เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.ปิยะชาติ เนื่องจำนงค์ อดีต รองผบช.น. พร้อมกับลูกชายและลูกสาว
เดินทางมารับศพ นางสุนัทที เนื่องจำนงค์ อายุ 51 ปี ภรรยา ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่สถาบันนิติเวช โดยพล.ต.ต.ปิยะชาติยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า เสียใจเก็บตัวอยู่ในห้องประกอบพิธีศพ โดยไม่ต้องการพูดคุยกับผู้สื่อข่าว ด้านพล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า แพทย์ได้เปิดเผยผลการชันสูตรศพของนางสุนัทที ว่า พบหัวกระสุนซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในคดี จำนวน 2 หัว ฝังอยู่ในตัวศพ ที่บริเวณไหปลาร้าด้านซ้ายและผังอยู่ตรงหน้าอก ซึ่งแพทย์สามารถผ่าออกมาได้ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ซึ่งจะให้ พฐ.ไปตรวจหาหลักฐานประกอบการดำเนินคดี ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตคือ กระสุนจำนวน1 นัดผ่านทะลุขั้วหัวใจทำให้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ โดยคนร้ายลั่นกระสุนปืนในระยะกระชั้นชิดทางด้านขวาของผู้ตายทั้งหมด และกระสุนพุ่งทะลุกระจกถูกผู้ตาย 3นัด
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า คดีนี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. สั่งการทันที่ทีทราบเหตุการณ์โดยให้ พล.ต.อ.ภานุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.ที่ปรึกษา สบ 10
ซึ่งดูแลการทำงานของ บช.น.และบช.ก. ให้ติดตามการทำงานของคดีนี้อย่างใกล้ชิด และให้พงส. รายงานให้ทราบเป็นระยะ นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็กำชับต้องจับคนร้ายให้ได้ เพราะเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจ สะเทือนขวัญ พฤติกรรมของคนร้ายมีลักษณะเป็นมือปืนรับจ้าง และผู้ตายก็เป็นสตรี
โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า จากการที่ได้พูดคุยกับพล.ต.ต.ปิยะชาติ สามีของผู้ตายก็ยังยืนยันถึงสาเหตุเดิม คือเรื่องธุรกิจ
ซึ่งทางพล.ต.ต.ปิยะชาติก็ให้การกับพนักงานสอบสวนไปแล้ว แต่ทั้งนี้ จะมีสาเหตุใดเพิ่มเติมก็คงให้พงส. ทำงานก่อน การเปิดเผยอะไรไปตอนนี้อาจส่งผลกระทบต่อรูปคดีได้ สำหรับพล.ต.ต.ปิยะชาติก็สามารถร้องขอกับพนักงานสอบสวนให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปคุ้มครองความปลอดภัย เนื่องจาก มีข่าวว่า คนร้ายตั้งใจจะลงมือกับตัวพล.ต.ต.ปิยะชาติเอง แต่เปลี่ยนเป้าหมาย
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ที่บช.น.พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.ที่ปรึกษา (สบ10) กล่าวว่า
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. เป็นห่วงได้สั่งการให้ตนประสาน บช.ก. และบช.น. ในการติดตามคนร้าย เท่าที่ประชุมวันนี้เป็นการสรุปพยาน หลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยได้ประชุมและบ่งงานกันทำ เชื่อว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ ขอเวลาตำรวจทำงานสักระยะหนึ่ง ในส่วนของที่เกิดเหตุได้ภาพสเกตซ์ และหลักฐานอาวุธปืน เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นขนาด .38 โดยในส่วนของสาเหตุก็เริ่มชัดเจนขึ้น และตัดส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เชื่อว่าจะสามารถติดตามตัวคนร้ายได้
เมื่อถามว่าสาเหตุสำคัญในการสังหารคือเรื่องอะไร พล.ต.ท.ภาณุพงศ์กล่าวว่า เดี๋ยวจับกุมได้ โดยมุ่งประเด็นไปที่ธุรกิจที่ทำ เชื่อมั่นว่าจับกุมคนร้ายได้และจะทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง
ด้านพล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) กล่าวว่า เราคงไม่ใช่ซินแสหรือหมอดูว่าจะจับได้เมื่อใด พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ ก็เร่งรัดเต็มที่ กำลังตรวจสอบพยานหลักฐาน ส่วนซุ้มมือปืนต่างๆกำลังตรวจสอบอยู่ จากนั้นพล.ต.ท.สัณฐาน ได้เผยแพร่ภาพสเกตช์คนร้ายทั้งสองคน ซึ่งเป็นลักษณะสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าส่วนอื่น เหลือเพียงตาและสันจมูกเท่านั้น