ทะเบียนรถนำจับโจร แท็กซี่หื่นข่มขืน2น.ศ. เซ่นคืนลอยกระทง





"ผมข่มขืนเหยื่อทั้งสองคนพร้อมกัน อ้างตัวเป็นตำรวจสายสืบมาดักจับยาเสพติด ตอนเหยื่อขึ้นรถเห็นเหยื่อเมามาเลยแกล้งขู่ว่าจะพาไปตรวจฉี่เพื่อหาสารเสพติด พร้อมกับโชว์กุญแจมือให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อเหยื่อกลัวไม่กล้าโวยวาย จึงพาไปที่เปลี่ยวแล้วลงมือข่มขืน"

คือ คำให้การของ นายวัชรินทร์ หรือ "ต้น" โชติสันเทียะ อายุ 32 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีชิงทรัพย์และข่มขืนกระทำชำเราสองนักศึกษาสาวในรถแท็กซี่

อุกอาจในคืนวันลอยกระทงที่ผ่านมา

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่สองเหยื่อสาวไปเที่ยวในคืนวันลอยกระทงแล้วเกิด เมามา จึงโบกรถแท็กซี่ของคนร้ายเพื่อกลับบ้าน แต่ด้วยยังอ่อนประสบการณ์เลยถูกโชเฟอร์หื่นแกล้งแสดงตัวเป็นตำรวจขอตรวจค้นยาเสพติด ก่อนจะพาเหยื่อไปข่มขืนกระ ทำชำเราในที่เปลี่ยวแล้วพาไปปล่อยทิ้งไว้ริมถนน

แต่ทว่าเหยื่อจำทะเบียนรถได้จึงแจ้งตำรวจ ไปจับกุม

ไอ้หื่นโชเฟอร์แท็กซี่เลยต้องเข้าคุกไปโดยปริยาย

ปฐมบทของเหตุร้ายครั้งนี้ เริ่มต้นในช่วงสายของวันที่ 3 พ.ย. วันนั้นตำรวจ สน.บางเขน รับแจ้งความจาก น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี และ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 22 ปี นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เล่าว่า ถูกโชเฟอร์แท็กซี่ล่อลวงไปข่มขืนตอนตี 4 ในคืนวันลอยกระทง

นอกจากถูกย่ำยีแล้วยังถูกชิงทรัพย์อีกด้วย!!?

เหยื่อเล่าว่า คืนนั้นออกจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านปากซอยพหลโยธิน 59 แล้วเรียก รถแท็กซี่โตโยต้า รุ่นอัลติส สีเขียว หมาย เลขทะเบียน ทล 2394 กรุงเทพฯ จากปากซอยให้ไปส่งที่ซอยพหลโยธิน 53 แต่ปรากฏว่าคนขับรถได้ขับรถออกนอกเส้นทาง อ้างตัว เป็นตำรวจจะพาไปตรวจฉี่หาสารเสพติด ก่อน ใช้อาวุธมีดจี้แล้วสวมกุญแจมือพาไปข่มขืนแถวอู่รถเมล์หลังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต โดยที่พวกตนไม่กล้าขัดขืนเพราะกลัวถูกทำร้าย เนื่องจากเห็นคนร้ายมีอาวุธมีดอยู่ในมือ







"มันจับหนู 2 คนสวมกุญแจมือแล้วใช้เสื้อมัดปากไว้แล้วจึงข่มขืน หลังจากนั้นก็ขับรถ พาไปข่มขืนต่อที่โรงแรมดอนอินน์ ย่านคูคต ตลอดเวลามันข่มขู่ว่าเป็นตำรวจ หากขัดขืนจะจับเข้าคุก หรือไม่ก็ฆ่าทิ้ง พวกหนูกลัวจึงไม่กล้าทำอะไร พอข่มขืนเสร็จมันก็พามาปล่อยแถวหน้าโรงแรม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไป 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำ 1 สลึง และเงินสดอีกพันกว่าบาท หลบหนีไป" เหยื่อสาวให้การทิ้งท้าย

ตำรวจจัดทีมตามล่าทันที

คดีนี้เป็นคดีใหญ่คนร้ายลงมือคืนลอยกระทง ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่กวดขันในเรื่องความปลอดภัย อีกทั้งยังข่มขืนเหยื่อถึง 2 ราย อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก. น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 จึงสั่งตามล่าคนร้าย มอบหมายให้สน.บางเขน จัดทีมเข้าคลี่คลาย

หลังได้ข้อมูลไอ้หื่นแล้ว พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ฟูสินไพบูลย์ รอง ผกก. สส. พ.ต.ท.ภูดิท จิตตธรรม สว.สส. พ.ต.ท.วีระพล หอมจันทร์ สว.สส. วางแผนตะครุบตัวทันที คดีนี้ไม่ยากเพราะผู้เสียหายจำทะเบียนรถได้ ตำรวจจึงนำเลขทะเบียน ทล 2394 กรุงเทพฯ ของรถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีเขียว ไปหาที่มาที่ไป เช็กเพียงครู่เดียวก็รู้ชื่อคนเช่า คือ นายวัชรินทร์ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 393 หมู่ 3 ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ปัจจุบันพักอาศัยอยู่บ้านภายในซอยลำลูกกา 67 ถนนลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี







เมื่อรู้พิกัดตำรวจจึงไปซุ่มจับ

เที่ยงวันนั้นตำรวจยกกำลังไปเฝ้านายวัชรินทร์ที่บ้านพักในซอยลำ ลูกกา 67 ไม่นานหมอนี่ก็ขับแท็กซี่เข้าบ้านจนกระทั่งถูกจับ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือโนเกีย 7610 และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโมโตโรล่า รุ่นวี 3 กุญแจมือ 1 คู่ และใบรับจำนำทองคำจากห้างทองเพชรทองใบ เยาวราช ราคา 3,500 บาท อีก 1 ฉบับ ตั้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธมีดโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด พาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ พาอาวุธ(มีด)ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ไอ้หื่นให้การรับสารภาพตลอดข้อหา

โชเฟอร์หื่นให้การว่า รับเหยื่อมาจากปากซอยพหลโยธิน 59 ช่วงนั้นสังเกตเห็นเหยื่อมีอาการมึนเมา จึงข่มขู่ไปว่าเป็นตำรวจจะขอตรวจหาสารเสพติด ประกอบกับตนเองชอบพกกุญแจมือและชอบอ้างตัวเป็นตำรวจอยู่แล้ว จึงงัดเอากุญแจมือออกมาขู่จนเหยื่อกลัว ก่อนพาขับรถไปบริเวณอู่จอดรถเมล์สาย 29 หลังศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งตรงนั้นเปลี่ยวและมืดมาก เลือก ที่นั่นเพราะเคยขับรถผ่าน เมื่อไปถึงก็จับเหยื่อมัดกุญแจมือทั้งคู่ไว้ติดกัน ก่อนจะฉีกเสื้อเหยื่อ ออกมามัดปาก เพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้อง จากนั้น จึงลงมือข่มขืนทั้ง 2 คนที่เบาะหลัง จนสำเร็จความใคร่ พอข่มขืนเสร็จก็โยนกางเกงในเหยื่อ ไว้ที่กองขยะข้างๆ รถ หลังจากนั้นจึงขับรถออกมาจากจุดเกิดเหตุ

เหตุการณ์ไม่ได้ยุติอยู่เพียงแค่นั้น ไอ้หื่นให้การอย่างติดพันว่า พอออกจากจุดแรกขับรถมาได้สักพัก ก็เกิดอารมณ์หื่นอีก คราวนี้เลยเลี้ยวรถเข้าโรงแรมดอนอินน์ ย่านคูคต แล้วลงมือข่มขืนทั้งคู่อีก ก่อนจะปลดทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์และสร้อยคอทองคำรวมทั้งเงินสดหลบหนีไป แต่หนีได้ไม่นานก็มาถูกจับได้

บ่ายวันที่ 4 พ.ย. ตำรวจนำตัวนายวัชรินทร์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดข่มขืน บริเวณอู่จอดรถเมล์สาย 29 และที่โรงแรมดอนอินน์ ก่อนที่คนร้ายจะพาเจ้าหน้าที่ไปดูจุดทิ้งกางเกงในของเหยื่อ ซึ่งคดีนี้ตำรวจจะได้สอบสวนขยายผลอีกครั้ง ว่าคนร้ายเคยไปก่อเหตุไว้ที่ใดอีกบ้าง เนื่องจากพฤติการณ์แอบ อ้างเป็นตำรวจแล้วประทุษร้ายเจ้าทุกข์ เป็นมุขที่เหล่ามิจฉาชีพนิยมใช้กัน

ใครสงสัยตกเป็นเหยื่อขอดูตัวได้ที่สน.บางเขน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์