เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นายสัตวแพทย์บุรฉัตร ตันประดิษฐ์ นายสัตวแพทย์ ประจำกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา ทีมสัตวแพทย์ อส. ได้รับแจ้งจากประชาชนรายหนึ่งว่า มีสัตว์ป่าได้รับบาดเจ็บ ต้องการนำมาให้คณะสัตวแพทย์ให้การรักษา สัตว์ป่าดังกล่าว เป็น ครอบครัวนกแสก จำนวน 7 ตัว บาดเจ็บจากการติดกาวดักหนู จนไม่สามารถบิน และช่วยตัวเองได้ คาดว่าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจจะทำให้ตายได้ ทั้งนี้หลังรับแจ้งไม่นานนัก ต่อมาทีมสัตวแพทย์ก็พบกล่องลังขนาดใหญ่ มาตั้งไว้บริเวณหน้าอาคารศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือสัตว์ป่า ภายในกรมอุทยานฯ ถ.พหลโยธิน เมื่อตรวจสอบดูภายใน พบ นกแสก จำนวน 7 ตัว เป็นนกขนาดใหญ่ 2 ตัว และ ขนาดเล็กอีก 5 ตัว คาดว่าจะเป็นครอบครัวกัน อยู่ในอาการ ขนหลุด หนังถลอก มีเลือดซึมออกมา โดยมี 1 ตัวที่มีอาการสาหัส ไม่สามารถขยับตัวได้เลย และบริเวณขนเต็มไปด้วยกาวดักหนู สัตวแพทย์ต้องรีบนำนกทั้งหมดออกมาตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือเบื้องต้น โดยแยกลูกนกออกจากพ่อแม่ของมัน ให้อาหาร และให้ออกซิเจนกับตัวที่มีอาการหนัก พร้อมกับติดตามดูอาการนกทั้งหมดเพื่อทำการรักษาต่อไป
นายสัตวแพทย์บุรฉัตร กล่าวต่อว่า จากการพูดคุยกับผู้ที่ได้โทรศัพท์ติดต่อมาซึ่งคาดว่าเป็นผู้ที่นำนกทั้งหมดมารักษา เล่าว่า นกแสกทั้ง 7 ตัว เป็นครอบครัวนกที่เข้าไปอาศัยทำรังอยู่ที่หลังคาบ้านของตน
และมักจะส่งเสียงร้องน่ากลัว เพราะมีลูกนกมากถึง 5 ตัว รวมทั้งเจ้าของบ้านเองมีความเชื่อว่า หากนกแสกมาทำรังอยู่ที่บ้านจะทำให้เกิดโชคร้าย จึงอยากจะไล่นกออกไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหน จึงได้นำกาวดักหนูใส่ถาดไปวางไว้บริเวณปากทางเข้ารังนก โดยอาศัยช่วงที่พ่อแม่นกออกไปหาอาหารมาป้อนลูกในตอนกลางคืน จนกระทั่งรุ่งเช้าจึงไปติดตามดู ก็พบว่า พ่อแม่นก ถูกกาวดักหนูติดอยู่ และมีอยู่หนึ่งตัวพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากกาว ทำให้ขนและผิวหนังหลุด และลอกออกจนเป็นบาดแผลสาหัส เจ้าของบ้านจึงจับนกทั้งหมดนำมาส่งให้กับสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาดังกล่าว
“เบื้องต้นสัตวแพทย์ได้ให้การรักษา โดยการป้อนอาหารให้กับลูกนกทั้ง 5 ตัว และ นกตัวใหญ่ 1 ตัว ส่วนอีกหนึ่งตัวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส สัตวแพทย์ต้องให้ออกซิเจนเพื่อให้มันหายใจได้ และพยายามที่จะเอาโลชั่นทาลูบที่ผิวหนัง และขนของมันเพื่อจะเอากาวออก แต่อาการของนกตัวนี้หนักมาก มีความหวังแค่ 50-50 เท่านั้น แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถตรวจสอบเพศได้ แต่เชื่อว่า มันพยายามที่จะเข้าไปหาลูกของมันด้วยการดิ้นรนเต็มที่แบบไม่คิดชีวิตจนทำให้กาวติดไปทั่วตัว ขนหลุด และเกิดเป็นแผลถลอกขนาดใหญ่ แต่ทีมสัตวแพทย์ก็จะพยายามรักษาพวกมันให้ดีที่สุด” นายสัตวแพทย์บุรฉัตรกล่าวและว่า
กรณีของครอบครัวนกแสกดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของสัตว์ป่าที่ถูกทำร้ายด้วยความไม่ตั้งใจ และความเชื่อของประชาชน
รวมไปถึงการใช้วิธีการจัดการกับสัตว์แบบผิดวิธีจนทำให้สัตว์ได้รับบาดเจ็บ และอาจจะตายได้ ดังนั้นหากประชาชนที่มีปัญหาเกี่ยวกับสัตว์ป่าเช่นได้รับการรบกวนจากสัตว์ป่า หรือ อะไรก็ตามขอให้แจ้งมายังกรมอุทยานฯ เพื่อจะได้มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปดูแลให้อย่างถูกวิธี เพื่อที่จะเป็นการปลอดภัยทั้งประชาชนและตัวของสัตว์เอง