รวบสาวแสบอ้างเป็นม่ายอดีตเมียนักบินชาวมะกัน รวยมรดกนับ หมื่นล้าน-เงินสดนับ 100 ล้านดอลลาร์ ในเซฟธนาคาร หากจะนำเงินออกมาต้องมีค่าใช้จ่าย ตุ๋นร่วมลงทุน 1 แสนบาท รับคืน 1 ล้านบาท ประวัติเปลี่ยนบัตร 23 ครั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ย. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1บก.ป. พ.ต.ท.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รองผกก.1 บก.ป. ได้ควบคุม นางวรรณวนัส บุทฤทธิ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 3 ต.ฟ้าห่วน อ.ค้อวัง จ.ยโสธร
พนักงานขายเครื่องสำอางประจำบริษัทแห่งหนึ่งใน กทม. ซึ่งเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์" ตามหมายจับของศาลแขวงขอนแก่นที่ จ.894/ 2551 ลงวันที่ 6 พ.ย. 2551 มาส่งมอบให้พ.ต.ท.ยุทธนา งามชัด สวส.สภ. เมืองขอนแก่น ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการจับกุมทราบว่า
เมื่อกลางปี 2550 ผู้ต้องหาก่อเหตุฉ้อโกง ผู้เสียหายหลายราย มีพฤติกรรมอ้างว่ามีสามีเป็นนักบินชาวอเมริกัน ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว แต่ทิ้งมรดกก้อนใหญ่ไว้ให้นับหมื่นล้านบาท ทรัพย์สินส่วนหนึ่งเป็นธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ มูลค่านับ 100 ล้านบาท ถูกฝากไว้ในเซฟของธนาคารแห่งหนึ่ง หากจะนำเงินจำนวนดังกล่าวออกมาต้องมีค่าใช้จ่ายเงินหลายแสนบาท จึงจำเป็นต้องระดมทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ถ้าร่วมลงทุน 1 แสนบาท จะได้เงินส่วนแบ่งคืน 1 ล้านบาท ทำให้มีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนกันจำนวนมาก ร่วมมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ปรากฏว่าเมื่อผู้ต้องหาได้เงินจากผู้เสียหายไปแล้วก็หลบหนีไป เหตุเกิดขึ้นในหลายท้องที่ทางภาคอีสาน
หลังเกิดเหตุแล้วกลุ่มผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความ มีการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา พบว่า
เปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง เช่น นางโชติกา แสงใส, นางโชติกา บุญทริก, นางรุ่งนะภา แสงใส, นางวรรณวนัช แสงใส และนางรุ่งนะภา ภาษิต รวมทั้งเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนมาแล้วถึง 23 ครั้ง แต่ละครั้งจะทำการศัลยกรรมตบแต่งใบหน้า เปลี่ยนทรงผมใหม่เพื่อทำให้รูปใบหน้าในบัตรไม่เหมือนกัน
สาวแสบ มี23ชื่อ ตุ๋นไปทั่ว
นอกจากนี้ผู้ต้องหายังมีหมายจับติดตัวอีก 3 หมาย
คือหมายจับศาลแขวงขอนแก่น ที่ จ894/3/2551 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ หลังร่วมกับพวกฉ้อโกงทรัพย์รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ มูลค่าประมาณ 7.8 แสนบาท หมายจับศาล จังหวัดมหาสารคามข้อหาฉ้อโกง ในท้องที่สภ. เมืองมหาสารคาม และหมายจับของศาลจังหวัดมหาสารคาม ที่จ 418/2548 ข้อหาฉ้อโกง เหตุเกิดในท้องที่สภ.เมืองมหาสารคาม และยังพบว่าผู้ต้องหา เคยถูกจับกุมคดีฉ้อโกงโดยมีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว 2 คดี ที่จ.มหาสารคาม และจ.อุบลราชธานี แต่ขอไกล่เกลี่ยคดีกับผู้เสียหายโดยยินยอมชดใช้เงินคืนให้บางส่วน กระทั่งถูกตามจับกุมได้ในคดีนี้
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณวันที่ 10-30 ม.ค. 2551 นางวรรณวนัสผู้ต้องหา พร้อมกับพวก 3 คน มาหานางวันทนา แซ่เลี้ยว อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/12 หมู่ 6 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
ซึ่งได้แวะเวียนมาหาหลายครั้งหลอกให้นางวันทนาเชื่อว่า ได้รับมรดกเป็นเงินนับร้อยล้านบาท ที่ได้ฝากไว้อยู่ในตู้เซฟธนาคารแห่งหนึ่งในอ.เมืองขอนแก่น แต่ขาดเงินค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการนำเงินออกมาจากธนาคารได้ จึงขอยืมเงินจากนางวันทนาจำนวน 320,000 บาท เมื่อได้เงินจากตู้เซฟในธนาคารมาแล้วจะ คืนเงินให้ทั้งหมด พร้อมกับค่าตอบแทนจำนวน 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 420,000 บาท
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปหลายเดือนก็ไม่สามารถติดต่อกับนางวรรณวนัสได้อีกเลย
ตามหาในหลายจังหวัดก็ไม่พบ นางวันทนาจึงมั่นใจว่าตนเองถูกหลอกจนสูญเงินในจำนวนดังกล่าว วันที่ 20 พ.ค. 2551 จึงมาแจ้งความกับตำรวจ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายในฐานร่วมกันฉ้อโกง ทรัพย์ นอกจากนี้นางวรรณวนัส ผู้ต้องหา เป็นผู้ต้องหากระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามหมายจับของศาลแขวงขอนแก่นที่ จ.295/2551 เมื่อ 18 ก.ย. 2551 ที่ผ่านมา นางวรรณวนัสได้มาเข้าพบกับ น.ส.อัญชลี ศรีสุริยนุกูล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 448/18 หมู่บ้านจัดสรรอโนทัย ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น และขอเช่ารถยนต์ไปใช้ซึ่งเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีดำ หมายเลขทะเบียน กบ-3610 ชลบุรี ที่ซื้อมาในราคา 780,000 บาท เมื่อครบกำหนดการเช่ายังไม่นำรถมาคืน กระทั่งน.ส.อัญชลี ผู้เสียหายได้ออกติดตามหาจนทั่วภาคอีสานก็ยังไม่พบรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบ สวน สภ.ย่อยบ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น ให้จับกุมนางวรรณวนัสในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์สิน ซึ่งเป็นคดีที่ 6178 /2551 ลงวันที่ 26 พ.ย. 51
เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
อ้างว่าไปขอยืมเงินจากคนที่รู้จักกันจริง เพื่อนำไปใช้ทำธุระบางอย่างที่มีผู้ใหญ่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนเกี่ยวข้องด้วย ตนไม่สามารถจะเปิดเผยรายละเอียดได้ บางเรื่องเป็นสิ่งที่สามีเก่าทำเอาไว้ตนจึงต้องมาจัดการต่อ สำหรับธุระ ที่ต้องทำนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นตนก็จะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต ขอยืนยันว่าไม่เคยโทรศัพท์ไปหลอกลวงใคร เมื่อจะยืมเงินใครก็จะไปหาพร้อมเล่าถึงความจำเป็น ส่วนเงินที่ยืมมาก็จะใช้คืนให้ในภายหลัง ที่ผ่านมา ตนเพิ่งคลอดลูกได้ 4 เดือน ไม่เคยคิดจะหลบหนี จึงควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่งตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.ท.ยุทธนา งามชัด สวส.สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าของคดีเปิดเผยว่า
หลังจากที่นางวรรณวนัสได้ก่อคดีฉ้อโกงทรัพย์ในเขต อ.เมืองขอนแก่นจำนวน 2 คดี ตำรวจก็ออกหมายจับ ไปทั่วราชอาณาจักร และจากการสืบสวนมาโดยตลอด นางวรรณวนัสได้เริ่มก่อคดีฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่นมาตั้งแต่ปี 2546 จนมาถึงปัจจุบัน จำนวน 23 ครั้ง ได้เงินที่ฉ้อโกงทรัพย์ไปมากกว่า 30 ล้านบาท จนสามารถซื้อบ้านจัดสรรในเมืองขอนแก่นหลังงามในราคา 5 ล้านบาท มีรถเบนซ์ขับขี่ใช้ส่วนตัว และนำเงินมาใช้เลี้ยงสามีที่ไม่มีงานทำได้อย่างสุขสบายอีกด้วย ซึ่งการทำคดีฉ้อโกงเหยื่อแต่ละครั้งจะเปลี่ยนชื่อ นามสกุลในบัตรประจำตัวประชาชนจำนวน 23 ครั้ง นอกจากนี้มีการเปลี่ยนชื่อตัวเองตลอดซึ่งมีมากกว่า 100 ชื่อ และก่อคดีฉ้อโกงทรัพย์ในภาคอีสาน และหลายจังหวัดในทั่วประเทศ กระทั่งเคยไปหลอกลวงเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบจนสูญเงินไปจำนวนมาก ทำให้ตำรวจกองปราบปรามสืบ สวนจนทราบว่า นางวรรณวนัสมีหมายจับที่ สภ.เมืองขอนแก่นจำนวน 2 คดี จึงนำหมายจับไปติดตามจับกุมนางวรรณวนัสกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม พบกับนางวรรณวนัส ซึ่งมาทำธุระย่านสะพาน ควาย แขวงสามเสนใน กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุม และนำมามอบให้กับพนักงานสอบ สวนสภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎ หมายต่อไป ซึ่งนางวรรณวนัสยอมรับสารภาพว่ากระทำจริง และกำลังให้ญาติไปเจรจากับผู้เสียหายส่วนหนึ่งเพื่อขอชดใช้เงินที่ได้ยืมมาอีกด้วย