ถล่มใต้ดับอีก4´รอยเตอร์´เจ็บ

"เหตุระเบิดร้านกาแฟโบราณ"


เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 17 พ.ย. ร.ต.ท.อัคนีรักษ์ อัครพิน ร้อยเวร สภ.อ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดที่ร้าน ก.เก่ง กาแฟโบราณ เลขที่ 91/7 ตรงข้ามที่ทำการสื่อสารโทรคมนาคมนราธิวาส ถนนระแงะมรรคา มีคนเจ็บจำนวนมาก จึงพร้อมด้วยนายประชา เตรัตน์ ผวจ.นราธิวาส พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผกก. พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.นราธิวาส นำชุดเก็บกู้ระเบิด เหยี่ยวดง เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเมตตาธรรม และสมาคมกู้ภัยนรา 01 รุดไปตรวจสอบ

พบร่างคนเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดนอนจมเลือดร้องคราญครางภายในร้านและบริเวณหน้าร้าน จำนวน 18 ราย จึงรีบลำเลียงส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ปรากฏว่าคนเจ็บได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 ราย ชื่อนายอับดุลรอยะ เจ๊ะแว อายุ 35 ปี อาชีพขายพวงมาลัย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณอก และหน้าท้อง เป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ 1. นางเหมวดี พันมา เจ้าของร้านเกิดเหตุ 2. นายสุนทร เนื่องนำ 3. นางเจียม จันทร์เพชร 4. นางวิไล แดงนุ้ย 5. นางอุษณา นิลศรี 6. นายอุสมาน ไทยสนิท 7. นายไพสิฐ นุกูลรอด 8. นายสุวิทย์ จันทร์ลำพู 9. นางพรพิมล ฉัตรจันทร์ 10. นางประภา จรรยาลิซ 11. นางแต้ม ไชยสิทธิ์ 12. นางชม จันทร์หงษ์ 13. นางอำไพ สุขศรี 14. นายสถาพร เพ็ชรรัตน์ 15. นายเลื่อน นิพัฒธารัตน์ 16. นายขจรศักดิ์ ลาภาพงษ์ และ 17. นางจันท์ ยอดเต็ม ส่วนในที่เกิดเหตุพบโต๊ะเก้าอี้แตกกระจาย กับหลุมระเบิดลึกและชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องกระจายเกลื่อน

"คาดคนร้ายวางระเบิดซ้อน 2 ลูก"


ขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์มาทำข่าวจำนวนมาก ปรากฏว่าได้เกิดระเบิดขึ้นอีกลูกเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ที่บริเวณใต้ต้นหมากแดงบนเกาะกลางถนน ห่างจากหน้าร้านกาแฟที่เกิดเหตุประมาณ 15 เมตร ทำให้ทุกคนต้องรีบหมอบและวิ่งหนีตายกันชุลมุน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย คือนายพรสุวรรณ ยอดศรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาช่วยคนเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณกลางหลังจนเสื้อขาดกระจุย แต่โชคดีที่ใส่เสื้อเกราะ ทำให้รอดตายเพียงบาดเจ็บ ด.ต.จำลอง พุดทอง จ.ส.ต.เชิด จันทราช ตำรวจสายตรวจ สภ.อ.เมืองนราธิวาส นายธีระพงศ์ นรารัตน์วงศ์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวรอยเตอร์ และนางนวัล หะยีบินนิยิ อาจารย์มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ขับรถเก๋งผ่านมา ถูกสะเก็ดระเบิดอาการสาหัส นำส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

สันนิษฐานว่า คนร้ายวางแผนนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุกล่องเหล็ก หนักประมาณ 5 กก. มาซุกไว้บริเวณร้านกาแฟแล้วกดชนวนระเบิด ทำให้เจ้าของร้านกับลูกค้าในร้านและชาวบ้านในบริเวณนั้นเสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจที่เกิดเหตุ จึงกดชนวนระเบิดอีกลูกที่วางดักไว้หมายสังหารหมู่ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

"ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่"


อีกรายตอนเช้าวันเดียวกัน ร.ต.ท.เนติวุฒิ ดีแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่ทหารถูกลอบวางระเบิดบาดเจ็บหลายนาย บนถนนสายบือราแง-โต๊ะเด็ง บ้านบือราแง หมู่ 4 ต.โต๊ะเด็ง ไปตรวจสอบ พบรถฮัมวีถูกแรงระเบิดพังยับทั้งคัน กับหลุมระเบิดขนาดใหญ่และชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องกระจายเกลื่อน รวมทั้งสายไฟลากเข้าไปในป่าข้างทางยาว 50 เมตร ส่วนทหารบาดเจ็บรวม 7 นาย นำส่ง รพ.สุไหงปาดี ทราบชื่อ 1. จ.ส.อ.มณเทียร จำปาทอง อายุ 45 ปี 2. ส.อ.เสนาะ นามเถาะ อายุ 37 ปี 3. ส.ต.ชาญณรงค์ ว่องไว อายุ 25 ปี 4. พลทหารสันติพล วรวิเศษ อายุ 22 ปี 5. พลทหารทวีบุตร คุณสมบัติ อายุ 22 ปี 6. จ.ส.อ.จารุวัฒน์ แขสว่าง และ 7. ส.อ.ไกรลาศ วงศ์สีแก้ว สังกัดร้อย ร. 6013 ฉก.39 สอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุ จ.ส.อ.มณเฑียร หัวหน้าชุด พร้อมกำลังนั่งรถฮัมวี่หุ้มเกราะออกลาดตระเวน มี จ.ส.อ. จารุวัฒน์ กับ ส.อ.ไกรลาศ ขี่รถ จยย.ตามหลังมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องทำงานด้วยแบตเตอรี่ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงทำให้รถพังยับทั้งคัน จ.ส.อ.มณเฑียร กับทหารชุดลาดตระเวนบาดเจ็บดังกล่าว

ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.ท.พิสิฏฐ์พงษ์ มังกรวงษ์ สารวัตรเวร สภ.อ.สายบุรี รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยวางไว้ใกล้เสาไฟหน้าร้านน้ำชาไม่มีชื่อ เลขที่ 18 ใกล้ห้องสมุดประชาชน ถนนสายบุรี ต.ตะลุบัน ไปตรวจสอบพบกระป๋องสีมีโทรศัพท์มือถือวางอยู่ด้านบน จึงใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือบรรจุกล่องเหล็กใช้ปูน ซีเมนต์อัดหนักประมาณ 10 กก. สอบสวนนายสมบัติ สุขเกษม อายุ 41 ปี เจ้าของร้าน ให้การว่า ขณะกำลังจะ เปิดร้านพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ที่กระถางต้นไม้ เมื่อเข้าไปจับรู้สึกหนักสงสัยจะเป็นระเบิดจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาเก็บกู้

"จยย.คนร้ายประกบยิงศีรษะและลำตัวพรุนเสียชีวิต"


ถัดมาเวลา 13.30 น. ร.ต.ท.สมภพ หลวงวงศ์ ร้อยเวร สภ.อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งจากนายอาดัม ยือรา อายุ 50 ปี ชรบ.หมู่บ้าน อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 5 ต.กะโด ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ออกไปทำละหมาดที่มัสยิด พอกลับมาพบว่าบ้านมีร่องรอยถูกงัด ตรวจสอบพบปืนลูกซอง 5 นัด ถูกคนร้ายขโมยไป สอบสวนพยานให้การว่าขณะเกิดเหตุเห็นคนร้าย 6 คน แต่งชุดดาวะห์ ใช้รถ จยย.เป็นพาหนะบุกเข้าไปในบ้านนายอาดัมชิงเอาอาวุธปืนหลบหนีไป

ต่อมาเวลา 17.30 น. พ.ต.อ.ถวัลย์ นคทราวงศ์ ผกก.สภ.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ไปสอบสวนเหตุยิงกันบนถนนสายชนบท หมู่ 4 ต.ลิปะสะโง พบศพนายแคล้ว คงทน อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 5 ต.ยาบี อ.หนองจิก ถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่ศีรษะและลำตัวพรุนนอนตายข้างรถ จยย.ฮอนด้า ทะเบียน จ-2775 ปัตตานี สอบพบว่าผู้ตายเป็นลูกจ้างโครงการจุฬาภรณ์ ถูกคนร้ายประกบยิงขณะขี่รถกลับบ้านหลังเลิกงาน

"จ่อยิงศีรษะอุกอาจกลางตลาดขณะซื้อของ"


อีกรายเวลา 18.00 น. พ.ต.ท.นุกูล ธานีรัตน์ สว. หน.สภ.ต.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตในตลาดนัดวันเสาร์ หมู่ 1 ต.ปุรากง พบศพนายมานพ ธรรมสโร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 3 ต.ตาลีอาย ถูกยิงด้วยปืนพกไม่ทราบขนาดที่ศีรษะ 1 นัด สอบพบผู้ตายเป็น ชรบ.ถูกคนร้ายจ่อยิงเสียชีวิตอุกอาจขณะมาหาซื้อของในตลาด

ด้าน จ.ยะลา เมื่อเวลา 03.15 น. คนร้ายได้ลอบวางเพลิงเผาบ้านเลขที่ 17/3 หมู่ 8 บ้านลือมุ ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง ของ จ.ส.อ.อาบัส บาฮะคีรี อายุ 45 ปี สังกัดกรมทหารพรานที่ 41 ค่ายวังพญา อ.รามัน ต่อมา ร.ต.ท.ชัยพร สีมาวุธ ร้อยเวร สภ.อ.กรงปินัง รับแจ้งพร้อม ร.ต.ต.ยุทธศักดิ์ ดำศักดิ์ดา รอง สวป. ไปตรวจสอบพบไฟไหม้บ้านและลุกลามติดรถกระบะโตโยต้า วีโก สีบรอนซ์ ทะเบียน บฉ 8846 ปัตตานี ที่จอดไว้หน้าบ้าน จึงร่วมกับชาวบ้านช่วยกันสกัดเพลิงไว้ได้ ปรากฏว่าบ้านกับรถกระบะคันดังกล่าวถูกไฟไหม้เสียหายบางส่วน สอบพบขณะเกิดเหตุ จ.ส.อ.อาบัสไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ อ.บันนังสตา ส่วนในบ้านมีนางรอบีอ๊ะ อายุ 39 ปี ภรรยากับลูกสาวนอนอยู่กันตามลำพัง ขณะเกิดเหตุพากันหลบหนีออกมาได้ทัน

"ถูกคนร้ายยิงเข้าไหล่ขวาทะลุราวนมซ้ายเสียชีวิต"


ถัดมาเวลา 11.00 น. ร.ต.ต.วิรกิจ แก้วนวลจริง ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา พร้อม พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก. พ.ต.ต.วิรัตน ดำคง สวป. ไปสอบสวนเหตุยิงกันตายบริเวณริมทุ่งนาบ้านทุ่งยามู หมู่ 4 ต.ยุโป พบศพนายพีรเดช ทศกุลยิ่งไพศาล อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 162 ถนนคูหามุข เขตเทศบาลนครยะลา ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าไหล่ขวาทะลุราวนมซ้าย และกลางหลังทะลุราวนมขวา ตายคารถ จยย.ฮอนด้า ดรีม สีฟ้า พ่วงข้าง ทะเบียน บคข 132 กรุงเทพมหานคร ของบริษัทเนสท์เล่ จำกัด สาขายะลา สอบพบว่านายพีรเดชมีอาชีพขายไอศกรีมเร่ของบริษัทดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุ ได้ขี่รถเร่ขายไอศกรีม มาถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ประกบยิง

ต่อมาเวลา 17.45 น. ขณะที่นายอุสมาน ดือราแม อายุ 27 ปี ช่างประจำศูนย์ฮอนด้ายะลา อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 6 ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ขี่รถ จยย. เดินทางไปบ้านญาติที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ถึงทางโค้งถนนสาย 4065 บ้านเนียง-ยะหา บ้านยะลา หมู่ 1 ต.ยะลา อ.เมืองยะลา ถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ประกบ ใช้ปืนจ่อยิงเจาะกลางหลังทะลุหน้าอก 3 นัดซ้อนอาการสาหัส นำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา

"นำข้าวสารมาบริจาค"


ส่วนกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเยี่ยมประชาชนชาวไทยพุทธที่อพยพมาอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา และมีชาวบ้านเก็บใบปลิวของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่นำมาโปรยในพื้นที่ เพื่อต่อต้านแนวทางสมานฉันท์ของรัฐบาล นำมามอบให้กับนายกรัฐมนตรีนั้น มีรายงานตอนเช้าวันเดียวกันว่า มีชาวบ้านพบแผ่นปลิวดังกล่าวถูกนำมาโปรยในพื้นที่ ต.ยุโป กับ ต.ตาเซะ อ.เมืองยะลา และพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา มีข้อความระบุไม่ยอมรับแนวทางสมานฉันท์ และข่มขู่ชาวไทยพุทธให้ย้ายออกนอกพื้นที่ มิเช่นนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย

สำหรับบรรยากาศที่วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา ที่มีชาวไทยพุทธอพยพมาพักอาศัยชั่วคราว เพราะกลัวถูกโจรใต้ทำร้ายนั้น วันเดียวกันได้มีนายอับดุลฮาริม เจ๊ะมะ ตัวแทนจากสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงยะลา นำข้าวสารจำนวน 2 กระสอบ มาบริจาคให้กับคนไทยพุทธที่อพยพ โดยมีตัวแทนชาวบ้านรับมอบด้วยรอยยิ้ม ทั้งนี้นายอับดุลฮาริม เจ๊ะมะ กล่าวว่า ในฐานะเลขาสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงยะลา เป็นตัวแทนนำข้าวสารมามอบให้ เพราะรู้สึกเห็นใจไม่ว่าจะเป็นคนไทยพุทธหรือคนไทยมุสลิมก็เป็นคนไทยด้วยกัน เคยอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขมานาน แต่พอมีเหตุการณ์ทำให้คนไทยพุทธและคนไทยมุสลิมมีความหวาดระแวงต่อกัน ต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่สงบให้ยุติโดยเร็ว

"คาดหลังพิธีพระราชทานเพลิงศพ รร.จะเปิดสอนตามปกติ"


สำหรับเหตุการณ์ว่าที่ ร.ต.(หญิง) กุลลธิดา อินจำปา รอง ผอ.โรงเรียนบ้านลาเมาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตขณะขี่รถ จยย.กลับจากโรงเรียนเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุโรงเรียนในพื้นที่ อ.รือเสาะ จำนวน 40 โรงได้ปิดการเรียนเป็นการชั่วคราวนั้น ต่อมา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายไพรัช แสงทอง ผอ.สนง. เขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 1 เปิดเผยว่า โรงเรียนที่ปิดเรียนจะเปิดเรียนตามปกติในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ยกเว้นโรงเรียนบ้านลาเมาะ กับโรงเรียนในพื้นที่สีแดงอีก 2-3 โรงจะยังคงปิดเรียนต่อไป ส่วนศพว่าที่ ร.ต.(หญิง) กุลลธิดานั้น จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่วัดพุทธภูมิ อ.เมือง ยะลา ในวันที่ 21 พ.ย. คาดว่าหลังจากนั้นโรงเรียนทุกแห่งจะเปิดการเรียนการสอนตามปกติ

ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มก่อความไม่สงบโปรยใบปลิวที่ จ.ยะลา ระหว่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้กับประชาชน เพราะเป็นเพียงการแสดงความไม่พอใจ ที่ผู้ไม่หวังดีรู้แล้วว่ารัฐบาลลงพื้นที่ด้วยความหวังดี แก้ปัญหาไปได้อย่างลุล่วงและประชาชนเข้าใจ

"ปล่อยให้ทำไป ปชช.รู้เอง"


เป็นการแสดงให้เห็นว่าฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบกระวนกระวายแล้วว่า สิ่งที่รัฐบาลทำจะเป็นความจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำจะเป็นความเท็จไม่ได้ เป็นเรื่องจริง และสิ่งที่ทำด้วยความจริงใจ ประชาชนจะเห็นเอง ซึ่งการลงพื้นที่ของรัฐบาล แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ทุกครั้งที่ลงไป ไม่เคยทำให้ประชาชนผิดหวัง เพราะฉะนั้นใครจะเขียนอะไรก็ปล่อยให้เขียนไป ขอให้ออกมา รีบออกมาเยอะๆ จะยิ่งดี ยิ่งชอบ จะทำให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจดีว่า การทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นปัญหาที่คนเหล่านี้สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางราชการได้เตรียมตัวและใช้ความระมัดระวังอย่างมากที่สุดอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอของกระทรวงไอซีที ที่ให้ ปิดสัญญาณโทรศัพท์มือถือในพื้นที่ นายอารีย์ตอบว่า ถ้าจะพูดกันในทางยุทธศาสตร์ก็จำเป็น เพราะโทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุของการระเบิด แม้เดิมจะให้ไปแจ้งก็ยังรั่วไหล เพราะประเทศข้างเคียงก็มี จึงลำบาก อย่างไรก็ตาม เรามีวิธีการในการแก้ปัญหาอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องบอกในที่นี้


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์