องกันควันพิษฯ ระบุศาลปกครองกลางวินิจฉัยชี้ขาดให้ ขสมก.แพ้คดีที่ปล่อยให้รถเมล์ขสมก.และรถร่วมปล่อยมลพิษ ทำให้ประชาชนล้มป่วย และต้องส่งผลตรวจสอบมลพิษให้ศาลทุก 3 เดือน แต่ยกฟ้องกรมควบคุมมลพิษ
นายศรีสุวรรณ จรรยา รองเลขาธิการมูลนิธิป้องกันควันพิษและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่าเมื่อปลายปี 2548 มูลนิธิฯร่วมกับประชาชนฟ้องร้ององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เป็นจำเลยที่ และกรมควบคุมมลพิษ(คพ.)
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เป็นจำเลยที่ 2 ต่อศาลปกครองกลาง
โดยทั้ง 2หน่วยงานนี้ มีหน้าที่ดูแลควบคุมมลพิษจากยานพาหนะให้ปราศจากมลพิษ แต่กลับปล่อยให้รถเมล์ขสมก.และบริษัทรถร่วมบริการที่รับสัมปทานจากขสมก.เสื่อมสภาพออกมาวิ่งและปล่อยมลพิษเต็มท้องถนน ทำให้ประชาชนเจ็บป่วย สูญเสียเวลาและเงินทองเพื่อรักษาพยาบาลจำนวน มาก ล่าสุด นั้นศาลปกครองกลางได้พิพากษาแล้วว่า ขสมก.มีความผิดจริง ส่วนคพ.ศาลยกฟ้อง
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมากสำหรับคน กทม.และปริมณฑล เพราะทุกไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากควันพิษ และฝุ่นควันจากรถร่วมบริการ และรถขสมก.ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนได้ ซึ่งการตัดสินของศาลปกครองให้มูลนิธิฯ ชนะในขั้นต้น ทุกคนที่ร่วมกันทำงานนี้มีกำลังใจมากขึ้น เพราะมองเห็นทิศทางการต่อสู้ที่จะทำให้มลพิษจากรถเมล์ที่ไม่ได้มาตรฐานหมดไป จากท้องถนนเริ่มชัดเจนขึ้น นอกจากนี้จากการหารือกับผู้ใหญ่ และกรรมการบริหารมูลนิธิฯมีความเห็น จะขอยื่นอุทธรณ์กรณีที่ศาลปกครองยกฟ้องคพ.อีกครั้ง เนื่องจากคพ.เป็นแกนนำสำคัญในการรณรงค์ เรื่องลดมลภาวะจากรถขสมก.และรถร่วม หากทำหน้าที่ได้ดีมลพิษคงลดลงมากกว่านี้
ด้าน ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวยอมรับว่า ศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยแล้วว่าจำเลยที่ 1 คือขสมก.มีความผิด และมีคำสั่งให้ขสมก.ต้องดำเนินการตรวจสอบมลพิษจากรถยนต์ทั้งในส่วนของรถของขสมก.และรถร่วมบริการ โดยต้องส่งผลการตรวจสอบให้กับทางศาลทุก 3 เดือน ส่วนคพ.ศาลมีคำสั่งยกคำฟ้องว่าไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม ทางคพ. จะเดินหน้า เพื่อควบคุมให้ขสมก.ให้ความสำคัญต่อการบำรุงดูแลรักษารถยนต์มากขึ้น โดยจะมี มาตรการเชิงรุก แต่ยอมรับว่าบางเรื่องคพ.ก็ไม่มีอำนาจเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ถือเป็นกรณีแรกที่ศาล ปกครองมีคำวินิจฉัยเรื่องเกี่ยวกับปัญหาการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม