บุกปล้นเซเว่น1.3ล้าน-เงินค่าน้ำ-ไฟ

โจรอาชีพรู้ต้นเดือนคนแห่จ่าย


3 โจรบุกปล้นร้านเซเว่นฯ ในปั๊มปตท. ย่านบางนา กวาดเงินสด 1.3 ล้าน แฉขั้นตอนลงมือ คนแรกยืนถือปืนขู่อยู่หน้าร้าน คนที่สองย่องเข้าไปฉกเงินถึงในห้องสำนักงานหลังร้านโดยพนักงานไม่ทันรู้ตัว วิ่งหนีไปขึ้นรถกระบะวีโก้ที่มีอีกคนจอดติดเครื่องรออยู่ ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัดขู่ไม่ให้คนติดตาม ก่อนขับหนีลอยนวลไปได้ พนักงานร้านเผยถูกปล้นครั้งที่สองในรอบ 5 ปี หนแรกได้ไป 7 แสน ตร.สันนิษฐานเป็นแก๊งปล้นอาชีพ แก๊งเดียวกับที่เคยปล้นร้านเซเว่นฯ และปั๊มน้ำมันในท้องที่บก.น.3 บก.น.4 และบก.น.5 โดยฉวยโอกาสลงมือปล้นช่วงต้นเดือน เพราะรู้ดีว่ามีคนมาจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟเยอะ

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 1 พ.ย. พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี สวส.สน.บางนา รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์ภายในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ภายในปั๊มปตท. ซอยลาซาล 37 (สุขุมวิท 105) จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นพร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ พล.ต.ต.จิรสิทธิ์ มหินทรเทพ รองผบช.น. พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รองผบก.หน.ศส.บช.น. พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง รองผบก.ป. พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น.5 และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ

"กำลังนับเงินอยู่หลังร้าน"


จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุมีลูกค้าในร้านกว่า 10 คน มีพนักงานประจำร้าน 4 คน คือ น.ส.นภาพร สงสาร อายุ 26 ปี น.ส.อรอุมา งมเจริญ อายุ 20 ปี นายประจักษ์ วงศรีกุล อายุ 18 ปี ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน และนางปราณี ชำนาญศิลป์ อายุ 29 ปี ผู้จัดการร้าน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงใช้เชือกกั้นและกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจเก็บลายนิ้วมือตามกระจกต่างๆ เพื่อเป็นเบาะแสติดตามหาตัวคนร้าย

นายประจักษ์ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกับน.ส.นภาพร อยู่ตรงเคาน์เตอร์เก็บเงิน ส่วนน.ส.อรอุมา กับนางปราณี ได้นำเงินที่ขายสินค้าได้จำนวน 1,300,000 บาท ไปไว้ด้านหลังร้าน ซึ่งเป็นสำนักงานภายในห้องเก็บสินค้า เพื่อนำเงินทั้งหมดไปนับ เพราะทุกวันจะมีรถมารับเงินนำไปเข้าธนาคาร ขณะเกิดเหตุมีลูกค้าประมาณกว่า 10 คน ทำให้งานค่อนข้างยุ่ง ขณะที่ตนก้มหน้าก้มตาคิดเงินและดูแลลูกค้าก็ได้ยินเสียงนางปราณีร้องตะโกนจากหลังร้าน จึงหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

"คว้าตะกร้าเงินวิ่งหนี"


นายประจักษ์ให้การต่อว่า ระหว่างนั้นเห็นชายคนร้าย รูปร่างสูงประมาณ 180 เซนติเมตร สวมเสื้อโปโลสีชมพู กางเกงยีนส์ ผิวดำแดง หน้าเหลี่ยม จมูกโด่ง อายุประมาณ 30 ปี ที่มายืนทำเป็นเลือกซื้อสินค้า วิ่งออกไปจากร้านแล้วชักปืนขู่ชาวบ้านที่นั่งกินอาหารที่ร้านธงฟ้าริมถนน ติดกับร้านเซเว่นฯ ขณะเดียวกัน เห็นชายคนร้ายอีกคนใส่เสื้อโปโลสีครีม สูงไล่เลี่ยกับคนร้ายคนแรก วิ่งออกมาจากห้องสำนักงานที่นางปราณีกับน.ส.อรอุมานับเงินอยู่ ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ออกไปจากร้าน โดยในมือของคนร้ายถือตะกร้าสีส้มของร้านที่นางปราณีใช้ใส่เงินเตรียมเอาไปนับ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 โดยเมื่อ 5 ปีที่แล้วเคยถูกคนร้ายปล้นมาแล้ว ได้เงินไป 7แสนกว่าบาท

ด้านน.ส.อรอุมา กล่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. ตนกับผู้จัดการร้านนำเงินจากตู้เซฟหน้าเคาน์เตอร์ประมาณ 1.3 ล้านบาท ใส่ตระกร้าสีส้มของร้าน ใช้ถุงพลาสติกปิดคลุมไว้อีกชั้นเพื่อบังสายตา ก่อนนำไปนับที่ห้องสำนักงานด้านหลังร้าน ซึ่งใช้เป็นห้องเก็บสินค้าด้วย โดยตนวางตะกร้าเงินไว้ข้างตัวด้านหลังใกล้กับประตูห้อง ขณะที่ตนยืนหันหลังคุยกับผู้จัดการอยู่ ผู้จัดการก็เห็นเงาคนเข้ามา จึงตะโกนถามว่าใคร เมื่อตนหันไปก็เห็นคนร้ายคว้าตะกร้าเงินดังกล่าววิ่งหนีออกไปจากร้านแล้ว

"ยิงขู่ขึ้นฟ้าก่อนออกรถหนี"


"คนร้ายเข้ามาเงียบมาก หนูไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูด้วยซ้ำ เข้ามาถึงก็ถือตะกร้าวิ่งออกไปจากร้านทันทีด้วยความรวดเร็ว" น.ส.อรอุมากล่าว

นายสุรพล ปฐมดำรงสถิต พ่อค้าขายข้าวแกงร้านธงฟ้า กล่าวว่า เห็นคนร้ายวิ่งออกมาจากร้านเซเว่นฯ แล้วชักปืนจากเอวส่ายไปมาขู่ลูกค้าที่นั่งกินอาหาร จากนั้นก็เห็นคนร้ายอีกคนหนึ่งวิ่งตามมาในมือถือตะกร้าสีส้ม ในตะกร้ามีของอยู่แต่ไม่รู้ว่าอะไร ตอนแรกก็งงว่าชายคนนี้เอาตะกร้าของร้านเซเว่นฯ มาทำไม จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คนได้วิ่งไปที่รถกระบะที่จอดเลยร้านไปประมาณ 15 เมตร และก่อนจะขึ้นรถคนร้ายที่ถือปืนยังได้ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปทางปากซอยสุขุมวิท 105 โดยมีพยานที่อยู่ใกล้กับรถคนร้าย จำได้ว่าเป็นรถโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง จำเลขทะเบียนได้แค่ 3787

"เชิญผู้ประกอบการประชุม"


พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า เบื้องต้นมีชาวบ้านเห็นคนร้ายวิ่งขึ้นรถ โดยมีชายคนขับอีกคนหนึ่งสตาร์ตรถรออยู่ ส่วนหมายเลขทะเบียนที่จำได้คาดว่าน่าจะเป็นทะเบียนปลอม ส่วนกล้องวงจรปิดทราบว่าทางร้านกำลังจะติดตั้ง แต่ก็มาเกิดเหตุถูกปล้นเสียก่อน อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของคนร้ายเหมือนกับแก๊งปล้นร้านเซเว่นฯ และปั๊มน้ำมัน ที่มักก่อเหตุในพื้นที่บก.น.3 บก.น.4 และบก.น.5

โดยคนร้ายรู้รายละเอียดดีว่าช่วงปลายเดือนคาบเกี่ยวกับต้นเดือนจะมีคนมาชำระเงินค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสกันเยอะ ทำให้ร้านมีเงินสดมาก อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์นี้ทางตำรวจได้เชิญผู้ประกอบการร้านค้ามาเพื่อร่วมประชุมหารือหาทางป้องกัน โดยเฉพาะจะเสนอให้ทางร้านทำประตูเข้า-ออกห้องสำนักงานแบบไอดีการ์ด เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์