ปล้นร้านเพชร! ฉกนับล้านเผ่น

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 พ.ย.


พ.ต.ท.อภินพ สุจิภิญโญ พงส.(สบ.3) สน.บางรัก รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ร้านคารี่ อิมเป็ก จำกัด จำหน่ายจิวเวลรี่ ตั้งอยู่ชั้น 6 อาคารสิริกร เลขที่ 114-118 ถนนมหาเศรษฐ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ จากนั้นไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก. พ.ต.ท.ประพาส อินตา รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า สว.สส. และกำลังสายตรวจจำนวนหนึ่ง

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 6 ชั้น 3 คูหา


ส่วนใหญ่เป็นร้านจำหน่ายจิวเวลรี่และเครื่องประดับเพชรพลอยเกือบทั้งตึก ชั้นล่างพบนายแซมมี่ เผด็จ อายุ 29 ปี ชาวอินเดีย เจ้าของร้าน ยืนรอตำรวจในสภาพ

ใบหน้าถูกทำร้าย
แก้มขวามีรอยฟกช้ำ

จากนั้นพาเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุบนชั้น 6 พบร่องรอยคนร้ายรื้อค้นโต๊ะทำงานของนายแซมมี่ และยกเครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์ ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลการค้าขายและสต๊อกสินค้าไปด้วย

นอกจากนี้ ยังกวาดเอาเครื่องประดับเพชร อาทิ

แหวนเพชร
ตุ้มหูเพชร
และสร้อยคอเพชรหลายรายการมูลค่าประมาณ 1 ล้านบาทเศษ
พร้อมเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ 8,000 กว่าเหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 300,000 บาท จากตู้เซฟไปจนเกลี้ยง

นายแซมมี่เจ้าของร้าน ให้การว่า


ตึกดังกล่าวส่วนใหญ่ชาวอินเดียเป็นผู้เช่าจำหน่ายเพชรพลอยและจิวเวลรี่ มีระบบรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดี ขณะเกิดเหตุอยู่ในร้าน 2 คน กับ น.ส.อรุณนภา ปลื้มถนอม อายุ 28 ปี พนักงานขาย

ปรากฏว่ามีคนร้ายเป็นชาย 3 คน

สวมหมวกไอ้โม่งไหมพรมสีดำปิดบังใบหน้า เดินออกจากลิฟต์ ตรงเข้ามาในร้าน จากนั้น 1 ในคนร้ายได้ชักปืนออกมาตบที่ใบหน้า แล้วจี้บังคับให้พาไปเปิดตู้เซฟ ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คน ช่วยกันรื้อค้นหาทรัพย์สินมีค่าต่างๆจนกระจุยกระจาย เสร็จแล้วพากันลงลิฟต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่นำตัวนายสำเริง ยอดขาว อายุ 25 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัย บริษัทโปรเอ็กทีฟ การ์ด มาสอบสวนให้การว่า


ขณะเกิดเหตุเข้าเวรดูแลประจำตึกดังกล่าวบริเวณประตูทางเข้าชั้นล่าง แต่ไม่พบเหตุผิดปกติอย่างใด แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบกล้องวีดิโอวงจรปิดบริเวณหน้าลิฟต์ชั้น 6 พบชายสวมหมวกไหมพรมจำนวน 3 คน เดินออกมาจากลิฟต์ หลังจากนั้นก็ลงลิฟต์หลบหนีไป แต่ไม่ทราบว่าออกจากอาคารไปทางไหน


พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก.สน.บางรัก กล่าวว่า


จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และสอบปากคำผู้เสียหาย พบข้อพิรุธหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องการเข้า-ออกที่จะต้องใช้คีย์การ์ด แต่ขณะเกิดเหตุ รปภ.กลับไม่เห็นคนร้ายออกไปทางไหน นอกจากนี้คนร้ายลงมือง่ายดายเกินไป ขณะเกิดเหตุก็ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์

ซึ่งต้องแยกกันสอบผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม คนร้ายรู้ข้อมูลของทางร้านเป็นอย่างดี อาจเป็นคนใน หรือมีคนในตึกเปิดประตูให้คนร้ายเข้าไป เบื้องต้นทราบว่าทางร้านได้ทำประกันภัยไว้ด้วย วงเงิน 2 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนต่อไป


แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์