ครูพละหนุ่มเมืองกรุงเก่าเดือด เตะลูกศิษย์กระดูกข้อมือแตก
เหตุเล่นฟุตซอลกับลูกศิษย์ชั้น ม.1 เสียเชิงถูกแย่งบอลจนทำออกข้าง แต่ยังตีมึนคว้าลูกเล่นต่อ ถูกลูกศิษย์จิ้มบอลทักท้วง ทำหัวเสียกระโดดเตะร่วง แถมบังคับให้กราบเท้า แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลยหวดเข้าแขนเต็มแรงจนศิษย์เจ็บหนัก พ่อโวยจี้ รร.ให้ไล่ออก ขู่เตรียมแจ้งความ
ครูเดือดถูกศิษย์ ม.1 แย่งบอล โดดเตะกระดูกแตกครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ก.ย.
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีครูพละ รร.เอกชนแห่งหนึ่ง ใน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ลงโทษเด็กนักเรียนด้วยการกระโดดเตะจนกระดูกข้อมือเด็กแตกต้องพาส่งโรงพยาบาลจึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าเด็กที่ถูกทำร้ายคือ ด.ช.อาร์ม (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1/4 กำลังนั่งอยู่กับบิดา โดยมือข้างขวาของ ด.ช.อาร์ม พันด้วยผ้าก๊อซตั้งแต่มือจนถึงข้อศอก ต้องเข้าเฝือกอ่อนใส่ผ้าคล้องคอเอาไว้ตลอดเวลา
ด.ช.อาร์ม เล่าว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. เวลาประมาณ 14.00 น. ตนได้ลงไปเล่นกีฬาฟุตซอลที่สนามของโรงเรียน
เนื่องจากเป็นชั่วโมงกิจกรรมของชมรมฟุตซอล และตนก็เป็นนักกีฬาของโรงเรียน โดยทีมฝั่ง ตรงข้าม มีครูแบงก์ซึ่งเป็นครูพละผู้สอน ร่วมทีมอยู่ด้วย ก่อนเกิดเหตุ ขณะครูแบงก์ กำลังเลี้ยงฟุตบอลอยู่นั้น ตนได้วิ่งประกบจนกระทั่งครูแบงก์ทำลูกออก แต่ครูแบงก์กลับเอามือจับลูกไว้เพื่อที่จะเตะลูกต่อไป จังหวะนั้นเอง ตนได้เอาเท้าไปจิ้มที่ลูกฟุตบอลเพราะเห็นว่าลูกถูกครูออก ตนต้องเป็นฝ่ายได้ครองบอล ทำให้ครูแบงก์ไม่พอใจถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดเตะเข้าที่ก้นและสีข้างลำตัวของตนหลายครั้ง “ผมเห็นครูโกรธเลยขอโทษ แต่ครูแบงก์ไม่ยอมบังคับให้ผมกราบเท้าขอโทษ เมื่อผมไม่ทำตามเลยถูก กระโดดเตะอีกหลายครั้ง ผมเอาแขนซ้ายขึ้นบังเลยถูกเตะเข้าที่ข้อมือข้างขวา รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาจนร้องลั่น จากนั้นครูแบงก์ได้สั่งให้เลิกเล่นแล้วกลับไปเข้าเรียนชั่วโมงปกติ หลังจากเลิกเรียนกลับมาบ้านรู้สึกปวดมือ จึงได้บอกกับบิดา เมื่อไปเอกซเรย์ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา จึงพบว่ากระดูกฐานข้อมือนิ้วก้อยข้างขวาแตก จึงได้ทำการเข้าเฝือกดังกล่าว”
ครูพละเตะนร.
ด้าน บิดาของ ด.ช.อาร์ม กล่าวว่าหลังจากเกิดเหตุได้เดินทางไปพบครูประจำชั้นของโรงเรียน เพื่อเล่าเรื่องราวให้ฟัง
และครูประจำชั้นก็รับปากจะดำเนินการให้ แต่นายแบงก์ครูเลือดร้อนก็ยังไม่มาพบ ตนจึงเตรียมเข้าร้องเรียนกับ ผอ.โรงเรียนในวันจันทร์ที่ 28 ก.ย.นี้ ซึ่งอยากให้นายแบงก์ออกมารับผิดชอบการกระทำของตัวเอง และ อยากให้ทางโรงเรียนไล่ออกเพราะครูไม่ควรทำเช่นนี้ ทำให้ลูกชายของตนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ ไม่ว่าจะจับช้อนกินข้าว ล้างหน้า แปรงฟัน ที่สำคัญคือเขียนหนังสือไม่ได้ ซึ่งวันจันทร์นี้จะมีการสอบแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งหากทางโรงเรียนไม่รับผิดชอบตนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นายธำรงค์ แก้วเล็ก ผอ.สพท. พระนครศรีอยุธยา เขต 1 เปิดเผยว่าตน ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้
ในส่วนของการดูแลนั้น สำนักงานเขต ดูแลเพียงนโยบายหรือแนวทางบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้ดูแลโรงเรียนเอกชนโดยตรง เนื่องจากจะมีสมาคมโรงเรียนเอกชนดูแลกันเอง อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นโรงเรียนในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ในช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ย. จะได้ประสานกับศึกษานิเทศและนิติกรของสำนักงานเดินทางไปตรวจสอบ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ตนคิดว่าทางผู้บริหารโรงเรียนคงจะดำเนินการให้ความเป็นธรรมได้
ขณะที่ นางจีระพันธ์ พิมพ์พันธ์ ประธานสภาการศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในฐานะที่ตนดูแลโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ
เห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ หากครูกระทำเช่นนั้นจริงถือว่าไม่ถูกต้อง การที่ครูมีปัญหากับนักเรียนในปัจจุบันนี้ ต้องทราบดีว่ามีระเบียบชัดเจนว่าครูห้ามลงโทษเด็กโดยเด็ดขาด ซึ่งหากว่าเด็กมีการยั่วยุ มีแนวโน้มที่ครูอาจจะเกิดความโกรธแค้นได้ ก็ควรจะไปบอกผู้บริหารของโรงเรียน เพื่อที่จะเชิญผู้ปกครองมาหารือ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน.