เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ก.ย. พ.ต.ต. พิเชษฐ ปันกาวี สารวัตรเวร สภ.เมืองพิษณุโลก
รับแจ้งเหตุคนร้ายทุบรถยนต์จนกระจกแตก และขโมยทรัพย์สินไปจำนวนมาก เหตุเกิดที่ ถ.เอกาทศรถ ต.ในเมือง จึงรุดไปตรวจสอบ พบรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีดำ ทะเบียน วห 8951 กรุง เทพมหานคร จอดอยู่ริมฟุตปาธ สภาพถูกทุบกระจกหลังด้านข้างซ้ายแตกละเอียด มีเศษกระจกตกเต็มพื้นและเบาะหลัง มีแว่นกันแดดสีดำของคนร้ายทำตกไว้ 1 อัน โดยมีนายไพโรจน์ ดวงธีรปรีชา อายุ 44 ปี และนายไพฑูรย์ ดวงธีรปรีชา อายุ 46 ปี สองพี่น้อง อยู่บ้านเลขที่ 15/3 ตรอกบ้านดอกไม้ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปรามศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ผู้เสียหายรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบสวน นายไพโรจน์ให้การว่า ตนและนายไพฑูรย์ พี่ชาย ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับทองรูปพรรณ ชื่อบริษัท หล่อเส็งเฮง จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว
และเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อนำสินค้าเป็นกรอบพระทองคำ พระเลี่ยมทอง ต่างหู และแหวน นำไปเสนอขายให้กับลูกค้าตามต่างจังหวัด โดยเดินทางไปขายสินค้าที่ จ.นคร ราชสีมา ก่อนจะมาที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 27 ก.ย. โดยเข้าพักที่โรงแรมบ้านคลอง ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก กระทั่งเช้าเตรียมตัวจะนำสินค้าไปเสนอขายให้กับร้านทองภายในตัวเมืองพิษณุโลก หลังขับรถออกจากที่พัก พวกตนแวะไปกินข้าวมันไก่พังกี้ บริเวณ ถ.เอกาทศรถ ห่างจากสถานีตำรวจท่องเที่ยวประมาณ 40-50 เมตร โดยจอดรถยนต์ไว้ฝั่งตรงข้าม หลังจากนั่งกินข้าวไม่ถึง 20 นาที มีรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ มาจอดบังด้านขวาข้างรถยนต์ของตน ซึ่งคิดว่ารถจอดธรรมดา จากนั้นได้ยินเสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้น แต่ไม่เอะใจเพราะเคยดังขึ้นเป็นประจำ เมื่อเดินออกมาดู พบว่ากระจกข้างซ้ายด้านหลังถูกทุบจนแตก ตรวจสอบพบว่ากระเป๋าเอกสารหนัง 2 ใบ ที่วางอยู่บนเบาะหลังหายไป โดยในกระเป๋าทั้งสองใบมีกรอบพระทองคำ พระเลี่ยมทองคำ ต่างหูทองคำ และแหวนนาค แหวนทองคำ หลายรายการ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า มีพยานที่อยู่ใกล้บริเวณเกิดเหตุบอกว่ามีรถยนต์ 3 คัน มาจอดปิดด้านหน้า 1 คัน
และมาจอดปิดด้านหลัง 1 คัน ส่วนรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ จอดปิดด้านขวาของรถฮอนด้าซีอาร์วีที่ตนมองเห็นขณะนั่งทานข้าว จากนั้นมีชายใส่หมวกกันน็อก และชายสวมหมวกแก๊ปใส่แว่นดำลงมาที่รถซีอาร์วี แต่ไม่มีใครสนใจ กระทั่งมีเสียงสัญญาณกันขโมยดัง รถทั้ง 3 คันจึงแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว และมาทราบว่ามีการทุบรถยนต์ขโมยทรัพย์สินดังกล่าว
"ผมระวังตัวตลอดเวลา เพราะก่อนหน้านี้ เพื่อนที่ประกอบธุรกิจกรอบพระเลี่ยมทองถูกทุบกระจกรถ คนร้ายขโมยกรอบพระเลี่ยมทองที่ วัดใหญ่มาแล้ว ผมไปไหนก็จอดไม่ไกลตา ครั้งนี้ก็ระวังตัวแล้ว จอดรถตรงข้ามร้านอาหาร และมองเห็นในสายตา แต่คนร้ายใช้วิธีจอดรถประกบบังเอาไว้ ทำให้คิดว่าการจราจรติดขัดธรรมดา กระทั่งถูกทุบกระจกรถ" นายไพโรจน์กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะทราบความเคลื่อนไหวของบุคคลทั้งสอง จึงติดตามมาตั้งแต่ออกจากที่พักโรงแรมบ้านคลอง
กระทั่งผู้เสียหายจอดรถลงไปกินข้าวในร้าน จึงใช้รถยนต์ประกบปิดด้านหน้า ปิดท้ายและประกบด้านข้างเอาไว้ เพื่อไม่ให้ผู้คนสังเกตเห็น ก่อนจะลงมือทุบกระจก เอาทรัพย์สินในกระเป๋าหลบหนีไป ต่อมานำรถคันดังกล่าวมาตรวจสอบที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 โดยพ.ต.ท.วิสุทธิ์ พันธุ์แก้ว นวท.(สบ 2) พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ หาร่องรอยลายนิ้วมือแฝงรอบตัวถังรถ พบลายนิ้วมือแฝงที่กระจกแว่นตาที่คนร้ายทำตกอยู่ และรอยเลือดของคนร้ายหยดติดอยู่กับเศษกระจก คาดว่าน่าจะถูกกระจกบาดด้วย