"การลงโทษด้วยวิธีรุนแรง"
วันที่ 17 พ.ย. ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) น.พ.สมบัติ ตาปัญญา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงผลวิจัยเรื่อง "ความรุนแรงในโรงเรียน"ว่า ทัศนคติของครูต่อการสร้างวินัยในนักเรียน กับครูใน 4 ภาค 1,300 คน พบว่า ครูร้อยละ 75.5 เชื่อว่าครูและพ่อแม่ควรยึดถือคำพังเพย "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" ร้อยละ 69.9 เห็นว่าหากไม่ตีเลยจะควบคุมพฤติกรรมเด็กไม่ได้ สรุปว่าครูร้อยละ 60 มีทัศนคติว่าการตีเด็กยังเป็นสิ่งที่ควรทำ วิธีการลงโทษที่พบบ่อยคือ ใช้ไม้เรียวตีก้น มือ และมีครูจำนวนน้อยยอมรับว่ายังลงโทษนักเรียนด้วยวิธีที่อาจเป็นอันตราย หรือทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
"แม้กระทรวงศึกษาธิการจะห้ามลงโทษนักเรียนด้วยวิธีรุนแรง แต่ในความเป็นจริงยังพบการลงโทษที่รุนแรงอยู่บ้าง เช่นใช้มือ ผ้า สิ่งของ อุดปาก-จมูก ใช้ของร้อนจี้ ลวก ใช้เท้า เตะ ถีบ ใช้ของไม่มีคม หรือกำปั้นทุบ ตีซ้ำหลายๆ ครั้ง ขู่ให้กลัวด้วยมีดหรือปืน ขังนักเรียนในห้องมืดๆ ให้กินยาบางอย่าง หรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ เอาพริกหรือสิ่งที่มีรสเผ็ด ขม ใส่ปากเด็ก ส่วนการลงโทษทางวาจา หรือทำร้ายจิตใจ พบบ่อยคือ ตะโกนดุด่า หรือเพิกเฉย ไม่พูดด้วย" นายสมบัติ กล่าว