ยอด120คนแล้วหนีโจรใต้เข้าวัด

เช็กกล้องวงจรปิดล่าทีมบึ้มโชว์รูม


"แอ้ด"ยอมรับแก้ปัญหาใต้ต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วจะจบ หลังโจรใต้ก่อเหตุระเบิดโชว์รูมทั่วยะลา "สนธิ"ยืนยันไม่หวนหลับไปใช้วิธีการรุนแรง ถึงแม้โพลชี้ปชช.ต้องการให้ใช้ ยอดผู้อพยพหนีภัยโจรใต้มาอาศัยวัด เพิ่มเป็น 120 คนแล้ว ที่น้ำใจจากส่วนต่างๆหลั่งไหลให้ความช่วยเหลือไม่ขาดสาย แม่ทัพภาค 4 เผยส่งกำลังทหารเข้าไปตรึงในหมู่บ้านที่ย้ายออกมาแล้ว ถ้าจะกลับเข้าไปก็กลับได้ ส่วนคดีบึ้ม 8 โชว์รูม ตร.ยังพุ่งเป้าฝีมือ "มะแอ ปะจู" พร้อมตรวจเช็กกล้องวงจรปิดที่โชว์รูมอีซูซุ พบจับภาพผู้ต้องสงสัยได้ ตร.หาดใหญ่จับวัยรุ่นต้องสงสัยพัวพันกลุ่มก่อความไม่สงบ

-"แอ้ด"รับอีกนานไฟใต้ดับ

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยล่าสุดเกิดเหตุระเบิดโชว์รูมรถยนต์ 8 แห่งในจ.ยะลา ทั้งที่นายกฯได้ลงพื้นที่แล้วถึง 2 ครั้งว่า เรื่องนี้ไม่ต้องวิเคราะห์อะไร บอกได้เลยว่าจะต้องใช้เวลาอีกยาวเพราะ 4-5 ปีที่ผ่านมาเกิดปัญหามากมาย จะให้ตนแก้ปัญหาครึ่งเดือนแล้วหายไป คงเป็นไปไม่ได้

"ผมไม่ใช่ผู้ที่จะเปิดหรือปิดสวิตช์ได้ แต่มันเป็นการก้าวไปสู่การแก้ไขปัญหาทางสันติวิธีอย่างที่เคยพูดไปแล้ว ถ้าเราไม่ยอมพูด ไม่ยอมขอโทษกัน ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ได้มาพูดจากัน ก็ไม่มีทางแก้ไขได้ แต่วันนี้เราเปิดโอกาสแล้ว และโอกาสในขณะนี้ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ดีกว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา" พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว

-"สนธิ"สั่งเฝ้าระวังชุมชนไทยพุทธ

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคมช. กล่าวถึงกรณีชาวไทยพุทธ ในพื้นที่อ.บันนังสตา และอ.ธารโต จำนวนมาก ทิ้งถิ่นฐานหนีไปอาศัยอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม เขตเทศบาลนครยะลา ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับศาสนา แต่หากพื้นที่เป้าหมายใดอ่อนแอ กลุ่มก่อความไม่สงบก็จะพยายามทำ ได้เตือนกองทัพภาคที่ 4 เมื่อการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก 3-4 วันที่ผ่านมาว่า ให้ไปเพ่งเล็งตามหมู่บ้านและชุมชนชาวไทยพุทธ วัด และโรงเรียน ซึ่งพล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าใจปัญหานี้อยู่ ซึ่งกองทัพได้นำกำลังทหารไปลาดตระเวนในพื้นที่มากขึ้น

เมื่อถามถึงมาตรการดูแลไม่ให้แต่ละฝ่ายรู้สึกมีความเหลื่อมล้ำซึ่งกันและกัน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ความจริงแล้ว เจ้าหน้าที่จะดูแลชุมชนไทยพุทธเป็นหลักมากกว่า เพราะโดยธรรมชาติชุมชนไทยพุทธเป็นเป้าหมายที่น่าจะเกิดเหตุ และเป็นหลักการทางทหารที่จะต้องดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ป้องกันอย่างไรไม่ให้กลุ่มก่อความไม่สงบมีศักยภาพและทำให้ประชาชนหวาดกลัว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ความจริงกองทัพต้องพิจารณา เรื่องของการปรับใช้กำลัง ซึ่งปกติหลักการทางยุทธวิธีมีการกำหนดอยู่ว่า ตรงไหนที่เป็นพื้นที่ที่มีความเข้มจะต้องมีการใช้กำลังทหารเข้าไปจำนวนมาก ส่วนตรงไหนที่พื้นที่เจือจางจะต้องมีการใช้กำลังทหารอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งทางกองทัพก็ต้องนำไปปรับใช้

-ย้ำไม่ใช้ความรุนแรงแก้ไฟใต้


ผู้สื่อข่าวถามว่า หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ปรับโครงสร้างในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ได้ผลคืบหน้าอย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การปรับองค์กรกับการปฏิบัติการของผู้ก่อความไม่สงบเป็นคนละเรื่องกัน โดยเฉพาะการทำงานของ ศอ.บต. ก็จะมุ่งเน้นไปที่ความไม่เป็นธรรมกับสังคม ถือเป็นหน่วยที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ และในเรื่องความสมานฉันท์ ซึ่งต้องแยกกัน ณ เวลานี้ ปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมในสังคม ก็จะมีแหล่งที่คอยให้การช่วยเหลืออยู่

เมื่อถามว่า จากผลสำรวจของกรุงเทพโพลล์ระบุว่าควรใช้ความรุนแรง เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรที่ดีกว่าการพูดจา และคุยกันให้รู้เรื่อง ซึ่งถือว่าดีที่สุด ถ้าต้องมาทะเลาะกันก็จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเรื่องที่จะต้องใช้ความสมานฉันท์ และความเข้าใจ เมื่อถามว่า เหตุใดจึงมีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ผู้ก่อความไม่สงบคงไม่ได้ฟังวิทยุ ที่เรากำลังประกาศอยู่

ต่อข้อถามว่า การเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบจะทำอย่างไรถึงจะไม่ยกระดับให้กับเขา เพื่อไม่ให้ต่างประเทศมายุ่งกับการแก้ไขปัญหา พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังทำอยู่ ซึ่งได้มีการพบปะพูดคุยกันบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามต้องให้ระดับการเจรจาเขาไปพิสูจน์ก่อน เมื่อถามถึง 130 คนไทยมีการติดต่อประสานงานกันหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีหน่วยงานไปพบปะแล้ว ซึ่งจะต้องตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่า จะเจรจากันอย่างไรบ้าง

-"อารีย์"อ้างย้ายแค่7คน

นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการอพยพหนีภัยของชาวไทยพุทธ ว่า เหตุการณ์ไม่รุนแรงเหมือนที่มีข่าวออกมา ในอ.บาเจาะมีประชาชนเพียง 6-7 คนที่มาอยู่กับพรรคพวก นอกจากนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ส่งคนมาดูแลด้วย ส่วนข่าวที่ว่าประชาชนไม่ยอมกลับพื้นที่เพราะหวาดกลัวนั้นไม่ทราบ เท่าที่ลงไปในพื้นที่รับฟังข้อมูลคนเหล่านั้นอยู่ร่วมกันได้ทั้งชาวไทยพุทธและไทยมุสลิม

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีการประเมินสถานการณ์ภาคใต้ หลังจากที่มีศอ.บต.หรือไม่ เนื่องจากยังมีเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้น รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าการลงไปทำงานแล้วใช้แนวทางสมานฉันท์ทำให้เกิดสันติสุข เป็นการเริ่มต้นการทำงาน จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานหลายปี ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ เรื่องมวลชนในพื้นที่ รวมถึงบรรดาผู้นำระดับสำคัญๆ ในระดับจังหวัดก็เริ่มเข้าใจ จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้ที่คิดร้ายหรือคิดไม่ดี ต้องดำเนินการเพื่อให้มวลชนเห็นว่า วิธีการแบบนี้ไม่ถูกต้อง หรือทำให้มวลชนเกิดความเกรงกลัว เพื่อไม่ให้เกิดสันติสุข เพราะเขาจะเสียประโยชน์

"ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงศักยภาพ ของผู้ไม่หวังดีที่ไม่มีทางเลือกอื่น เป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์เพื่อให้ประชาชนเกิดความเกรงกลัว ซึ่งเราต้องแก้ไขร่วมมือกันหลายฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้นำและประชาชนในพื้นที่ ถึงเวลาที่จะต้องบอกความจริงว่า ผู้ที่คิดร้ายแล้วแฝงตัวในประชาชนต้องให้พี่น้องช่วยบอกมาว่าใครคือใคร เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะสร้างความสงบสุขได้ เชื่อว่าเมื่อประชาชนมีความทุกข์ถึงจุดๆ หนึ่งเขาก็คงจะไม่ยอม" รมว.มหาดไทย กล่าว และว่ามั่นใจว่าจนถึงวันนี้นโยบายของรัฐบาล ในการแก้ปัญหาภาคใต้มาถูกต้องแล้ว

-"จาตุรนต์"แนะ6แนวทาง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การดำเนินการของรัฐบาลน่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และอยากจะเสนอแนวทาง 6 ข้อ คือ 1.เจ้าหน้าที่ของรัฐควรปกป้องประชาชนทุกหมู่เหล่า รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด ยุติธรรม 2.ควรปรับทัศนคติผู้บริหารระดับสูง และเจ้าหน้าที่ทุกระดับให้เข้าใจตรงกัน และส่งเสริมให้ต่อสู้กับความคิดที่ผิด โดยอาศัยความร่วมมือจากผู้นำศาสนาและเน้นที่เยาวชน 3.ควรเร่งทำความเข้าใจกับสังคมไทยทั้งสังคมเพื่อให้เข้าใจปัญหามากขึ้น และให้ทุกฝ่ายใช้เหตุผลมีสติ หาทางออกที่ดีสังคมมีส่วนร่วม

4.งานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ควรผลักดันต่อเนื่องจริงจัง 5.การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ต้องทำจริงจังต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว 6.นโยบายด้านการศึกษาควรทำตามที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ควรจะเริ่มต้นใหม่ โดยในเรื่องนี้สมัยที่ตนเป็นรมว.ศึกษาธิการได้เคยหารือกับพล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ประธานคมช.จนคิดว่าเข้าใจตรงกันแล้ว รวมทั้งยังได้เคยหารือกับรมว.มหาดไทยในบางประเด็น แม้กระทั่งนายกฯคนปัจจุบันก็เคยคุยกัน ฉะนั้นที่มีกระแสข่าวว่าจะต้องไปเริ่มต้นใหม่ คิดว่าจะเสียเวลาและอาจจะกลับไปสู่นโยบายที่ไม่ถูกต้อง โดยในโอกาสต่อไปจะรวบรวมความเห็นเสนอคมช.และรัฐบาลผ่านสื่อเป็นระยะ และถ้าทำเป็นระบบก็อาจจะต้องการเวทีที่ต้องไปร่วมแสดงความเห็นด้วย

"ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลขณะนี้ถูกต้องหรือไม่ยังบอกไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นรูปแบบชัดเจน แต่มาตรการเบื้องต้น ที่มีการยกเลิกบัญชีดำ หรือเลิกการปราบปรามจากเจ้าหน้าที่ส่วนกลางลงไป ถือว่าถูกต้อง" นายจาตุรนต์ กล่าว

-ยอดผู้อพยพ120คนแล้ว


ส่วนสถานการณ์ในจ.ยะลา ยังคงมีชาวไทยพุทธอพยพไปที่วัดนิโรธสังฆารามอยู่ โดยเมื่อเวลา 09.30 น. พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 และพล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผบ.ตร. และผบช.ภาค9 พร้อมคณะได้เดินทางมาที่วัดนิโรธสังฆาราม เพื่อเข้าเยี่ยมกลุ่มชาวบ้าน และพูดคุยซักถามความเดือดร้อน

พล.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า ได้ให้ผบ.ฉก.1 จัดชุดทำงานเข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยที่หมู่บ้านทั้งหมดแล้ว ผู้อพยพสามารถเดินทางไปเก็บข้าวของหรือกลับไปดำเนินชีวิตเช่นเดิมก็ได้ ส่วนจะมีผู้ใดจะเดินทางกลับไปหรือไม่นั้นคงจะไม่สามารถไปบังคับได้ ส่วนกรณีการให้ลบบัญชีดำผู้ก่อความไม่สงบทิ้งนั้น ได้ดำเนินการแล้ว แต่ต้องยอมรับว่ารายชื่อบางรายเป็นผู้ก่อความไม่สงบจริง

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ รองผวจ.ยะลา รักษาการผวจ.ยะลา กล่าวถึงความช่วยเหลือชาวบ้านที่อพยพมาว่า หลังจากได้รับเงินพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะจัดการเรื่องโรงครัวเพื่อให้ชาวบ้านรับประทานอาหารร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือจากหน่วยงาน ภาคเอกชน มูลนิธิต่างๆ เหล่ากาชาด ทยอยมาเป็นจำนวนมาก ยอดผู้อพยพขณะนี้เพิ่มเป็น 120 คนแล้ว แต่ไม่มีปัญหาการพักอาศัย เนื่องจากได้รับความกรุณาจากเจ้าอาวาสเพื่อเป็นที่พักชั่วคราวไปก่อน ส่วนชาวบ้านที่มีความประสงค์ที่จะกลับไปเอาสิ่งของที่ยังเก็บไว้ในหมู่บ้าน ได้ประสานหน่วยกำลังในพื้นที่เพื่อให้เดินทางไปรักษาความปลอดภัย ส่วนในหมู่บ้านสันติ 1 และ สันติ 2 มีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนและกำลังทหารเข้าไปดูแลแล้ว ชาวบ้านที่มั่นใจก็สามารถกลับบ้านได้

-แห่ช่วยเหลือผู้หนีภัย

นายสุรพงษ์ คณานุรักษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยะลา เปิดเผยว่าได้รับการมอบหมายจาก นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯให้ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของผู้อพยพจนกว่าจะเดินทางกลับภูมิลำเนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังประชาชนได้ทราบข่าวชาวบ้านบ้านสันติ 1 และสันติ 2 จากพื้นที่ อ.บันนังสตา และอ.ธารโต โยกย้ายหนีภัยโจรมาอยู่วัดนิโรธสังฆาราม มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมายังวัด นำเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ เช่นข้าวสาร น้ำดื่ม อาหารแห้ง เสื้อผ้า รวมถึงเงินสด มามอบให้ เช่นมูลนิธิแม่กอเหนี่ยวยะลา นำอาหารคาวหวานมาเลี้ยง สำนักงานสรรพากรยะลา นำโดยนายจารึก โรจน์วัชราภิบาล สรรพากรยะลา นำเงินสดที่เจ้าหน้าที่สรรพากรรวบรวมมาให้จำนวน 6,180 บาท ข้าวสาร 1 กระสอบ และไข่ไก่

-เช็กภาพวงจรปิดล่าบึ้มโชว์รูม


ส่วนกรณีเกิดเหตุระเบิดโชว์รูมรถยนต์ในเขตพื้นที่เทศบาลนครยะลาพร้อมกัน รวม 8 แห่งคือ โชว์รูมรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า อีซูซุ นิสสัน มาสด้า ฟอร์ด เชฟโรเลต และร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์นั้น ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 13 รายนั้น ในวันนี้พล.ต.ต.ไพทูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ยะลา ได้เรียกพ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เข้าร่วมประชุมเพื่อหาเบาะแสของกลุ่มคนร้าย ในที่ประชุมได้นำภาพคนร้ายที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดมาให้พยานที่เห็นเหตุการณ์ดู โดยเฉพาะที่โชว์รูมอีซูซุ เนื่องจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายได้ ซึ่งได้นำภาพใบหน้ามาเทียบเคียงกับภาพผู้ต้องสงสัยแล้ว

น.พ.กุลเดช เตชะนภารักษ์ รองผอ.ฝ่ายการแพทย์ รักษาการผอ.ร.พ.ศูนย์ยะลา กล่าวว่า สำหรับผู้บาดเจ็บขณะนี้เหลือเพียงรายเดียว คือน.ส.นูรีซัน อาแว อายุ 25 ปี พนักงานจากร้านนำฮั่วจัน อาการค่อนข้างสาหัส มีแผลที่ศีรษะ แขนซ้ายและหลัง มีเศษโลหะฝังที่สมองซีกซ้าย กระดูกใบหน้าซีกซ้ายแตก กระดูกท่อนแขนบนซ้ายหัก ต้องผ่าตัดสมองเพื่อเอาสะเก็ดระเบิดออก ล่าสุดอาการดีขึ้นแล้ว ส่วนคนที่เหลืออนุญาตให้กลับบ้านได้

-ล่า"มะแอ"เชื่อยังอยู่ยะลา

รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มคนร้ายที่ปฏิบัติการลอบวางระเบิดในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกับที่ปฏิบัติการวางระเบิด 22 ธนาคาร เนื่องจากส่วนประกอบระเบิดที่พบในที่เกิดเหตุเป็นแบบเดียวกัน คือเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยนาฬิกาควอตซ์ แบบเดียวกับที่พบก่อนหน้านี้ โดยพุ่งเป้าไปที่เครือข่ายของนายไฟซอล หะยีสะมะแอ ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ โดยมอบหมายให้นายอิสมาแอล หรือมะแอ ปะจู อายุ 24 ปี เพื่อนสนิทรับหน้าที่ก่อเหตุในพื้นที่อ.เมืองยะลา มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าเขตเมืองยะลา โดยนายอิสมาแอลเป็นผู้จัดหาวัตถุระเบิดเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับแนวร่วมในพื้นที่ ล่าสุดยังมีรายงานว่านายอิสมาแอล ยังคงกบดานอยู่ในพื้นที่

ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.อดุลย์ เดินทางไปยังโชว์รูมรถทั้ง 8 แห่งเพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพร้อมซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเปิดเผยว่าได้สั่งการให้ ผบก.ภ.จว.ยะลา จัดชุดสืบสวนวางแนวทางการสืบสวนแล้ว เบื้องต้นเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ก่อเหตุวางระเบิด 22 ธนาคารที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพยายามที่จะใช้ความรุนแรง เพื่อให้ฝ่ายรัฐใช้ความรุนแรงตอบโต้ แต่ทางการจะไม่หลงกล จะยึดแนวทางสมานฉันท์เพื่อแก้ไขปัญหา

-ยิงอีกศพที่นราธิวาส

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 9 พ.ย. ร.ต.ต.เด่นพงษ์ เต็มยอด ร้อยเวรสภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิต ที่หัวสะพานคลองไอกูวิง ม.2 ต.ปะลุรู จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พบศพนายบือราเฮง เจ๊ะนะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 ม.2 บ้านต้นไม้สูง ต.ปะลุรู ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่ศีรษะและลำตัว สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านหลังมาทำธุระในตลาดสุไหงปาดี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้แวะจอดรถพูดคุยกับคนร้าย ก่อนคนร้ายจะชักปืนลูกซองออกมายิงใส่จนเสียชีวิต สำหรับผู้ตายก่อนหน้านี้เคยถูกคนร้ายไล่ยิงกลางเมืองสุไหงปาดีมาแล้วแต่รอดชีวิตมาได้

เมื่อเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.ไพศาล ไชยบุตร ผกก.สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พร้อมหมายจับจากศาลจังหวัดนราธิวาส เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 268/2 บ้านตะปอเย๊าะ ม.1 ต.เจ๊ะเห พร้อมจับกุมตัวนายรอยาลี ยะโก๊ะ อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในบัญชีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบรายสำคัญ ที่ทางการต้องการตัว และพัวพันกับการสังหารหลายคดี แต่ผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ

-จับโจ๋ต้องสงสัยพัวพันโจรใต้


ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.เล็ก มียัง สวป.สภ.อ.หาดใหญ่ ได้รับการประสานจากรปภ.ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ว่าทีวีวงจรปิดภายในมหาวิทยาลัยบันทึกภาพวัยรุ่นกำลังงัดร้านเบเกอรี่ ภายในตึกอาคารเฉลิมพระเกียรติ เมื่อตรวจสอบที่ร้านดังกล่าว ปรากฏว่าเงินสด 2,000 บาทหายไป ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ชายคนดังกล่าวได้กบดานอยู่ที่อาคารเย็นศิระ ในวัดโคกนาว ถ.กาญจนวนิช จึงนำกำลังเข้าจับกุม ทราบชื่อต่อมาคือนายต้อย(นามสมมติ) อายุ 14 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 460/2 หมู่ 10 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส จากการตรวจค้นในกระเป๋าเสื้อผ้า พบชิ้นส่วนอุปกรณ์ของกล้องถ่ายรูปดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ด มิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้า และรถบังคับไฟฟ้าที่ถูกถอดชิ้นส่วนออก จึงยึดไว้เป็นของกลาง แจ้งข้อหาลักทรัพย์พร้อมควบคุมตัวไปตรวจสอบประวัติ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหรือไม่

ต่อมาพ.ต.ท.เล็ก พร้อมกำลังเดินทางไปที่ตลาดสันติสุข ย่านการค้า เพื่อขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่เปิดแผงขายนาฬิกา ให้สังเกตบุคคลหรือผู้ต้องสงสัยที่มาเลือกซื้อนาฬิกาแบบดิจิตอล ให้ช่วยจำรูปพรรณสัณฐานของลูกค้า หรือถ้ามีพฤติกรรมน่าสงสัยให้รีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เนื่องจากการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมทั้ง 4 อำเภอของจ.สงขลา ในช่วงหลังมีการนำเอานาฬิกาแบบดิจิตอลเป็นส่วนประกอบในการทำระเบิด

-"จิ๋ว"ชี้ไม่ใช่ขอโทษแล้วจะจบ

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำขอโทษของนายกฯต่อคนภาคใต้ ระหว่างที่เดินทางลงไปดูสถานการณ์ว่า ต้องระวังเรื่องขอโทษขอโพยเหมือนกัน นายกฯคงหมายถึงรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ไม่ได้หมายถึงรัฐบาลสมัยตน สมัยนายบรรหาร หรือนายชวน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า ประเทศไทยทำไม่ถูก ดังนั้นคงจะเป็นการขอโทษของรัฐบาลที่ผ่านมา เรื่องไหนไม่ถูกก็พูดกันไปตรงๆ ว่าไม่ถูก เรื่องไหนที่ทำไม่ถูกก็ต้องทำให้ถูก

ผู้สื่อข่าวถามว่า การขอโทษของ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้หมายความว่าจะแก้ปัญหาภาคใต้ได้ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า พูดตรงคงไม่ได้ ต้องรออีกสักนิด ไม่ใช่พูดวันนี้แล้วพรุ่งนี้จะเรียบร้อย เมื่อถามว่า การเผาบัญชีดำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะส่งผลอะไรหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่รู้เลยบัญชีดำเป็นอย่างไร ไม่ทราบจริงๆ แต่ถูกเผาไปคงเก็บก็อบปี้ไว้ไม่ต้องห่วง คนไม่ดีขึ้นมาก็จัดการใหม่ได้ เมื่อถามว่าการเจรจาจะยุติปัญหาได้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ก็แล้วแต่จังหวะเวลา แต่ต้องอยู่บนความรู้สึกที่เอื้ออาทรกัน รักกัน เพราะคนไทยด้วยกัน


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์