เซ่นโหดอีก3ศพ! นําป่าถล่มคร่าชีวตพ่อแม่ลูก

"กทม.น่าห่วงแม่น้ำสายหลักเอ่อล้น"


หลายจังหวัดยังเผชิญกับอุทกภัย โดยเฉพาะ กทม.น่าเป็นห่วงหลังน้ำในแม่น้ำสายหลักยังเอ่อล้นและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด น้ำที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ มีปริมาณถึง 5,145 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มากสุดเป็นประวัติศาสตร์ และสูงกว่าเมื่อครั้งเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2538 ขณะที่หลายฝ่ายต่างระดมแก้ปัญหาอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักท่วมพื้นที่ชั้นในของ กทม.

มท.1 ตรวจน้ำท่วมปากน้ำโพ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ต.ค. นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจดูสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.นครสวรรค์ โดยมีนายชนินทร์ บัวประเสริฐ ผวจ.นครสวรรค์ เข้ารายงานสภาพน้ำ โดย ผวจ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ จ.นครสวรรค์ มีน้ำท่วมขังแล้ว 12 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ รวม 108 ตำบล ส่วนปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านและแม่น้ำยม เพิ่มขึ้น 3 ซม. แม่น้ำปิง ลดระดับลง 14 ซม. ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเชิงสะพานเลี่ยงเมือง อ.เมืองนครสวรรค์ น้ำเพิ่มขึ้น 3 ซม. โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 5,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ถนน-หน่วยราชการเจิ่งนอง

ส่วนสภาพน้ำทั่วไปใน อ.เมืองนครสวรรค์ ปรากฏว่ายังมีน้ำท่วมสูงหลายพื้นที่ ทั้งนี้ นายจิตตเกษม นิโรจน์ นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์ ได้ระดมเครื่องสูบน้ำกว่า 50 เครื่อง เร่งสูบน้ำทั้งวันทั้งคืนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมประสานกำลังทหารจาก มทบ.31 มาช่วยกรอกกระสอบทรายนำไปทำแนวกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนบริเวณตลาดปากน้ำโพ ถนนสวรรค์วิถียังมีน้ำท่วมขังบริเวณหน้าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรค์ เขต 1 รวมทั้งถนนปาริชาต ถนนดาวดึงส์ บริเวณหน้าโรงพยาบาลศรีสวรรค์ ถนนอารักษ์ ถนนเทพนิมิต ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ประมาณ 30-50 ซม. เนื่องจากเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ ขณะที่บริเวณศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ จวนผู้ว่าฯ ยังมีน้ำท่วมขังประมาณ 50 ซม. ส่วนศูนย์ท่ารถนครสวรรค์ ก็ถูกน้ำท่วมขังจนต้องย้ายรถโดยสารไปจอดให้บริการที่สนามกีฬาจังหวัดนครสวรรค์

ชาวนาตกท่อระบายน้ำมรณะ

ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านสังเวยชีวิตอีกศพ โดย ร.ต.ต.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ร้อยเวร สภ.อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ รับแจ้งมีชาวบ้านจมน้ำเสียชีวิตบริเวณคลองส่งน้ำกลางทุ่งนาหมู่ 2 ต.หนองหม้อ ทราบชื่อผู้ตายคือนายสำรวย ยอดไสว อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/2 หมู่ 2 ต.หนองหม้อ อ.ตาคลี สอบถามญาติได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้านายสำรวยออกไปดูนาข้าวเขตพื้นที่หมู่ 2 ต.หนองหม้อ ที่ถูกน้ำท่วมหนักเพื่อระบายน้ำออกคลองส่งน้ำคลอง 6 แต่ญาติเห็นไปนานผิดสังเกต จึงออกตามหาแต่ไม่พบ เลยขอให้ชาวบ้านช่วยกันตามหา กระทั่งพบศพอยู่ใต้ท่อระบายน้ำ โดยคาดว่าผู้ตายอาจพลัดตกท่อถูกน้ำซัดเสียชีวิตอย่างอนาถ

ผวาไอ้เข้-ปลาช่อนอเมซอนโผล่


ด้านนายสมบูรณ์ ใจสัมฤทธิ์ นายก อบต.วังมหากร อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เผยว่า ขณะนี้เกษตรกรในพื้นที่กว่า 1 พันครัวเรือนต้องประสบปัญหาจากน้ำท่วม นาล่มแล้ว 2,600 ไร่ เพราะนอกจากน้ำป่าแล้วยังผสมกับน้ำจากบริเวณบึงบอระเพ็ด นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. มีชาวบ้านพากันแตกตื่น เนื่องจากเจอปลายักษ์ในพื้นที่น้ำท่วมหมู่ 9 ต.วังมหากร โผล่เล่นน้ำฟาดหางตีน้ำกระจาย แต่ชาวบ้านเห็นไม่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่ บางคนบอกว่าเป็นปลาช่อนอเมซอน โดยเมื่อปีที่แล้วขณะเกิดน้ำท่วมก็มีปลาพันธุ์ดังกล่าวหลุดออกจากบ่อจากฟาร์มแห่งหนึ่งและมีชาวบ้านจับได้ถึง 3 ตัว แต่ละตัวยาวร่วม 2 เมตร แต่บางคนคาดว่าน่าจะเป็นจระเข้ที่หลุดออกมาจากบึงบอระเพ็ดมากกว่า จึงต้องประกาศให้ชาวบ้านระวังตัวเพราะเกรงว่าหากเป็นจระเข้อาจถูกทำร้ายได้

น้ำทะลักแตะ 5,355 ลบ.ม.

ก่อนหน้านี้ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ได้ไปตรวจดูสภาพน้ำท่วมที่ จ.ชัยนาท พร้อมเข้ารับฟังสถานการณ์น้ำในเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา โดยมีนายสี่พร มณีโชติ ผอ.ชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา ชี้แจงว่า เมื่อช่วงเช้าเขื่อนเจ้าพระยาได้รับน้ำจาก จ.นครสวรรค์เพิ่มขึ้นถึง 5,355 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สูงกว่าวันที่ 11 ต.ค. ทำให้เขื่อนต้องระบายน้ำออก 3,276 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ด้านล่างลงไปถึง กทม. เกิดน้ำท่วมเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่นายเจด็จ มุกสิกวงศ์ ผวจ.ชัยนาท รายงานว่า จ.ชัยนาท มีนาข้าวเสียหายแล้ว 700,000 ไร่ สวนผลไม้ 30,000 ไร่ ทั้งนี้ ได้กำชับให้จังหวัดเร่งช่วยเหลือชาวบ้าน รวมทั้งดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินในช่วงน้ำท่วมด้วย

สิงห์บุรีคลองแม่ลาล้นเข้าวัด

ที่ จ.สิงห์บุรี แม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มสูงขึ้นจนทะลักไหลลงสู่คลองแม่ลาเอ่อล้นท่วมวัดบุดดา ต.ต้นโพธิ์ อ.เมืองสิงห์บุรี สร้างความเดือดร้อนให้พระและชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ทางวัดได้ขอกำลังทหารจากศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ช่วยนำกระสอบทรายมาทำแนวกั้นน้ำล้อมวัด นอกจากนี้คลองแม่ลายังไหลท่วม ต.จักรสีห์ อ.เมืองสิงห์บุรี และ ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง ส่วนตลาดสดอินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี ที่ถูกน้ำท่วมขังมากว่า 2 อาทิตย์แล้ว แต่แม่ค้าส่วนใหญ่ต่างยังไม่ยอมทิ้งร้านเพราะกลัวขโมยจะมาลักสินค้า

คันดินพังทลายท่วม อ.ไชโย

เช่นเดียวกับที่ จ.อ่างทอง นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผวจ.อ่างทอง ได้สั่งให้เสริมแนวกระสอบกำแพงกั้นน้ำฝั่งตะวันออกเพิ่มอีกชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้นเข้าศูนย์ราชการ ขณะที่พื้นที่ตลาดย่านเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกที่ถูกน้ำท่วมมาหลายวันปรากฏว่าระดับน้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่ อ.ไชโย เมื่อคืนที่ผ่านมาคันดินที่กั้นแนวแม่น้ำเจ้าพระยาใน ต.ราชสถิตย์ ได้พังทลาย ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งนาข้าวเสียหาย ทั้งนี้ ในช่วงสายวันเดียวกัน นายดำรง รัตนพานิช รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายกิจการพิเศษ นำถุงยังชีพพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี องค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ จำนวน 1,000 ชุด ไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยที่ อ.ไชโย สร้างความปลาบปลื้มให้กับพสกนิกรอย่างยิ่ง

เร่งผันน้ำเข้าทุ่งมะขามหย่อง


ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณหน้าวัดพนัญเชิง จุดที่แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลมาบรรจบกัน ปรากฏว่าน้ำได้เพิ่มสูงขึ้น มีระดับสูงกว่าพื้นถนนในวัดถึง 2 เมตร ส่วนที่วัดไชยวัฒนารามโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่ง ระดับน้ำเกือบปริ่มแนวบังเกอร์ เจ้าหน้าที่ศิลปากรได้ประสานทางกรมเจ้าท่า เพื่อขอความร่วมมือเรือบรรทุกสินค้าลดความเร็ว เพื่อป้องกันคลื่นกระทบบังเกอร์ล้นเข้าวัด ขณะเดียวกัน นายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตร และสหกรณ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจดูการผันน้ำบริเวณทุ่งมะขามหย่อง บริเวณพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อช่วยระบายน้ำที่จะไหลเข้าสู่ กทม.

สั่งกำชับช่วยเหลือหลังน้ำลด

นายธีระกล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯจะพยายามดูแลแก้ไขปัญหาให้มีน้ำท่วมขังในระยะเวลาที่สั้นที่สุดและจะมีการชดเชยความเสียหายให้กับเกษตรกรอย่างเป็นธรรมที่สุด โดยในระยะยาวจะปรับเปลี่ยนอัตราค่าชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น ภายหลังน้ำลด ทางกรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตรจะเตรียมความพร้อมด้านเมล็ดพันธุ์พืชไว้ช่วยเหลือเกษตรกรให้มากที่สุด สำหรับความเสียหายใน จ.พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่การเกษตรเสียหายรวม 22,934 ไร่

ผวจ.ยอมให้พร่องน้ำแค่ 2 จุด

ด้านนายสมชาย ชุ่มรัตน์ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ชาวอยุธยารู้สึกปลื้มปีติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเมตตาอนุญาตให้ผันน้ำเข้าพื้นที่ส่วนพระองค์ ที่ทุ่งมะขามหย่องและทุ่งภูเขาทอง เพื่อระบายนํ้าจากแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้น้ำใน อ.มหาราช บางปะหัน ท่าเรือ บ้านแพรก และบางบาลบางส่วนลดลง แต่ยืนยันว่าจะยอมให้ผันน้ำได้เฉพาะทุ่งภูเขาทองกับทุ่งมะขามหย่องเท่านั้น ส่วนจุดอื่นชาวอยุธยาคงไม่ยินยอม เพราะขณะนี้นาข้าวอยู่ระหว่างตั้งท้อง หากปล่อยน้ำเข้าจะทำให้ข้าวล่มตายหมด

ชาวท่าวุ้งคัดค้านพื้นที่แก้มลิง

ส่วนที่ จ.ลพบุรี ชาวบ้านต่างออกมาคัดค้านกรณีที่กรมชลประทานมีแนวคิดที่จะเสนอออกกฎหมายพื้นที่แก้มลิง โดยใช้พื้นที่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี กว่า 2 แสนไร่ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม.ในระยะยาว โดยนายทองเจือ พรเจริญ กำนันตำบลท่าวุ้ง กล่าวให้ความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้ทุ่งท่าวุ้งเป็นแก้มลิงรับน้ำ เพราะเปรียบเหมือนชาวบ้านที่นี่เป็นประชาชนชั้น 2 ขณะที่นายสุรินทร์ ขันทอง กำนันตำบลมุจลินท์ อ.ท่าวุ้ง กล่าวว่า หากมีการจัดทำประชาพิจารณ์หรือสอบถามความเห็นชาวบ้านโดยตนคงต้องคัดค้านอย่างแน่นอน

น้ำท่าจีนท่วมหอดูโจรสุพรรณ

ที่ จ.สุพรรณบุรี แม่น้ำท่าจีนเอ่อล้นท่วมชุมชนหลายแห่งใน อ.เมืองสุพรรณบุรี โดยเฉพาะถนนสายสุพรรณบุรี-บางปลาม้า ต.ท่าระหัด ขาดเป็นช่วงๆ บ้านเรือนจมน้ำกว่า 600 หลัง ส่วนที่ อ.บางปลาม้า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา กระแสน้ำได้เซาะพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำท่าจีนจนพังทลาย ทำให้น้ำไหลเข้าตลาดเก้าห้อง ต.บางปลาม้า ซึ่งเป็นตลาดอนุรักษ์อายุกว่า 100 ปี รวมทั้งยังไหลเข้าศาลเจ้าและหอดูโจรในอดีต โดยระดับน้ำมีปริมาณสูงประมาณ 1.50 เมตร

มูลนิธิคุณพุ่มช่วยชาวปราจีน

ที่ จ.ปราจีนบุรี พล.ต.ต.ไมตรี ศรีวัชรานนท์ เลขาธิการมูลนิธิคุณพุ่ม พร้อมคณะ นำสิ่งของประทานจากมูลนิธิคุณพุ่ม ไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ชุมชนคลองนางเลง เทศบาลตำบลเมืองเก่า 100 ชุด และที่ชุมชนตลาดเมืองเก่า เทศบาลตำบลกบินทร์ 550 ชุด โดยที่ชุมชนตลาดเก่า แม้ว่าน้ำจะลดลงบ้างเล็กน้อยแต่ยังท่วมขังสูงอยู่ ส่วนที่เทศบาลตำบลศรีมหาโพธิ มีน้ำท่วมสูง 40-50 ซม. รถเล็กสัญจรไปมาลำบาก มีคนหัวใสนำรถไถนามาดัดแปลงเป็นรถพ่วงรับจ้างบรรทุกรถ จยย.ของชาวบ้านที่ไม่สามารถผ่านไปมาได้ ไปส่งราคาคันละ 10 บาท สร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ ขณะเดียวกันศูนย์ป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยเขต 3 ได้จัดรถบรรทุก 6 ล้อ มารับส่งประชาชนฟรีในเขตเทศบาลตำบลศรีมหาโพธิ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเดินทางเข้าออกได้สะดวกขึ้น

ทหารช่วยหมู่บ้านเมืองปทุม

ที่หมู่บ้านสินธร ถนนรังสิต-ปทุมธานี ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี พ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ผู้บังคับกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 นำกำลังทหารกว่า 30 นาย เข้าไปประจำการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมขังกว่า 1,500 หลังคาเรือน ในหมู่บ้านมีระดับน้ำสูงราว 40-50 หลัง โดยนำกระสอบทรายมากั้นโดยรอบและวางเครื่องสูบน้ำ 12 เครื่องรอบหมู่บ้าน ทั้งนี้

ชาวบ้านกล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่กว่านี้เร่งสูบน้ำออกจากบึงของหมู่บ้าน เพราะน้ำที่ท่วมขังอยู่ระดับทรงตัวตลอด ยังไม่ลดลง ส่วนพื้นที่อื่นๆ ใน จ.ปทุมธานี ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหมดทั้ง 7 อำเภอที่หนักสุดคือ อ.สามโคก และ อ.เมืองปทุมธานี นายนเรศ จิตสุจริตวงศ์ ผวจ.ปทุมธานี ได้สั่งการให้ อบต.แต่ละแห่งลงตรวจพื้นที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง จุดไหนวิกฤติหนักให้ ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้โดยตรงทันที

กทม.เดินเครื่องเร่งระบายน้ำ


ด้านกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 12 ต.ค. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. เดินทางไปตรวจแก้มลิงลำพังพวย เขตบึงกุ่ม พบระดับน้ำในบึงเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์และยังเหลือพื้นที่รับน้ำได้อีก 180,000 ลูกบาศก์เมตร จากนั้นได้เดินทางไปตรวจสถานีสูบน้ำคลองลำพังพวย เขตบางกะปิ ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำลงสู่คลองแสนแสบเพื่อลดระดับน้ำในคูคลองย่านบึงกุ่ม นวมินทร์ เสรีไทยและลาดพร้าวบางส่วนให้มีระดับต่ำที่สุด โดยนายอภิรักษ์ เปิดเผยว่า ใน กทม.มีแก้มลิง 20 แห่ง จุน้ำได้ 12.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้ได้เร่งระบายน้ำจากแก้มลิงต่างๆให้เหลือน้อยที่สุด จะได้เหลือพื้นที่รับน้ำฝนหรือกักเก็บน้ำฝนหรือน้ำที่ผันจากที่อื่นเข้ามาเก็บไว้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม จะหารือกับ พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย รอง ผบ.ทหารสูงสุดเรื่องใช้แก้มลิงใน พล.ม.2 สนามเป้า ที่จุน้ำได้มากถึง 50,000 ลูกบาศก์เมตร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ผุดแก้มลิงในหมู่บ้านจัดสรร

นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กทม.มีแนวคิดจะออกระเบียบตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน 2543 ให้ผู้ก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรแห่งใหม่จะต้องจัดให้มีแก้มลิงในหมู่บ้านเพื่อกักเก็บน้ำไว้ก่อน และ กทม. จะสนับสนุนด้วยการสร้างท่อเชื่อมแก้มลิงกับคลองสายต่างๆ หากทำได้จะมีแก้มลิงผุดขึ้นเป็นจำนวนมากและช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมขังได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับน้ำในคลองสายต่างๆ พื้นที่เขตหนองจอก ลาดกระบังซึ่งไม่มีทีท่าจะลดลงเพราะฝนตกซ้ำ กทม.ได้เร่งระบายน้ำออกไปทางคลอง 21 ลงสู่แม่น้ำบางปะกง และคลองด่าน คาดว่าหากไม่มีฝนตกหนักเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน

น้ำป่าคร่าชีวิต 3 ศพพ่อแม่ลูก

สำหรับภาคเหนือ ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เช้าวันเดียวกัน ร.ต.อ.วัชรา ใจดี ร้อยเวร สภ.อ.เมืองแม่ฮ่องสอน รับแจ้งมีชาวบ้านถูกน้ำป่าซัดจมน้ำเสียชีวิตในลำห้วยบ้านห้วยเสือเฒ่า หมู่ 8 ต.ผาบ่อง จึงรุดไปตรวจสอบพบชาวบ้านช่วยกันนำศพผู้เสียชีวิตขึ้นจากลำห้วยแล้ว 2 ศพ ทราบชื่อนายรวย มูลนันชัย อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/2 หมู่ 8 ซึ่งพิการแขนและขา และ ด.ญ.ฟ้าประทาน มูลนันชัย อายุ 1 ขวบ ลูกสาวของนายรวย ขณะเดียวกันทราบว่ายังมีผู้เคราะห์ร้ายอีก 1 คน คาดว่าเสียชีวิตแล้วเช่นกัน และถูกกระแสน้ำซัดหายไปคือนางทรงศรี จิตนภาสุริยะกุล อายุ 27 ปี เป็นภรรยาของนายรวย และมีผู้รอดชีวิต 1 คน คือ ด.ญ.เบญจกัลยาณี มูลนันชัย อายุ 7 ขวบ ลูกสาวคนโตของนายรวย

ลูกสาวคนโตเผยนาทีระทึก

นายอุทิศ ตยาดีทาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เล่าถึงเหตุการณ์ระทึกใจ เท่าที่สอบถาม ด.ญ.เบญจกัลยาณี ลูกสาวของนายรวยที่รอดชีวิต ทราบว่าก่อนเหตุ นายรวย ที่พิการได้ขี่รถ จยย.พ่วงข้างพาครอบครัวรวม 4 คน ไปเที่ยวงานประเพณีปอยเหลินสิบเอ็ด อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ขากลับต้องผ่านลำห้วยหลายจุด ขณะเหลืออีกไม่ถึง 500 เมตร ก็จะถึงหมู่บ้าน รถเกิดเสียกลางร่องลำห้วย นางทรงศรีจึงอุ้ม ด.ญ.เบญจกัลยาณี ลูกสาวคนโตไปไว้บนเนินถนนแล้วกลับมาอุ้ม ด.ญ.ฟ้าประทาน จู่ๆน้ำป่าได้ไหลซัดทั้งรถทั้งคนพาร่างพ่อแม่ลูกหายไปกับกระแสน้ำ หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านรู้ข่าวไปช่วยกันงมหาศพยันเช้าจนพบร่าง ด.ญ.ฟ้าประทานตอนตีสอง และเจอศพนายรวยตอนเช้า ส่วนศพนางทรงศรี ซึ่งคาดถูกน้ำซัดไปตามลำห้วยไหลลงสู่แม่น้ำปาย ส่วนสาเหตุน้ำป่าถล่มครั้งนี้เป็นเพราะฝนตกหนักมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำ สำหรับนายรวย 1 ในผู้เสียชีวิต แม้จะเป็นคนพิการ แต่ก็เป็นคนมีฝีมือด้านจิตรกรรมวาดภาพสีน้ำบนผ้าร่มจนมีชื่อเสียงรู้จักกันไปทั่ว

ช่วยครอบครัวเหยื่อน้ำป่าคลั่ง

ทางด้านนายดิเรก ก้อนกลีบ ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ได้สั่งให้ฝ่ายปกครองเข้าช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต เนื่องจากนายรวยเป็นผู้ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดเกี่ยวกับเรื่องการวาดภาพส่งเสริมการท่องเที่ยว ขณะที่นายชนะ นาคสุริยะ รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า เบื้องต้นเป็นเงินจากกาชาดจังหวัด 3 หมื่นบาท เพื่อเป็นค่าทำศพ ส่วน ด.ญ.เบญจกัลยาณี ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวและกลายเป็นเด็กกำพร้านั้น ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด จะให้เงินสนับสนุนเป็นทุนการศึกษาเดือนละ 1,000 บาท ทุกเดือนจนกว่าจะเรียนจบถึงชั้นสูงสุด

พระหมอสมุนไพรถูกซัดจมห้วย


ที่ จ.แพร่ ได้เกิดน้ำป่าลำห้วยอ่างแม่มาน ต.หัวฝาย อ.สูงเม่น คร่าชีวิตพระมานพ ธมฺมเมธี อายุ 55 ปี พระวัดช่องลม ต.หัวฝาย หลังจากช่วงเย็น พระมานพ ซึ่งเป็นหมอสมุนไพรชื่อดังที่รับรักษาโรคต่างๆให้กับชาวบ้าน ได้ชวนลูกศิษย์พายเรือไปตามอ่างแม่มานขึ้นไปเก็บสมุนไพรตามร่องลำห้วยเหนืออ่างเก็บน้ำ แล้วถูกน้ำป่าที่ไหลแรงซัดร่างไปคนละทิศละทาง หลังน้ำแห้งปรากฏว่าพบศพพระมานพติดอยู่กับต้นไม้ข้างริมห้วย

ซ่อมถนนทางขึ้นดอยอ่างขาง

ส่วนที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ หลังเจอน้ำป่าดอยอ่างขางซัดถล่มพินาศย่อยยับ ปรากฏว่าช่วงบ่ายวันเดียวกันนายบรรลือศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นายอำเภอฝาง พร้อมด้วยนายปราโมท อิ่มเพชร หัวหน้าแขวงการทางเชียงใหม่ ได้นำเครื่องจักรเข้าเคลียร์พื้นที่ซ่อมถนนที่ ทางดอยอ่างขางที่ถูกน้ำซัดจนขาดใช้การไม่ได้ กระทั่งสามารถเปิดให้รถวิ่งได้ โดยมีนักท่องเที่ยวบางส่วนเดินทางไปท่องเที่ยวและดูซากปรักหักพังที่หมู่บ้านบ้านยาง ต.แม่งอน ที่เสียหายอย่างหนัก ส่วนการค้นหาศพนายธนศักดิ์ ประทุม เจ้าหน้าที่โครงการหลวงดอยคำ ที่ถูกน้ำซัดหายไปนั้น ขณะนี้ก็ยังไม่พบศพ ด้านนายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รอง ผวจ.เชียงใหม่ ซึ่งได้เดินทางไปอำนวยการช่วยเหลือชาวบ้าน เปิดเผยว่า เท่าที่ตรวจสอบพบโรงงานดอยคำเสียหาย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะโรงงานตั้งอยู่บนสุด ทำให้รองรับน้ำ เศษท่อนไม้และก้อนหินขนาดใหญ่ ก่อนทะลักเข้าหมู่บ้าน

สั่งเสริมกำแพงฟาร์มจระเข้

ที่ จ.อุทัยธานี ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำทะลักท่วมถนนหลายสาย ในตลาดเทศบาลเมืองอุทัยธานี มีระดับสูงเกือบ 1 เมตร ตำรวจต้องปิดเส้นทางจราจร โดยมีทหารราบจากมณฑลทหารบกที่ 31 ค่ายจิระประวัติ ทหารจากหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 15 อ.ห้วยคต อาสาสมัครกองร้อย อส.จ.อุทัยธานี อปพร. หน่วยกู้ภัย และนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคอุทัยธานี กระจายกำลังช่วยกันบรรจุกระสอบทรายทำแนวกั้นน้ำบริเวณถนนเลียบแม่น้ำสะแกกรัง หน้าศาลากลางจังหวัด ในตลาดเทศบาลเมืองอุทัยธานี รอบกำแพงวัดท่าซุง รวมทั้งจุดสำคัญต่างๆ นอกจากนี้ นายปรีชา บุตรศรี ผวจ.อุทัยธานี ได้สั่งให้ ประมงจังหวัดกำชับให้เจ้าของฟาร์มจระเข้อุทัยธานี ก่อกำแพงให้สูงขึ้นจากเดิมอีก 1 เมตร พร้อมจัดตาข่ายคลุมบ่อเพื่อป้องกันจระเข้หลุดออกมา

เป็นลมจมน้ำตายเซ่นอีกศพ

ขณะเดียวกัน ร.ต.ท.ณรงเวทย์ พูลพ่วง ร้อยเวร สภ.อ.เมืองอุทัยธานี รับแจ้งจาก รพ.อุทัยธานี เมื่อตอนค่ำวันที่ 11 ต.ค. ว่ามีคนจมน้ำมาเสียชีวิต ทราบชื่อนางสุทิน อาจธัญกรรม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 หมู่ 5 ต.สะแกกรัง สภาพศพขาวซีด ตามร่างกายไม่มีบาดแผล สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกลับจากปรุงอาหารให้มารดาที่บ้านอยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร ระหว่างเดินกลับต้องลุยน้ำลึกประมาณ 1 เมตร จู่ๆ เกิดเป็นลมล้มพับจมลงไปในน้ำ ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ทำให้เสียชีวิตดังกล่าว

พิจิตรยังหนัก-ตายอีก 3 ศพ

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม จ.พิจิตร ยังไม่คลี่คลาย ระดับน้ำในแม่น้ำน่านสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเอ่อล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนชาวบ้านบริเวณชุมชนหลังสถานีรถไฟพิจิตร เขตเทศบาลเมืองพิจิตร นับร้อยหลัง ส่วนแม่น้ำยมที่ระดับน้ำยังสูงขึ้นอีก ขณะเดียวกัน ได้มีผู้เสียชีวิตอีก 3 ศพ รายแรกชื่อนายไชยยา สอนปั่น อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 2 ต.บางลาย กิ่ง อ.บึงนาราง รายที่ 2 ชื่อนางบังหลวง จาบบัว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 4 ต.คลองคูณ อ.ตะพานหิน โดยทั้ง 2 ศพได้ออกไปหาปลาในหมู่บ้านที่มีน้ำท่วมสูงแล้วพลัดตกน้ำเสียชีวิต และรายสุดท้ายคือ ด.ช.วิทวัส มังคุด อายุ 9 ขวบ ที่ตามพ่อแม่ไปเยี่ยมที่บ้านวังกระทึง หมู่ 4 ต.รังนก อ.สามง่าม แล้วออกไปเล่นน้ำริมถนนในหมู่บ้านที่มีน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ทำให้ถูกกระแสน้ำซัดจมน้ำเสียชีวิต

หญิงท้องแก่รอคลอดในศาลา


ในช่วงบ่ายวันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบสาวท้องแก่ใกล้คลอดบ้านถูกน้ำท่วมทั้งหลัง ต้องมาอาศัยรอคลอดอยู่ในศาลาพักริมถนนสายไผ่ท่าโพ-วังสำโรง อ.โพธิ์ประทับช้าง ไปตรวจสอบพบนางยุพิน ชูตะมัน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 หมู่ 3 ต.ไผ่ท่าโพ โดยนางยุพินเปิดเผยว่า ตนพร้อมสามีอพยพหนีน้ำท่วมบ้านมาอาศัยอยู่ในศาลาแห่งนี้มาเกือบ 1 เดือนแล้ว โดยไม่มีทั้งไฟฟ้าและน้ำประปา ต้องใช้เทียนไขจุดตอนกลางคืนและใช้กะละมังรองน้ำฝนไว้กินไว้ใช้ การขับถ่ายก็ต้องเดินเข้าป่าอย่างเดียว ตอนนี้ลำบากมากเนื่องจากท้องแก่ 9 เดือนเต็ม ไม่รู้จะคลอดเมื่อไหร่ หากเจ็บท้องเวลากลางคืนยังไม่รู้จะทำอย่างไร มีรถ จยย. อยู่ 1 คันก็ถูกยึด เนื่องจากสามีไม่มีงานทำ ก็สุดแล้วแต่เวรกรรม

เหตุเพราะลำน้ำเป็นคอขวด

ภาคอีสานที่ จ.หนองบัวลำภู ถึงแม้ฝนจะหยุดตกมา 3 วันแล้ว แต่น้ำเหนือที่ไหลมาจาก จ.เลย ยังคงเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน ไร่นาราษฎร และถนนหลายสาย ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการระบายน้ำเป็นไปได้ช้า ทำให้นาข้าวที่ต้นข้าวกำลังออกรวง จะได้รับความเสียหายกว่า 2 หมื่นไร่ ทั้งนี้ นพ.ศราวุธ สันตินันตรักษ์ นายก อบจ.หนองบัวลำภู พาคณะเข้าสำรวจพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม จากนั้นเปิดเผยว่า แม้ฝนจะหยุดตกมา 3 วันแล้ว แต่ กระแสน้ำที่หลากลงมาตามลำน้ำพะเนียงยังคงเอ่อล้น เนื่องจากยังขุดลอกลำน้ำไม่เสร็จ และมีบางจุดที่ชาวบ้านไม่ยอมให้ขุดทำให้กลายเป็นคอขวด เมื่อน้ำหลากลงมาจึงล้นออกไปท่วมไร่นาชาวบ้านกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่ ต.ฝั่งแดง อ.นากลาง ต.นาคำไฮ ต.หนองสวรรค์ ต.หนองหว้า ต.โพธิ์ชัย ต.ลำภู ต.หนองบัว ต.บ้านพร้าว ต.หัวนา ในเขต อ.เมืองหนองบัวลำภู รวมทั้งที่ อ.ศรี-บุญเรือง พื้นที่นาข้าวที่ถูกน้ำท่วมกว่า 20,000 ไร่ หากถูกน้ำท่วมต่ออีก 2-3 วัน ต้นข้าวที่ตั้งท้องเตรียมเก็บเกี่ยวก็จะต้องตายหมด

ปศุสัตว์ศรีสะเกษเร่งช่วยเหลือ

เช่นเดียวกับ จ.ศรีสะเกษ เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ มีเกษตรกรได้รับผลกระทบด้านปศุสัตว์ 8 อำเภอ 26 ตำบล 69 หมู่บ้าน และ 1 เทศบาล มีโค กระบือ ได้รับผลกระทบ 9,233 ตัว เกษตรกร 3,227 ราย ส่วนสุกร เป็ด และฟาร์มไก่เนื้อ ไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ นายวิสุทธิ์ สารพัฒน์ ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ ได้นำพืช อาหารสัตว์ หญ้าแห้งอัดฟ่อน พร้อมเวชภัณฑ์ ยาปฏิชีวนะ ยาถ่ายพยาธิ และอาหารแร่ธาตุ ไปแจกจ่ายให้กับเกษตรกรที่ประสบภัย ที่โรงเรียนบ้านหนองกันจอหมู่ 6 ต.ธาตุ อ.วังหิน โดยเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยด้านปศุสัตว์ ขอความช่วยเหลือได้ที่ สนง.ปศุสัตว์อำเภอ หรือกิ่งอำเภอทุกแห่ง หรือแจ้งโดยตรงที่ สนง.ปศุสัตว์ จ.ศรีสะเกษ โทร. 0-4561-2928 จะให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป

จับตา 13 ต.ค.น้ำเพิ่มสูงสุด

ด้านนายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนี้ (วันที่ 12 ต.ค.) มีน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ 5,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวันที่ 11 ต.ค. 155 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทางกรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำ ไปลงทุ่งทางฝั่งตะวันตก 619 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และทุ่งฝั่งตะวันออก 203 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 3,244 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ปริมาณน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 3,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที คาดว่าในวันที่ 13 ต.ค. จะมีปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ 5,450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 3,950 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

สผ.ขานรับหาแหล่งทำแก้มลิง

นายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีที่กรมชลประทานเตรียมหาพื้นที่แก้มลิงเพื่อเป็นแหล่งพักน้ำประมาณ 1-2 ล้านไร่ เพื่อระบายจากทางภาคเหนือว่าในส่วนของ สผ.จะเร่งตรวจสอบพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีการขึ้นทะเบียนเอาไว้กว่า 100 แห่งทั่วประเทศว่า จุดไหนพอจะเป็นแหล่งพร่องน้ำท่วมในครั้งนี้ได้บ้าง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งมีบึงบอระเพ็ดเป็นแหล่งพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ของเขตภาคเหนือตอนล่าง แต่คาดว่า ขณะนี้คงมีประมาณน้ำค่อนข้างมากแล้ว อย่างไรก็ตามยอมรับว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยเคยมีพื้นที่รับน้ำซึ่งเป็นห้วย หนอง คลอง บึงขนาดเล็กๆอยู่มาก และในอดีตก็ใช้เป็นแหล่งรองรับน้ำท่วม แต่ปัจจุบันพื้นที่เหล่านี้ถูกบุกรุกนำไปใช้ประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ เช่น ถูกถมเป็นถนน เป็นหมู่บ้านจัดสรร เป็นโรงงาน มีการสร้างถนนตัดผ่านขวางทางน้ำทำให้พื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติหายไป

กระตุ้นท้องถิ่นรักษาแหล่งน้ำ

นายเฉลิมศักดิ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในพื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติทั้ง 100 กว่าแห่งที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ก็มีปัญหาการจัดการดูแลและมีปัญหาบุกรุกพัฒนาพื้นที่ เนื่องจากถือว่าอยู่ในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่น กรณีการเตรียมก่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวในบึงบอระเพ็ด จะต้องถมพื้นที่บางส่วน และปัจจุบันก็มีการสร้างคันดินเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำท่วมถนน จุดนี้ถือเป็นปัญหาในการดูแลทรัพยากรน้ำที่ทาง สผ.และทางกระทรวงทรัพยากรฯ ต้องเร่งทำความเข้าใจทั้งในระดับท้องถิ่นและตัวชาวบ้านให้เห็นคุณค่าและเข้าใจประโยชน์ของพื้นที่ชุ่มน้ำเหล่านี้และเก็บรักษาพื้นที่เอาไว้ รวมทั้งเร่งสำรวจพื้นที่แก้มลิงตามธรรมชาติเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ สผ.จะสำรวจความเสียหายทางด้านทรัพยากรธรรมชาติที่รับผลกระทบจากน้ำท่วม เพื่อเตรียมแนวทางฟื้นฟูเมื่อน้ำลดต่อไปด้วย

ทำแผนแม่บทแก้วิกฤติน้ำท่วม

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการวางระบบบริหารการจัดการน้ำในระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย ว่า ที่ประชุมได้สรุปถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำโดยกำหนดร่วมกันที่จะจัดทำแผนแม่บทจัดการน้ำในอนาคตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โดยมอบให้ สศช. ไปศึกษาถึงแนวทางดำเนินการ

วางหลัก 3 ข้อแก้ปัญหา 5-10 ปี


นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า สศช. จะร่วมกับ สกว. กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนแม่บทหรือ Action Plan เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติอุทกภัย เพื่อกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ให้เวลาจัดทำ 6 เดือน เป็นแผนระยะยาว 5-10 ปี ในการวางระบบการจัดการทั้งหมด โดยจะวางแนวทางการปฏิบัติใน 3 เรื่องหลักได้แก่ 1. แผนระยะกลางที่จะรองรับปัญหาน้ำท่วมทั้งกรณีปกติและกรณีวิกฤติ 2. จะต้องมีองค์กรกลางขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อรับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องข้อมูล การสั่งการระบายน้ำ เพื่อบริการจัดการน้ำ และ 3. ต้องมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเฉพาะอีก 1 องค์กร เข้ามาดูแลการจัดการด้านการลงทุนเกี่ยวกับแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำที่ก่อสร้างขึ้นมาใหม่ๆ ที่จะต้องมาจัดระเบียบของลำดับลุ่มน้ำที่สำคัญในการเร่งการแก้ไข ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวจะนำโครงการเมกะโปรเจกต์ จัดการน้ำ 2 แสนล้านบาทมาปรับปรุงในรายละเอียด แต่ สศช.จะไม่เข้าไปแตะต้องเรื่องงบประมาณที่วางไว้เดิม ส่วนกรณีเขื่อนแก่งเสือเต้น ต้องนำกลับมาพิจารณาใหม่ ว่าควรก่อสร้างหรือไม่ แต่ตนไม่ใช่นักวิชาการ คงตอบไม่ได้ว่าควรจะเร่งทำหรือไม่ แต่จะต้องเป็น 1 ในโครงการที่ต้องนำมาศึกษาแน่นอน

รับวิกฤติหนักเกินรับมือไหว

เลขาธิการ สศช. กล่าวต่อไปว่า ต้องยอมรับว่าปัญหาน้ำท่วมขณะนี้เป็นวิกฤตการณ์ที่รุนแรงเกินกว่าหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในขณะนี้จะแก้ไขได้ทันสถานการณ์ แม้ว่าจะได้วางระบบป้องกันไว้พอสมควร โดยยอมรับว่าหากไม่มีพื้นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้ผันน้ำเข้าเพื่อช่วยเหลือประชาชน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็คงจะเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯไปแล้ว หากปีหน้าไม่หาวิธีป้องกันไว้ก็จะกระทบกับเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะขณะนี้ หากน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯและใกล้เคียงเพียงวันเดียว ก็เสียหายหลายพันล้านบาทแล้ว เพราะกระทบทั้งเรื่องของระบบขนส่งและการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้ของประเทศ

สธ เตือนผู้ป่วยลมชักระวังตัว

ด้าน นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ หลายฝ่ายพบว่า สภาพน้ำท่วมจะยืดเยื้อเป็นเดือน ดังนั้นกลุ่มที่น่าห่วงมากและต้องระมัดระวัง คือผู้ที่ป่วยเป็นโรคลมชักหรือลมบ้าหมู เพราะอาจจะประสบอุบัติเหตุจมน้ำได้ง่ายกว่าคนปกติ หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรเดินทางในระหว่างมีน้ำท่วม หรือถ้าจะเดินทางควรมีผู้ติดตามด้วย รวมทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยอัมพาต ก็ควรต้องระมัดระวังดูแลใกล้ชิดเช่นกัน

ยึดหลักสมานฉันท์ลดตึงเครียด

นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า ขณะนี้มีรายงานว่าผู้ประสบภัยน้ำท่วมบางพื้นที่เกิดกรณีพิพาท โดยฝ่ายที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมบ้าน ไปเจาะคันกั้นน้ำเพื่อระบายน้ำออกไปยังฝั่งที่ไม่ท่วม ซึ่งไม่เป็นผลดี และยังก่อให้เกิดปัญหา เพราะไม่ได้ทำให้ น้ำแห้งไป จึงขอให้ประชาชนทั้งที่เดือดร้อนและไม่ เดือดร้อนยึดหลักสมานฉันท์ ฝั่งที่น้ำไม่ท่วมขอให้เอื้อที่อยู่อาศัย อาจทำเป็นศูนย์เลี้ยงเด็ก ศูนย์ผู้สูงอายุ หรือหากเป็นวัด ก็ตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้ผู้ประสบภัยที่เดือดร้อนมานั่งพูดคุยกัน เพราะจะสามารถบรรเทาความเครียด ความทุกข์ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขให้กัน อันเป็นการแสดงถึงความมีน้ำใจของคนไทย

วธ.ยื่นยูเนสโกช่วยโบราณสถาน

ด้านคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม เปิด เผยว่า ในวันที่ 13 ต.ค. จะเดินทางพร้อมผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมตรวจเยี่ยมและตรวจสอบความเสียหายของโบราณสถานใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ประสบอุทกภัยอย่างหนัก อีกทั้งได้มีการผันน้ำเข้าไปในบริเวณทุ่งนา บางส่วนมีโบราณสถานตั้งอยู่เพื่อเสนอของบประมาณกลางจากรัฐบาลในการบูรณะโบราณสถานเหล่านี้ด้วย ขณะเดียวกัน โบราณสถานใน จ.พระนครศรีอยุธยาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ดังนั้น วธ.จึงต้องเสนอรายงานต่อองค์การยูเนสโก เพื่อขอความช่วยเหลือในการบูรณะโบราณสถานที่เป็นมรดกโลกอีกทางหนึ่งด้วย

ถึงคิวใต้-อุตุเตือนฝนตกหนัก

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศเมื่อวันที่ 12 ต.ค. ว่า ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรง พาดผ่านภาคใต้ตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำในอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนหนาแน่นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ลุ่มบริเวณจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต ระมัดระวังภัยจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนลดลง


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์