พิษกิสนาถล่มกรุงรถติดจราจรอัมพาต

ดีเปรสชั่น “กิสนา” ยังไม่สิ้นฤทธิ์ ฝนถล่มปานฟ้ารั่วต่อเนื่องหลายชั่วโมงทั่วกรุงเทพฯรถติดหนึบบนถนนหลายสาย

ส่วน “แม่ฮ่องสอน” น้ำป่าพัดคอสะพานขาดเดือดร้อนหนัก ขณะที่ “ชัยภูมิ” โคลนถล่มปิดถนน-น้ำล้นเขื่อนทะลักท่วมตัวเมืองจมใต้บาดาล สั่งปิดโรงเรียนหลายแห่ง ทางด้านชาวสวนกล้วย “กรุงเก่า” ผวาอุทกภัยรีบตัดกล้วยขายกันจ้าละหวั่น ส่วนคนตายในเวียดนามพุ่ง 86 ศพ เขมร 14 ศพ ฟิลิปปินส์ 277 ศพ แถมซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ป้าหม่า” จ่อขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์อีกลูกวันเสาร์นี้

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ต.ค.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากอิทธิพลของไต้ฝุ่น “กิสนา” ที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก

เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนาม-ลาว แล้วแปรสภาพเป็นพายุดีเปรสชันก่อนเข้าประเทศไทย ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง
   
ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางดึกวันที่ 30 ก.ย. 52 จนถึงช่วงเช้าวันที่ 1 ต.ค.


ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนักเกือบทุกเส้นทาง ปริมาณรถสะสมหนาแน่น เคลื่อนตัวได้ช้า โดยถนนสายหลักที่มีปริมาณรถหนาแน่น ประกอบด้วย ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า ถนนสุขุมวิทขาเข้า ถนนรามคำแหง ถนนเพชรเกษม ถนนลาดพร้าวขาเข้า ช่วงตัดกับถนนรัชดา เชื่อมต่อไปถึงแยกอสมท. มีรถสะสมเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่ถนนงามวงศ์วาน บริเวณแยกพงษ์เพชร เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายรถนานหลายชั่วโมง กว่าสภาพการจราจรจะกลับสู่ภาวะปกติ

ส่วนที่จ.แม่ฮ่องสอน หลังจากเกิดพายุฝนกระหน่ำต่อเนื่องในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง ทำให้น้ำยวมที่ไหลบ่าลงสู่ อ.สบเมย

มีปริมาณเพิ่มระดับสูงขึ้นและไหลเชี่ยวกราก ส่งผลทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายหลายร้อยไร่ กระแสน้ำได้กัดเซาะคอสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านแม่เกาะ-บ้านแม่ทะลุ หมู่ 8 ต.สบเมย ขาดยาวประมาณ 15 เมตร ชาวบ้านและนักเรียนไม่สามารถข้ามไปมาได้ เด็กนักเรียนโรงเรียนสบเมยวิทยาคม และโรงเรียนแม่สะเรียงบริพัตรศึกษา ที่กำลังอยู่ในช่วงสอบก่อนปิดภาคเรียน ต้องใช้เส้นทางอ้อมเข้าทาง อ.แม่สะเรียง เป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ชาวบ้านต้องทำสะพานไม้ไผ่วางพาด เพื่อใช้สัญจรผ่านเป็นการชั่วคราว 
   

ที่ จ.ชัยภูมิ มีรายงานว่าปริมาณน้ำในเขื่อนลำปะทาวบน และเขื่อนลำปะทาวล่าง มีน้ำเต็มพิกัดจนล้นสันเขื่อน

จึงไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ศูนย์ราชการ ศาลากลางจังหวัด โรงพยาบาลชัยภูมิ ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 50 ซม. ถนนสายหลักในตัวเมืองชัยภูมิถูกน้ำท่วมสูง รถยนต์ผ่านไปมาอย่างยากลำบาก โรงเรียนต่าง ๆ ต้องประกาศปิดเรียนอย่างไม่มีกำหนด ขณะเดียวกันยังเกิดน้ำป่าบนเทือกเขาภูแลนไหลหลากทะลักผ่านถนนสายชัยภูมิ-หนองบัวแดง ช่วงวัดผาเกิ้ง อ.หนองบัวแดง ทำให้มีโคลนถล่มลงมาปิดถนน เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงต้องระดมกำลังพร้อมเครื่องจักร เข้าขุดตักดินที่ถล่มลง     มาเป็นการด่วน จนสามารถเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรไปมาได้แล้ว 1 เลน
   
ที่ จ.ลพบุรี นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ สจ.เขตอำเภอชัยบาดาล เปิดเผยว่าขณะนี้มีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์

ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มขึ้นทุกชั่วโมง และกำลังไหลบ่าเข้าสู่พื้นที่ลพบุรี อาจล้นตลิ่งในช่วง 1-2 วันนี้ จึงขอเตือนชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ขอให้เฝ้าระมัดระวังภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ถ้าเป็นไปได้ขอให้ย้ายทรัพย์สินมีค่า และสัตว์เลี้ยง ไว้บนที่สูง ส่วนผู้ปกครองควรดูแลลูก-หลาน ไม่ให้ลงไปเล่นน้ำ เพราะอาจเกิดอันตรายได้
   
ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีรายงาน  ว่าฝนที่ตกลงมาตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เกษตรกรชาวสวนกล้วยในอ.บางบาล ทั้งกล้วยไข่

และกล้วยหอมที่กำลังออกเครือ ต้องรีบตัดขายอย่างเร่งด่วน นางศรีแพร ควรหาญ อายุ 73 ปี และนางอุษา ธาราวุธ อายุ 55 ปี เกษตรกรปลูกกล้วยไข่ใน ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล กล่าวว่าชาวสวนกล้วยที่ปลูกกันเกือบทั้งตำบล กว่า 5 พันไร่ เกรงว่าน้ำจะท่วมจึงต้องรีบตัดนำไปขายเครือละ 80 บาท ถือว่าได้ราคาดีพอสมควร ขณะที่นายมงคล สันฐิติวิฑูร รองผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำ 4 สาย คือ เจ้าพระยา ป่าสัก ลพบุรี และแม่น้ำน้อย ยังมีปริมาณน้ำต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก ยังไม่ส่งผลกระทบกับโบราณสถานสำคัญ
   
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศเมื่อเวลา 11.00 น. ว่าหย่อม  ความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “กิสนา” ได้ปกคลุมบริเวณ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์แล้ว คาดว่าจะเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ตามแนวร่องความกดอากาศต่ำเข้าสู่ จ.นครราชสีมา และภาคกลางในระยะต่อไป
   
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างและมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มบริเวณ จ.กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว เพชรบุรี ระนอง และพังงา ระมัดระวังสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับทะเลอันดามัน และอ่าวไทยยังมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวัง โดยเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง 
    
นอกจากนี้นายนาธาเนียล ซานติอาโก โฆษกสำนักงานอุตุนิยมวิทยาประเทศฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการให้ทั่วประเทศอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมสูงสุด


เพื่อรับมือกับพายุลูกใหม่ซึ่งเป็นซูเปอร์ ไต้ฝุ่น “ป้าหม่า” มีแรงลมพัดเข้าสู่จุดศูนย์กลางสูงสุด 175-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะขึ้นฝั่งในวันเสาร์ที่ 3 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ป้าหม่า” อาจจะก่อให้เกิดฝนตกในปริมาณน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับพายุไต้ฝุ่น “กิสนา” ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในกรุงมะนิลา และจังหวัดใกล้เคียงบนเกาะลูซอน น้ำท่วมสูงถึง 6 เมตร ในบางพื้นที่.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์