เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าว จ.เลย รายงานว่า ได้เกิดน้ำป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อ.ภูหลวงจังหวัดเลย ไหลลงสู่แม่น้ำคู้
เนื่องจากฝนที่ตกมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. เป็นต้นมา ทำให้ระดับน้ำในห้วยน้ำคู้ ที่ไหลผ่านบ้านหนองบัวและหนองบัวน้อยล้นตลิ่งเข้าท่วมทั้ง 2 หมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านที่ตื่นขึ้นมาเก็บของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะข้าวในยุ้ง บางคนก็เก็บไม่ทัน เพราะน้ำมาเร็วมาก ทำให้มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมประมาณ 100 หลังคาเรือน บางหลังท่วมสูง 2 เมตร
ในขณะที่น้ำเริ่มล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่ริมลำน้ำคู้นั้น นายวันบ่าย ปิสาทุม อายุ 52 ปี กำนัน ต.หนองบัว อ.ภูหลวงก็ได้ระดมชาวบ้านที่ไม่ถูกน้ำท่วมช่วยกันขนของขึ้นมาไว้ที่สูง
ขณะเดียวกันทางมูลนิธิสว่างคีรีธรรม และทางอำเภอได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือประชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมทันที จากระดับน้ำที่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งท่วมสะพานข้ามลำน้ำคู้ถนนสายภูหลวง ไปอำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้
ที่อำเภอเมืองเลย น้ำป่า จากอ่างเก็บน้ำห้วยแดง และห้วยซำจวง ได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรบ้านหนองหญ้าไ ซย ต.นาดินดำ อ.เมืองเลย
โตยไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน และมีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมร่วม 20 หลังคาเรือน กระทั่งเวลา 11.00 น.ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว เวลา 04.00 น. ที่จ.เพชรบูรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีน้ำป่าจากเทือกเขาฝั่งตะวันออกไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านขมวด หมู่ที่ 6 ต.น้ำร้อน อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยน้ำได้ไหลทะลักข้ามถนนสายเพชรบูรณ์ – วิเชียรบุรี (สายใหม่) ระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซ.ม.พัดเอารถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า โคโลล่า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กง 51 เพชรบูรณ์ ตกลงไปอยู่ไหล่ถนน คนขับเก๋งกับภรรยาหนีออกมาได้ นอกจากนั้นยังได้พัดเอารถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ทะเบียน กงจ 464 เพชรบูรณ์ พร้อมกับคนขับตกลงข้างทางโดยน้ำป่าได้พัดพาเอาทั้งคนและรถไปไกลเกือบ 100 เมตร คนขับต้องตะเกียกตะกายว่ายน้ำเอาชีวิตเกือบไม่รอด
นายไพรวัลย์ ขุนทิพย์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 6 ต.น้ำร้อน อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ คนขับรถเก๋ง เปิดเผยว่า ตนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯและกำลังจะกลับมาเยี่ยมลูก ที่ ต.น้ำร้อน อ.เมือง
โดยได้ขับรถยนต์เก๋งมากับภรรยา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นช่วงลงเนินและบริเวณนั้นมืดมากจึงไม่สังเกตเห็นว่าน้ำได้ไหลท่วมถนน จนรถเกิดเสียหลักเบรกไม่อยู่ลื่นไถล ประกอบกับน้ำที่พัดข้ามถนนแรงมากจึงพัดเอารถของตนเองตกลงไปอยู่ไหล่ทาง โชคดีที่รถไปติดอยู่กับต้นสัก และน้ำได้ไหลทะลักเข้ามาในรถเกือบครึ่งคัน ตนกับภรรยาเห็นท่าไม่ดีจึงได้รีบเปิดประตูรถและหนีเอาตัวรอดออกมาได้
ด้านนายพิชิตพล มิ่งรอด อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 7 ต.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
เล่าว่าตนขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจากอำเภอหล่มเก่าเพื่อไปธุระที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเห็นน้ำท่วมถนนสูงประมาณ 50 เซนติเมตร และน้ำค่อนข้างแรง แต่ตนก็คิดว่าน่าจะขับผ่านไปได้ เพราะรถของตนเองเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ แต่เมื่อกำลังขับมาถึงช่วงที่น้ำแรงที่สุดได้มีรถยนต์กระบะไม่ทราบยี่ห้อขับสวนมาตนจึงพยายามโบกมือไม่ให้ข้ามมาแต่รถคันดังกล่าวก็ยังขับลุยน้ำสวนมาทำให้น้ำกระเพื่อมอย่างรุนแรงรถของตนจึงเสียหลักล้มลงประกอบกับน้ำพัดแรงมากจึงพัดรถตกไปข้างทางโดยที่ร่างของตนเองก็ยังติดอยู่กับรถ จยย.โดยน้ำได้พัดไปไกลเกือบ 100 เมตรตนจึงหลุดออกมาได้ โดยมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้ออกมาช่วยเหลือจนปลอดภัย ส่วนรถจักรยานยนต์ชาวบ้านได้ช่วยกันงมหาจนเจอ แต่ยังไม่สามารถนำขึ้นมาได้โดยชาวบ้านได้ใช้เชือกผูกติดไว้กับต้นไม้เพราะเกรงว่าน้ำจะพัดไปไกลกว่านี้อีก