ฉีดยาประหาร2นช.

เรือนจำกลางบางขวางฉีดยาประหาร 2 นักโทษคดียาบ้า หลังยื่นฎีกาแล้วตก เผยเป็นครั้งที่ 2 ที่ใช้วิธีประหารแบบฉีดยาแทนการยิงเป้า เผย 2 นักโทษได้โทรศัพท์คุยกับลูก-เมียสั่งเสียก่อนเข้าสู่แดนประหาร สำหรับอาหารมื้อสุดท้ายเป็นฉู่ฉี่ปลากับแอปเปิ้ล แต่ผู้ต้องหาขอแค่ดื่มน้ำเปล่า เผยถูกยึดทรัพย์รวม 41 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. เรือนจำกลางบางขวาง จะประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดรายสำคัญ 2 ราย

คือ นช.บัณฑิต เจริญวานิช อายุ 45 ปี และนช.จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ อายุ 52 ปี นักโทษคดียาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งถูกจับกุมพร้อมของกลางยาบ้า 100,000 เม็ด โดยประหารชีวิตด้วยวิธีการฉีดยาพิษในเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน สำหรับการประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากประเทศไทยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 16) พ.ศ.2546 มาตรา 19 เปลี่ยนการประหารชีวิตจากการยิงเป้า มาเป็นฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย ขั้นตอนก่อนประหารชีวิต หลังฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษตกมายังกรมราชทัณฑ์ เรือนจำจะปกปิดเป็นความลับ จนกว่าจะเก็บนักโทษทั้งหมดเข้าเรือนนอนในเวลา 15.30 น.

จากนั้น เรือนจำจะเบิกตัวนักโทษที่ต้องรับโทษประหารชีวิตออกมา และแจ้งให้ทราบถึงผลฎีกา

เพื่อให้เขียนพินัยกรรมสั่งเสีย หรือให้โทรศัพท์สั่งเสียกับญาติพี่น้องก่อนประหารชีวิต 1 ชั่วโมง จากนั้นเรือนจำจะจัดอาหารมื้อสุดท้ายให้แก่นักโทษ และนิมนต์พระสงฆ์วัดบางแพรกใต้เข้ามาแสดงธรรม เมื่อถึงเวลาจะนำนักโทษประหารขึ้นรถและนำตัวเข้าสู่แดนประหาร ก่อนเข้าสู่แดนประหารผู้คุมจะนำนักโทษเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อเจตคุปต์และกราบไหว้ต้นโพธิ์ 3 ต้น หน้าแดนประหาร จากนั้นจะนำตัวนักโทษเข้าสู่ห้องฉีดสารพิษและปิดตานักโทษด้วยผ้าดำ รวมทั้งให้นักโทษถือดอกไม้ธูปเทียนและหันหน้าไปทางวัดบางแพรกใต้ที่อยู่ติดกับแดนประหาร


สำหรับขั้นตอนในแดนประหาร เรือนจำจะยังคงล่ามโซ่ตรวนไว้และให้นักโทษนอนบนเตียงประหารชีวิต ซึ่งมีผ้าขาวสำหรับห่อศพวางรองอยู่

และขึงแขนนักโทษให้ติดกับเตียงทั้ง 2 ข้างในท่ากางแขน และนำเข็มฉีดยาปักไปที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง และทำการฉีดยาจำนวน 3 เข็ม เข็มที่ 1 คือยานอนหลับ เข็มที่ 2 เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ และเข็มที่ 3 คือยาหยุดการเต้นของหัวใจ ขั้นตอนการฉีดยาประหารชีวิตจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที จากนั้นแพทย์และคณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนอัยการจังหวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้แทนกรมราชทัณฑ์ จะตรวจสอบว่านักโทษประหารเสียชีวิตตามคำพิพากษา จากนั้นนำศพนักโทษบรรจุในโลงเย็น ซึ่งมีความเย็น -18 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ก่อนจะให้แพทย์ตรวจเป็นครั้งสุดท้าย และส่งให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลในวันรุ่งขึ้น

สำหรับนช.บัณฑิต เจริญวานิช และนช.จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ กับพวกอีก 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)

ได้จับกุมเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2544 พร้อมของกลางยาบ้า 114,219 เม็ด ต่อมาศาลอาญา พิพากษาประหารชีวิตทั้งคู่ คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีมติให้ยึดอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้งสอง จำนวน 73 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 41,666,289 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในเรือนจำกลางบางขวางว่า เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัว นช.บัณฑิต และนช.จิรวัฒน์ ออกมาจากแดน 2 เพื่อไปยังแดน 9

ซึ่งเป็นแดนประหารชีวิต จากนั้นให้นักโทษทั้ง 2 ราย เขียนพินัยกรรม และโทรศัพท์หาญาติครั้งสุด โดยนายจิรวัฒน์โทร.หาแม่และลูกสาว โดยสั่งให้ลูกตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ ประโยคสุดท้ายบอกว่า "พ่อรักลูก"
ส่วนนายบัณฑิต โทร.หาภรรยาและลูก ซึ่งบอกภรรยาให้มารับศพ

หลังจากโทรศัพท์เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ได้อ่านคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ 24 ส.ค. เรื่องการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษทั้ง 2 คน

ว่าตามที่นักโทษทั้ง 2 ได้ยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำความกราบบังคมทูลฯ จากนั้นมีพระบรมราชวินิจฉัยให้ยกฎีกา ลงวันที่ 13 ส.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เมื่อทั้ง 2 เซ็นรับทราบคำสั่ง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปยังอาคารประหารชีวิต ฉีดสารพิษ และภาย ในนั้นมีพระสงฆ์ และอาหารมื้อสุดท้าย คือ แกงฉู่ฉี่ และแอปเปิ้ล 2 ลูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งนักโทษทั้ง 2 ไม่กิน แต่ดื่มเพียงน้ำเปล่า 1 แก้ว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์