ตายายซื้อของเก่าโอดน้ำท่วมหมดตัวขวด-กระดาษหาย

"หมดตัวชั่วข้ามคืน"


สองตา-ยายเมืองกรุงเก่า รับซื้อของเก่าสุดช้ำ น้ำท่วมกระดาษเปื่อย-ขวดลอยหายไปกับน้ำ หมดตัวชั่วข้ามคืน ต้องอาศัยบนหลังคารถเก่าริมถนนหลับนอน

ด้าน สองสามีภรรยาวัยชราเมืองนครสวรรค์ กระต๊อบ-เตาข้าวเกรียบพัง หมดอาชีพทำกิน สพฐ.เผยน้ำท่วมโรงเรียนม.6ไม่เลื่อนสอบโอเน็ต กระทรวงเกษตรประเมินค่าชดเชยเกษตรกร 2,000 ล้านบาท

จากสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วม หลายครอบครัวต้องหมดตัว ทั้งทรัพย์สินและสูญเสียคนในครอบครัวอันเป็นที่รักไป โดยไม่หวนกลับมาอีก เช่น 2 ครอบครัว สอบตายายใน 2 จังหวัด ที่บั้นปลายใช้ชีวิตอย่างรำเค็ญ และต้องอาศัยริมถนนเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวจนกว่าน้ำจะลด

"ชีวิตถึงจุดลำบากที่สุด"


ผู้สื่อข่าวคม ชัด ลึก ได้เดินทางสำรวจความเสียหายในระหว่างน้ำลด พบครอบครัว 2 ตายาย อาศัยโครงเหล็กหลังคารถกระบะเก่าๆ ถูกดัดแปลงเป็นที่พักชั่วคราว ถูกนำมาวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ริมถนนสายผักไห่-ป่าโมก หน้าบ้านพักเลขที่ 6/4 หมู่ 6 ต.หน้าโคก อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา กลายเป็นที่กินอยู่หลับนอนของนายท้วม ภู่มาลา อายุ 75 ปี และนางกลม ภู่มาลา อายุ 73 ปี คู่สามีภรรยา อาชีพรับซื้อของเก่า เนื่องจากบ้านพักของสองตายายจมอยู่ใต้น้ำเกือบมิดหลังคา ไม่สามารถใช้เป็นที่พักได้เช่นเคย

นางกลม บอกว่า เดือนเศษแล้วที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ริมถนน เพราะน้ำท่วมบ้านเกือบมิดหลังคา ปีนี้น้ำท่วมสูงมาก ไม่เคยท่วมสูงและนานอย่างนี้มาก่อน บ้านที่ทรุดโทรมอยู่แล้ว เมื่อถูกน้ำท่วมอีกก็ไม่แน่ใจว่า หลังน้ำลดจะพักอาศัยได้เหมือนเดิมหรือไม่ แม้จะเป็นคนจน มีอาชีพรับซื้อของเก่า แต่ก่อนน้ำท่วมก็ไม่เคยนอนข้างถนนมาก่อน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า ชีวิตถึงจุดลำบากที่สุด ต้องมาใช้ชีวิต 24 ชั่วโมง อยู่ริมถนน นอนบนหลังคารถเก่า ที่ดัดแปลงเป็นที่นอนหนีน้ำ เสี่ยงถูกรถชน กลางคืนก็ไม่กล้าหลับ เพราะกลัวสัตว์มีพิษกัด ขณะเดียวกันน้ำก็ไหลเชี่ยว กลัวถูกน้ำซัดจมน้ำตาย

"น้ำลดแล้วยังไม่รู้ว่าจะทำไงต่อไป"


"โชคดีที่ฝนไม่ตก กลัวอยู่เหมือนกัน เพราะเพื่อนบ้านเขาคุยกันว่า พายุลูกใหม่กำลังจะเข้า หากฝนตกลงมาคงลำบาก ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว เพราะที่พักไม่มีหลังคา มีแต่ต้นไม้ใหญ่ไว้บังแดดเท่านั้น หากฝนตกลงมาคงต้องไปหาผ้ายางมาคลุมกันฝน ซึ่งคงทุลักทุเลน่าดู สงสารก็แต่สามี เพราะตามองไม่เห็นแล้ว หากให้ย้ายที่อยู่บ่อยๆ คงไม่ไหว กลัวตกน้ำ" นางกลม กล่าว

หญิงชราวัย 73 ปี กล่าวว่า ตอนกลางคืนจะเย็นมากๆ ต้องห่มผ้าหนาๆ และก่อไฟไว้ เพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกายและเพื่อให้แสงสว่างเป็นสัญญาณบอกกับผู้ที่ขับรถผ่านไปมา แต่ก็ทำได้ยาก เพราะบริเวณที่พักมีน้ำไหลผ่านตลอด จึงต้องยกพื้นสูงหนีน้ำ ส่วนในบ้านมีกระดาษ ขวด และเศษเหล็ก ที่ใช้เงินเก็บตระเวนซื้อมาจากที่ต่างๆ หวังว่าจะนำไปขายต่อให้กับร้านรับซื้อของเก่า เพื่อหากำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขาย แต่ตอนนี้กระดาษที่ซื้อมาเก็บไว้จำนวนมากเน่าเปื่อยเสียหาย เพราะแช่อยู่ในน้ำมาหลายวัน ส่วนขวดและของเก่าอื่นๆ บางส่วนลอยไปกับน้ำ ที่เหลืออยู่ก็แตกหัก เพราะแรงดันน้ำ หลังน้ำลดยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรต่อ

"อยากให้ผู้ใจบุญ หรือรัฐฯเข้ามาช่วยเหลือเรื่องน้ำดื่ม"


"ใช้เงินซื้อของเก่าไปเกือบหมดตัว ยังไม่ทันได้ขายน้ำก็มาเสียก่อน ยายกับตาก็แก่แล้ว ไม่มีแรงขนย้ายไปอยู่ที่สูง ทุกสิ่งทุกอย่างจึงจมอยู่ใต้น้ำ ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่โทษโชคชะตา สงสารก็แต่สามี ตาก็เริ่มมองไม่เห็น ต้องมานอนตากแดด ตากลม ตากยุง กลัวว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไม่สบาย" นางกลม กล่าว

สำหรับอาหารการกินนั้น นางกลม บอกว่า มีเพื่อนบ้านที่สงสารนำมามอบให้อยู่เป็นประจำ ไม่ได้ขาด จะขาดก็แต่น้ำดื่ม เพราะในหมู่บ้านเองก็ไม่ค่อยมีน้ำดื่มเหมือนกัน หากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานรัฐหรือผู้ใจบุญ เร่งนำน้ำดื่มมาบริจาคให้ด้วย นอกจากนี้ อยากให้มีแพทย์หรือพยาบาลเข้ามาดูแลชาวบ้านในพื้นที่บ้าง เกรงจะเกิดโรคระบาด เพราะเท่าที่สังเกตน้ำเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว หากปล่อยให้น้ำขังต่อไปคงเน่าเสีย เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค

ชีวิตของสองตายายเมืองกรุงเก่า แทบไม่แตกต่างจากชีวิตของ นางบุญช่วย คะนึงคิด อายุ 73 ปี และนายลำดวน คะนึงคิด วัย 78 ปี ราษฎร หมู่ 6 ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งทั้งชีวิตไม่เคยพบกับความสบาย ตรงกันข้ามกลับต่อสู้กับความยากจนมาอย่างโชกโชน แม้กระทั่งบั้นปลายของชีวิต ทั้งคู่ยังแยกออกมาจากครอบครัวลูกหลาน เพราะไม่ต้องการเป็นภาระ มาสร้างกระต๊อบหลังเล็กๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบอาชีพทำข้าวเกรียบขาย หาเช้ากินค่ำ

"น้ำพักน้ำแรงที่สร้างมาหายไปชั่วข้ามคืน"


"ไม่อยากเป็นภาระของลูกๆ หลานๆ จึงแยกออกมาปลูกกระต๊อบอยู่เอง ใกล้กับบ้านของลูกๆ เข้าใจดี เพราะลูกหลานแต่ละคนก็ยากจน ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างลำบากทุกคน ที่ดินที่ปลูกบ้านก็เช่าเขาอยู่ ปีละ 500 บาท ยายกับตาไม่ได้อยู่เฉยๆ ขายข้าวเกรียบมีรายได้ พอมีเงินไปซื้ออาหารและสิ่งของเครื่องใช้ประทังชีวิต ไม่ต้องไปรบกวนลูกหลาน แต่พอน้ำท่วม ทั้งกระต๊อบทั้งอุปกรณ์ทำขนม ถูกน้ำพัดหายไปหมด" นางบุญช่วย กล่าว

หญิงชราวัย 73 ปี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ไม่อยากอยู่คนเดียว ทุกครั้งที่นึกถึงตอนน้ำท่วมบ้านจะเครียดมาก โดยเฉพาะตอนเครื่องมือทำขนมลอยไปกับกระแสน้ำแล้วอดร้องไห้ไม่ได้ น้ำพักน้ำแรงที่สร้างมาหายไปชั่วข้ามคืน แม้จะไม่ใช่คนรวย แต่ก่อนน้ำท่วมก็ไม่เคยอดอยาก แต่หลังจากน้ำท่วมไม่นานก็รู้ซึ้งว่า ความหิวโหย ไม่มีอาหารกินเป็นอย่างไร ต้องอาศัยเต๊นท์ที่พักชั่วคราวที่เทศบาลนครนครสวรรค์จัดไว้ให้ ใกล้สะพานเดชาติวงศ์ รอรับของบริจาค ซึ่งก็ไม่ค่อยเพียงพอ

"ต้องอาศัยอยู่ในเต๊นท์ชั่วคราว"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางบุญช่วยอาศัยอยู่ในเต๊นท์ชั่วคราวร่วมกับนายลำดวน และบรรดาลูกๆ หลานๆ รวม 15 ชีวิต ทั้งหมดตกอยู่ในสภาพเดียวกัน คือ บ้านเรือนถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 2 เมตร เครื่องมือในการประกอบอาชีพเสียหายทั้งหมด ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน

นางละเมียด คะนึงคิด อายุ 53 ปี ลูกสะใภ้ ซึ่งคอยดูแลนางบุญช่วยอย่างใกล้ชิด กล่าวว่า สงสารแม่และพ่อสามีมาก เพราะอายุมากแล้วยังต้องมาทนลำบากอยู่ในเต๊นท์ที่พักชั่วคราว แทนที่จะได้อยู่ในบ้านพักของตัวเอง พอฝนตกก็เปียกปอน เพราะเต๊นท์ไม่สามารถรองรับน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักได้ จึงอดสงสารไม่ได้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตนเองก็เดือดร้อนไม่แพ้กัน

ในขณะที่โรงเรียนทั่วประเทศเปิดเทอมแล้ว แต่โรงเรียนในจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมขัง ยังไม่ได้เปิดเรียนอีกทั้งบ้านเรือนก็ถูกน้ำท่วม และไม่ได้สัญจรไป-มา เป็นเวลานานนับเดือนแล้ว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์