เฒ่า95ช็อกใจวายเสียงดังสุวรรณภูมิ

"สลด ได้ยินเสียงเครื่องบินสะดุ้งเฮือกสิ้นใจ"


สนามบิน "สุวรรณภูมิ" เจ้าปัญหาทำพ่อเฒ่าวัย 95 ช็อกตายแล้ว หลังอยู่อย่างสงบมาหลายสิบปีพอสนามบินย้ายมาตั้งเจอเสียงดังทุกวันร่างกายรับสภาพไม่ไหวช็อกสิ้นลม ญาติระบุแข็งแรงดีแม้จะเป็นโรคหัวใจตามแบบคนชราแต่ก็เดินไปไหนมาไหนได้ พอเจอเสียงเครื่องบินสะดุ้งเฮือกสิ้นใจ สลดซ้ำชาวบ้านบางโฉลงไม่เป็นอันหลับอันนอน เพราะเสียงเครื่องบิน ต้องเข้าคิวซื้อยานอนหลับเลยทีเดียว ทส.ชง 4 มาตรการเร่งด่วน แก้ปัญหาสุวรรณภูมิทำชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ตั้งแต่กำหนดขนาดเครื่องบิน กำหนดวิธีการบิน การจ่ายค่าชดเชยให้ผู้เดือดร้อน และบังคับให้ทอท.แก้ปัญหาตามอีไอเอ

เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 13 พ.ย. ที่ศูนย์วิทยุการบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ปลัดทส. อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เดินทางตรวจเยี่ยมสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรับฟังมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาเสียงดังจากสนามบิน

"ผลกระทบจากสนามบิน"


นายเกษมกล่าวว่า ตนจะสรุปมาตรการ 4 เรื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและนำไปปฏิบัติทันที สำหรับแนวทางที่กำหนดได้แก่ 1.การกำหนดประเภทของเครื่องบินที่จะใช้สนามบิน 2.การกำหนดวิธีการบิน ซึ่งจะมีรายละเอียดเทคนิคการบินขึ้น-ลง 3.การจ่ายค่าชดเชยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และ 4.การจัดการปัญหาร่วมกัน เช่น การบังคับให้ทอท. ควบคุมตามมาตรการที่ระบุในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ การติดตั้งสถานีตรวจวัดระดับเสียง การติดตามปัญหาสุขภาพของประชาชน

นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ปัญหามลพิษทางเสียง ที่ขณะนี้ส่งผลกระทบต่อชุมชนที่ตั้งบ้านเรือนด้านทิศใต้ของสนามบินนั้น เนื่องจากสนามบินได้เปลี่ยนแนวการบินลงของเครื่องบิน ซึ่งถูกบังคับโดยทิศทางลมหลังจากเข้าสู่ช่วงหน้าหนาว ทำให้เครื่องบินจะต้องเปลี่ยนทิศสวนทางกับทิศลม จากเดิมจะบินลงมาจากทางเหนือ ก็เปลี่ยนมาลงจากทางใต้ ทำให้หลายหมู่บ้านทางซีกด้านใต้ของสนามบิน เช่น หมู่บ้านชัยพฤกษ์ได้รับผลกระทบจากเสียง ขณะที่เครื่องกำลังร่อนลงและค่อนข้างมีเสียงดังมากกว่าตอนที่เครื่องบินขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแนวบินลงตามทิศของลมจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนเท่านั้น

"หาแนวทางให้เกิดผลกระทบจากการบินน้อยที่สุด"


นายสุพัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้คพ.ได้ร่วมกับสนามบินสุวรรณภูมิ และหน่วยที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไขวิธีการลง และหลบเลี่ยงเส้นทางบินเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับชาวบ้านแล้ว โดยได้ดำเนินการทั้งการปรับวิธีการบินขึ้นเพื่อลดเสียงดัง แต่การวิธีการบินลง เพื่อลดเสียงนั้นขณะนี้เพิ่งมีข้อสรุปว่าจะให้ปรับระดับความสูงในการเริ่มร่อนลง ให้สูงขึ้นจากเดิม 2,000 ฟุต เป็น 4,000 ฟุต นอกจากนี้ในช่วงเวลา 02.00-06.00 น. เมื่อเครื่องบินร่อนลงแล้วกำหนดให้ใช้รอบเดินเบาเพื่อหยุดเครื่องด้วย

อย่างไรก็ตามวิธีการนี้อาจส่งผลให้การจำนวนเที่ยวบินน้อยลง เพราะต้องใช้เวลาเคลียร์รันเวย์พอสมควร แต่จะไม่มีผลต่อความปลอดภัย ที่สำคัญจะแก้ปัญหาเสียงดังได้ ส่วนที่ชาวบ้านจะเสนอให้ย้ายสายการบินในประเทศไปที่สนามบินดอนเมืองนั้น ไม่ใช่สามารถลดเสียงดังได้ เพราะส่วนใหญ่เสียงที่รบกวนหนักๆ เกิดในช่วง 4-5 ทุ่มและจนถึงเช้า เพราะเป็นการเดินทางของสายการบินต่างประเทศ

"ตรวจพื้นที่ร้องเรียนผลกระทบจากเสียงเครื่องบิน"


ต่อมาเวลา 17.00 น. นายเกษมเดินทางไปที่วัดบางโฉลงใน ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิไปทางทิศใต้ประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่คพ.ได้ตั้งจุดตรวจวัดระดับเสียงที่กำลังบินลง และเป็นพื้นที่ที่ได้รับร้องเรียนว่า ได้รับความเดือดร้อนจากเสียงดังของเครื่องบินมากที่สุด ทั้งนี้เมื่อไปถึงมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมารอพบ โดยทั้งหมดกล่าวว่า พวกตนเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตที่อยู่ในแนวเสียงการบินของเครื่องบิน ทั้งทางทิศใต้ และทิศตะวันตก และที่ตัดสินใจมาซื้อ

บ้านบริเวณดังกล่าว เนื่องจากทราบว่ารัฐบาลในอดีตแจ้งว่า จะไม่มีการสร้างสนามบินแห่งนี้ แต่ปรากฏว่าปัจจุบันนี้ต้องประสบปัญหาอย่างหนัก ชาวบ้านหลายคนได้รับความเดือดร้อนมากโดยเฉพาะด้านสุขภาพจิต จนเครียด นอนไม่หลับ หลายคนต้องไปเข้าคิวซื้อยานอนหลับจนร้านขายยาในชุมชนต้องหยุดขายยาให้ เพราะเกรงว่าชาวบ้านจะติดยานอนหลับกันหมด

"ทนไม่ไหวต้องรวมตัวประท้วง"


นอกจากนี้ลูกเด็กเล็กแดง พระสงฆ์องค์เจ้า ไม่มีอันได้ทำภารกิจของตนเอง ที่ผ่านมาพวกตนได้พยายามเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล แต่ก็ไม่มีการเข้ามาชี้แจงให้เข้าใจอย่างชัดเจนหรือเป็นลายลักษณ์อักษร เพียงแต่พูดกันตามสื่อ จนขณะนี้กลุ่มชาวบ้านทนไม่ไหวต้องรวมตัวกันประท้วง และจะดำเนินการจนกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ โดยขณะนี้ได้ยื่นข้อเสนอ 8 ข้อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยจะนำไปยื่นให้กับผู้บริหารของสนามบินสุวรรณภูมิและผู้เกี่ยวข้อง ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ และการเรียกร้องจะดำเนินไปอย่างสันติ แต่หากไม่มีการแก้ไขต่อไปอีก ก็จำเป็นจะต้องใช้วิธีที่รุนแรง โดยจะมีการเผาหุ่นผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีลงมา รวมทั้งปิดการจราจรทางเข้าสุวรรณภูมิด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายเกษมกำลังรับฟังข้อเรียกร้องของชาวบ้านอยู่ภายในศาลาวัด ได้มีนายชลูด บรรจง อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/5 หมู่ 5 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เข้ามาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวและชี้แจงว่า ตนต้องการที่จะพบกับนายเกษมซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงในเรื่องนี้ด้วย เพื่อแจ้งให้ทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา พี่ชายของภรรยาของตน ชื่อ นายเฉลิม พุ่มโกมล อายุ 95 ปี ได้เสียชีวิตลงจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดังของเครื่องบินด้วย ทั้งนี้การเสียชีวิตของพี่ภรรยาของตนดังกล่าว มีคำยืนยันได้จากผลการพิสูจน์ของแพทย์ซึ่งระบุว่า เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทั้งนี้ญาติของพวกตนทั้งหมดมั่นใจว่าเป็นผลกระทบจากเสียงดังแน่นอน

"ปกติแข็งแรง มาเสียชีวิตเมื่อมีสนามบินเข้ามา"


นายเฉลิมซึ่งเป็นคนบางพลี อาศัยอยู่บริเวณนี้มานานจนอายุถึง 95 ปี ไม่เคยมีอาการที่จะแสดงว่าจะเสียชีวิตได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะมีโรคหัวใจ และอาจจะเจ็บป่วยด้วยโรคของผู้สูงอายุธรรมดา แต่ก็ยังสามารถเดินเหินออกมาพูดคุยได้ตามปกติ จนชาวบ้านก็รู้ทุกคน แต่พอสนามบินสุวรรณภูมิมา เครื่องบินมาบิน ส่งเสียงดังนายเฉลิมก็มีอาการทรุดลง ต้องนอนอยู่แต่กับเตียงแล้วก็ได้แต่บ่นว่าเสียงดังหนวกหู จนหูตึง พูดไม่ได้ยิน และจะรู้สึกสะดุ้งตกใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเครื่องบิน จนก่อนเสียชีวิตได้ยินเสียงเครื่องบินแล้วก็สะดุ้งตกใจ และนิ่งเงียบไป พวกตนรีบนำส่งโรงพยาบาลก็พบว่าเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวดังกล่าว

"ปกติเขาจะเป็นคนแข็งแรงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว ยังเดินออกมาพูดคุยหน้าบ้านได้ แต่พอเครื่องบินมาบิน ทำบ้านสั่นสะเทือน ทุกอย่างก็แย่ลง ต้องนอนอยู่กับที่ แล้วก็บ่นว่าหนวกหู เครียด และสะดุ้งตกใจทุกครั้ง วันนี้ได้ข่าวว่ารัฐมนตรีจะมาพอดีผมก็เลยอยากจะบอกให้ท่านทราบว่า ผลกระทบมันรุนแรง ที่บ้านผม หมู่ 5 เสียงดังกว่าที่วัดอีก นอนกันไม่ได้ บ้านสั่นไปหมด คนที่ตายก็ตายไปแล้ว แต่คนที่อยู่ยังต้องอยู่กันต่อไปอีกนาน พวกผมไม่ได้อยากจะเรียกร้องค่าตอบแทนอะไร แล้วแต่ท่าน แต่อยากจะให้ทราบว่าความเดือดร้อนของคนแถวนี้ไม่ใช่แค่พูดกันเท่านั้น" นายชลูดกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังที่ได้รับทราบข้อมูลต่างๆ จากกลุ่มชาวบ้านแล้ว นายเกษมรับปากว่าจะนำเรื่องทั้งหมดไปพิจารณาเพื่อให้การช่วยเหลือในทางที่เป็นไปได้ต่อไป


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์