ป่วนหน้าศาลตลิ่งชัน 2 โจรแก๊ง "หมูบิน" ที่อาละวาดลักทรัพย์นับร้อยล้านบาท พยายามหลบหนีโดยใช้ระเบิดปลอมโยนขู่และวิ่งไปขึ้นรถที่เพื่อนขับมารอรับ
แต่ติดตรวนที่ขาไปไม่ถนัด จนท.เรือนจำตามล็อกไว้ได้ ส่วนเพื่อนซิ่งเก๋งหนีแต่ไม่ชินทางเลี้ยวเข้าซอยตันจนต้องทิ้งรถเดินเท้าต่อ ตร.-ศาลคุมแก๊งหมูบินเค้นสอบ สารภาพคนที่ช่วยเหลือเป็นเพื่อนร่วมคุกเพิ่งได้ประกันออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เลยวางแผนหลบหนี ให้เพื่อนแอบซุกระเบิดปลอมมากับรถ กระทั่งถูกเบิกตัวจากเรือนจำมาศาลฉวยจังหวะสร้างสถานการณ์ ส่วนที่ต้องแหกศาลเพราะมีคดีติดตัวอื้อไม่ได้รับการประกัน เรือนจำสั่งแยกขังและสอบสวนว่ามีใครเกี่ยวข้องอีกบ้าง ขณะที่ศาลเพิ่มโทษผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ด้าน "หมูบิน" หน.แก๊งปฏิเสธไม่รู้เรื่องเพราะถูกฟ้องคดีรับของ โจรโทษแค่ 2 ปีเท่านั้น แถมวันเกิดเหตุก็ไม่ได้เดินทางไปศาลด้วย
2 จำเลยพยายามแหกหนีศาลครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 ธ.ค.
พ.ต.ต.สอาด ดัดธุยะวัตร์ สารวัตรเวรสน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุพยายามชิงตัวจำเลยบริเวณหน้าทางเข้าศาลจังหวัดตลิ่งชัน ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.น.7 พ.ต.ท.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผกก.สส.สน.ตลิ่งชัน และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ.
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณประตูด้านหน้าทางเข้าเจ้าหน้าที่พบวัตถุทรงสี่เหลี่ยม ขนาดความยาว 10 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร
ห่อหุ้มด้วยถุงเท้า เทปกาวสีดำพันมิดชิด มีสายชนวนยื่นออกมา จำนวน 2 ลูก ทิ้งไว้ข้างรถควบคุมผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษธนบุรี หมายเลขทะเบียน 41-3505 กทม. ห่างกันประมาณ 1 เมตร พบวัตถุคล้ายระเบิดบรรจุด้วยกล่องสี่เหลี่ยมคล้ายกล่องนมพันเทปกาวสีดำ ต่อสายไฟ จำนวน 1 ลูก จึงนำยางรถยนต์มาครอบพร้อมกันเป็นพื้นที่อันตรายและกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้นำกำลังเข้าตรวจสอบพบว่าวัตถุคล้ายระเบิดทั้งหมดเป็นประทัดสามเหลี่ยมแบบกระจับ จำนวน 2 ลูก บรรจุอยู่ภายในถุงเท้าสีดำแล้วพันด้วยเทปกาวสีดำ ขณะที่วัตถุคล้ายระเบิดที่บรรจุอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมคล้ายกล่องนมนั้น ภายในพบเป็นหลอดยาดมบรรจุอยู่ภายใน จำนวน 2 หลอด จึงส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกันพบรถควบคุมผู้ต้องหาเรือน จำพิเศษกรุงเทพฯ หมายเลขทะเบียน 40-1558 นนทบุรี จอดอยู่บริเวณด้านนอกประตูทางเข้า
โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำ และรปภ.ศาลได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาชายและหญิงทั้งหมด 5 คน ที่นำขึ้นรถมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาส่งยังห้องควบคุมชั้นล่างศาลจังหวัดตลิ่งชัน เพื่อรอการนัดพิจารณาคดี ประกอบด้วย 1.นางวรัญญา ภรณ์ เตรียมธนวัชร์ อายุ 27 ปี 2.น.ส.วลัยลักษณ์ ศรีประไพ อายุ 27 ปี 3.นายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร อายุ 29 ปี 4.นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม อายุ 30 ปี และ 5.นายพีรวัตร หรือพี ตะวันธรงค์ อายุ 23 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน และร่วมกันรับของโจร แก๊งเดียวกับนายหทัย หรืออ๊อฟ ไชยวัณณ์ อายุ 38 ปี นักแข่งรถชื่อดังเจ้าของฉายา "หมูสกปรก" ที่ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ตู้เซฟของผู้เสียหายมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท ก่อนส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวน เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการพยายามชิงตัวจำเลย
นายสุธิพร บุญยพรรค พนักงานขับรถเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า พร้อมเจ้าหน้าที่ 4 คน ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาจากเรือนจำคลองเปรม
มาขึ้นศาลซึ่งปกติต้องนำรถเข้าไปจอดภายใน แต่เห็นมีรถควบคุมผู้ต้องหาของเรือนจำพิเศษธนบุรีจอดอยู่ จึงจอดด้านนอกและให้จำเลยลงจากรถ ระหว่างที่นายพีรวัตร เดินลงจากรถเป็นคนแรก จู่ๆ นายณัฐ ที่กำลังเดินตามลงมาก็ตะโกนว่ามีระเบิด จนเกิดเหตุชุลมุน โดยนายณัฐ และนายสุภัทร พยายามวิ่งหนีไปขึ้นรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีเขียว ทะเบียน ภก 3598 กทม. มีชาย 2 คนนั่งอยู่ในรถซึ่งขับมาจอดข้างๆ รถผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำและรปภ.ศาลสกัดไว้ได้ ส่วนรถเก๋งขับหลบหนีไป
ชิงตัวโจรดัง อุกอาจหน้าศาลกรุง
เจ้าหน้าที่กระจายกำลังออกตามหารถต้องสงสัยที่จะชิงตัวจำเลย กระทั่งพบรถดังกล่าวจอดทิ้งอยู่ท้ายซอยตัน ใกล้ๆ กันห่างจากศาลประมาณ 800 เมตร
สภาพกันชนท้ายด้านขวาห้อยต่องแต่ง ประตูทั้ง 2 ด้านเปิดทิ้งไว้และเครื่องยนต์ยังติดอยู่ ตรวจสอบภายในรถพบอาวุธปืนขนาด .38 พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 10 นัด วางอยู่ที่เบาะคนขับ ส่วนคนร้ายเผ่นหนีไปแล้ว ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่จากราชทัณฑ์สอบปากคำจำเลยทั้ง 5 คนโดยเฉพาะนายณัฐ และนายสุภัทร จนให้การสารภาพว่าวางแผนหลบหนีโดยผู้ที่ขับรถมาช่วยเหลือคือนายชัชวาล โง้วกิมเซ้ง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171 หมู่ 6 อ.เมือง จ.ลำพูน ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงซึ่งรู้จักกันในเรือนจำ และเพิ่งได้ประกันตัวออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กับเพื่อนอีกคนอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นใคร
ต่อมานายภัทรศักดิ์ ศิริสินธว์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลจังหวัดตลิ่งชัน เปิดแถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า การก่อเหตุในครั้งนี้มีผู้ร่วมวางแผนการกัน 3 คน
คือ นายณัฐ, นาย สุภัทร และนายชัชวาล ทั้ง 3 รายเข้าไปทำ ความรู้จักกันในเรือนจำ โดยจำเลยทั้ง 2 คนเห็นว่ามีคดีลักทรัพย์ติดตัวอยู่กว่า 20 คดีและมีอัตราโทษสูง เคยยื่นขอประกันตัวต่อศาลมาแล้วหลายครั้งแต่ศาลไม่อนุญาต เนื่องจากมีคดีติดตัวจำนวนมาก จึงรวมหัวกับนายชัชวาล เพื่อวาง แผนหลบหนีการควบคุม
"ศาลตรวจสอบแล้วพบว่าที่ผ่านมา นาย สุภัทร กับนายณัฐ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดตลิ่ง ชัน ถึง 3 ครั้งแล้ว ทำให้รู้ว่ารถขังผู้ต้องหาจะต้องวิ่งผ่านจากถนนเข้าไปจอดในช่องหน้าห้องควบคุมชั้นล่าง แต่กรณีที่เกิดขึ้นพบว่ารถของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จอดอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าก่อนนำตัวผู้ต้องขังลงจากรถโดยไม่ได้นำรถเข้ามาจอดในช่องตามระเบียบปฏิบัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบอ้างว่าจะต้องไปส่งจำเลยที่ศาลอีกหลายแห่งจึงจอดรถไว้หน้าประตู" นาย ภัทรศักดิ์ กล่าว
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาล กล่าวต่อไปว่า จากการสอบสวนพบว่าทั้งหมดวางแผนหลบหนีตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา
และนัดแนะอักครั้งในวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันเยี่ยมญาติ โดยนายชัชวาล เป็นผู้ประกอบระเบิดนำไปซุกไว้บนช่องระบายอากาศหลังคารถขนผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเดินผ่านรถดังกล่าวได้อย่างง่ายดายเพราะรถนำไปจอดไว้หน้าเรือนจำ
"นายชัชวาล ยังนัดหมายด้วยว่าจะนำรถเก๋งสีเขียวเข้มมาจอดรับหน้าศาลจังหวัดตลิ่งชัน หากช่วยเหลือนายณัฐ และนายสุภัทร ได้สำเร็จแล้วจะพาขับรถไปกบดานที่จ.ชลบุรี ก่อน แล้วจึงจะพาหลบหนีเข้าประเทศกัมพูชาต่อไป ถึงแม้ว่านายสุภัทรกับนายณัฐ จะถูกขังแยกกันคนละแดน แต่แผนการทั้งหมดก็สรุปกันสำเร็จในวันเยี่ยมญาติ ซึ่งผู้ต้องขังสามารถมาพบเจอกันได้ ส่วนนายชัชวาล จำเลยในคดีฉ้อโกงซึ่งได้รับการประกันตัวออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและในวันนี้ มีนัดพิจารณาคดีที่ศาลอาญารัชดาอีกด้วย แต่ปรากฏว่าทางศาลได้ออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้วเนื่องจากไม่ไปขึ้นศาลตามเวลาที่กำหนด" นายภัทรศักดิ์ กล่าว
นายภัทรศักดิ์ กล่าวอีกว่า การชิงตัวผู้ต้องขังในศาลนั้นถือเป็นเรื่องอุกอาจมาก สำหรับจำเลยทั้ง 2 คน
คือนายณัฐ และนายสุภัทร จะถูกแจ้งข้อหาละเมิดอำนาจศาล มีโทษจำคุก 6 เดือน และหลบหนีการคุมขัง มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนนายชัชวาล นั้นจะถูกแจ้งข้อหากระทำการใดๆ ให้ผู้ถูกคุมขังหลบหนี มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่าในตอนนี้ทางฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชัน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กก.สส.น.7 กระจายกำลังออกหาข้อมูลประวัติเกี่ยวกับนายชัชวาล
เบื้องต้นทราบว่านายชัชวาล ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในกทม. ซึ่งขณะนี้ได้ประสานขอข้อมูลไปยังกองบังคับการจังหวัดปทุมธานี เนื่องจากเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา นายชัชวาล ถูกจับกุมในคดีฉ้อโกง ก่อนจะประกันตัวออกมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นคาดว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี
ด้านนายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายฐานิต ศรียะพันธ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
เดินทางไปยังที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นทราบว่านายณัฐ หรือโต้ง กับพวกได้ถูกเบิกตัวออกไปจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำสั่งศาลจังหวัดตลิ่งชันเพื่อนัดแถลงปิดคดี โดยขณะที่รถของเรือนจำเข้าจอดเทียบประตู นายณัฐ หนึ่งในผู้ต้องขัง โยนระเบิดปลอมเพื่อสร้างความวุ่นวาย ก่อนจะพยายามหลบหนีไปขึ้นรถยนต์ แต่ผู้ต้องขังทั้ง 2 คนถูกล่ามโซ่ตรวนจึงวิ่งหนีไม่ถนัด เจ้าหน้าที่เรือนจำสามารถ ตามจับกุมตัวได้ทัน
นายชาติชาย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ตรวจสอบข้อมูลการเข้าเยี่ยมของกลุ่มญาติผู้ต้องหา และตรวจสอบเทปจากกล้องวงจรปิดเพื่อพิสูจน์ว่า รถยนต์คันดังกล่าวที่นายชัชวาลใช้เป็นยานพาหนะเคยเข้า-ออกที่เรือนจำหรือไม่ นอกจากนี้ จะให้มีการตรวจสอบเรื่องระเบิดปลอมที่นำไปใช้ในการก่อเหตุว่าผู้ต้องขังนำมาจากที่ไหน หรือใครเป็นผู้จัดหาและส่งเข้ามาให้ในเรือนจำ
รายงานข่าวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุบุกชิงตัวนักโทษแก๊งหมูบินจากศาลจังหวัดตลิ่งชัน เรือนจำได้สั่งแยกขังนายสุภัทร และนายณัฐ
จากการตรวจสอบพบว่าระหว่างที่อยู่ในเรือนจำนายณัฐ เป็นคนดูแลความเป็นอยู่ของนายชัชวาล เนื่องจากอยู่เรือนนอนเดียวกัน รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า ในส่วนของนายหทัย ชัยวรรณ หรือ "หมูสกปรก" ซึ่งร่วมก่อเหตุ ลักทรัพย์บ้านเศรษฐีแล้วนำเงินมาแต่งรถแข่งนั้นไม่ได้ถูกเบิกตัวออกไปศาลเพราะไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีของศาลจังหวัดตลิ่งชัน โดยนายหทัย ปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องการวางแผนชิงตัวผู้ต้องขัง และไม่เคยมีความคิดจะหลบหนี เพราะถูกดำเนินคดีลักทรัพย์เพียงคดีเดียว เกี่ยวข้องกับแก๊งเพียงแค่เป็นตัวกลางในการเจรจาขอไกล่เกลี่ย คดีกับตำรวจ โดยนายหทัยต้องโทษจำคุกแค่ 2 ปี ต่างจากนายณัฐซึ่งต้องโทษหนักกว่า และยังถูกอายัดตัวในคดีลักทรัพย์กว่า 20 คดี อีกทั้งนายณัฐยังมีฐานะทางการเงินดี และสนิทสนมกับนายชัชวาลมาก่อน อย่างไรก็ตาม เรือนจำจะเร่งตรวจสอบประวัติการเยี่ยมญาติย้อนหลังทั้ง หมด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าประทัดยักษ์ที่นายณัฐนำมาทำเป็นระเบิดปลอมถูกส่งเข้ามาให้ผู้ต้องขังในเรือนจำได้อย่างไร และมีบุคคลใดร่วมมือกับการวางแผนชิงตัวนักโทษครั้งนี้บ้าง