ดีเอสไอจับเครือข่ายยาเสพติดภาคใต้ ยึดทรัพย์กว่า ๓๐ ล้าน

ดีเอสไอ ร่วมกับป.ป.ส. ปปง. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และตชด. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 40 นายเข้าร่วมตรวจค้นจับกุมผู้ต้องพร้อมยึดทรัพย์เครือข่ายฟอกเงินยาเสพติดรายใหญ่ภาคใต้มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 กันยายนว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล  พ.ต.ท.บรรจบ อยู่ยืนยง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ชุดปฎิบัติการพิเศษ สนธิกำลังกับผู้แทนจากสำนักงานป.ป.ส. สำนักงานปปง.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และตชด.(สุนัขตำรวจ) กว่า 40 นายร่วมตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพ ในข้อหาฐานฟอกเงิน โดยจับกุมได้ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา


สืบเนื่องจากการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ที่ศูนย์ต่อสู้เอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลกระทำความผิดกฎหมาย ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเงินนอกระบบที่อยู่เหนือการควบคุมของหน่วยงานรัฐเป็นปัจจัยส่งผลกระทบในทางตรงหรือทางอ้อมต่อภาพรวมของปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินคดีกับนายสุรวุฒิ ชินวุฒิวงศ์ และนายวิเชียร ไตรจุฑากาญจน์ กับพวกรวม ๙ ราย ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ต่อมาศาลอาญาได้มีคำสั่งพิพากษาลงโทษ จำคุกนายวิเชียรฯ  และนายสุรวุฒิฯ คนละ ๑๕ ปี คดีแดง ที่ อ. ๑๘๔๑/๒๕๕๐  เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๐ และยึดทรัพย์สินผู้ต้องหารวมมูลค่า ๒๑๓ ล้านบาท


การสืบสวนพบว่าผู้กระทำผิดมีทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดจำนวนมาก และมีการจัดตั้งนิติบุคคลขึ้นเพื่ออำพรางรายได้จากการค้ายาเสพติด เปิดบัญชีธนาคารไว้เป็นจำนวนมากเพื่อถ่ายโอนเงิน ในลักษณะอันเป็นธุรกรรมต้องสงสัยและมีการรับโอนเงินจากผู้มีประวัติค้ายาเสพติด ทำให้สามารถนำมาหมุนเวียนใช้ทำผิดได้อีก คณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติให้ดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๔๙ กับกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติด


จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับพนักงานอัยการ ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับญาติของนายวิเชียร ไตรจุฑากาญจน์ ได้แก่  ๑.นายสนธิศักดิ์ ไตรจุฑากาญจน์ (หลาน) อายุ ๔๒ ปี, ๒. น.ส.กุลพร เลิศชโลธร (พี่สาวต่างมารดา) อายุ ๕๙ ปี และ ๓.นางวนิดา ปิติเศรษฐโกศล หรือชวเศรษฐโกศล (หลาน) อายุ ๔๕ ปี ได้ที่เอ็น.เอส.แมนชั่น  เลขที่ ๙ / ๒ ,๙/ ๓ และ ๙/๔ ถนนชีอุทิศ ตำบลหาดใหญ่  อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยผู้ต้องหาได้ร่วมกันนำทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายวิเชียรฯ นำมาปะปนลงในธุรกิจ ร.ร.เหอเจียแกรนด์โฮเต็ล  และ หจก.ไทยเจริญด่านนอก เพื่อให้เข้าสู่ระบบบัญชีและให้เข้าใจว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีการจำหน่ายจ่ายโอนอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะปกปิด


สำหรับทรัพย์สินที่จะยึด/อายัด เพื่อเป็นพยานหลักฐานในครั้งนี้ ประกอบด้วย อาคาร เอ็น.เอส.แมนชั่น เลขที่ ๙ / ๒ ,๙/ ๓, ๙/๔ ถนนชีอุทิศ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มูลค่าประมาณ ๒๐ ล้านบาท อาคารพาณิชย์ที่ก่อสร้าง โดย หจก.ไทยเจริญด่านนอก ๔ ห้อง มูลค่าประมาณ ๘ ล้านบาท ที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ  อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวม ในเบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า ๓๐ ล้านบาท ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสาม ความผิดฐานฟอกเงิน โดยมีความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๕ ประกอบ มาตรา ๓ (๑)


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์