เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 18 พ.ค. ร.ต.ท.สวรินทร์ หมุดแก้ว พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองลำปาง รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านในชุมชนบ้านต้า เลขที่ 122 หมู่ที่ 10 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปทำการสอบสวนร่วมกับ พ.ต.ท.โสภณ ผลกันทา รอง.ผกก.สส. สภ.เมืองฯ พ.ต.ต.ประทีป ใจจิตร สวป.
บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ พบนายดนุดล วรรณปลูก นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเขลางค์นคร นายสุชาติ อินต๊ะสืบ รองนายกเทศมนตรี
กำลังยืนสั่งการให้รถดับเพลิงของเทศบาลเมืองเขลางค์นคร 5 คัน ระดมฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้ท่วมบ้านอย่างรวดเร็ว แต่การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบ้านที่เกิดเหตุอยู่ในซอยที่คับแคบทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้วิธีจอดรถน้ำไว้บนถนนสายหลักของหมู่บ้านแล้วทำการต่อสายยาง ก่อนจะลากเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ โดยมีกลุ่มชาวบ้านส่วนหนึ่งช่วยกันไปตักน้ำใส่ถังมาช่วยกันสาดเข้าไปในกองเพลิงอีกทางหนึ่ง
จากการสอบสวนทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของนายทองคำ นามบุญ อายุ 70 ปี นอนป่วยเป็นโรคมะเร็งอยู่ในบ้าน ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ขณะที่เกิดไฟลุกไหม้ ญาติและเพื่อนบ้านได้ช่วยกันอุ้มออกมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากที่บ้านทั้งหลังถูกไฟเผาผลาญจนหมดแล้ว ยังทราบว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ชื่อ น.ส.กรรณิการ์ นามบุญ อายุ 22 ปี เป็นลูกสาวเจ้าของบ้านได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกที่บริเวณใบหน้า ขณะนี้ชาวบ้านได้นำตัวไปรักษาที่ ร.พ.ลำปาง ส่วนค่าเสียหายประมาณ 1 ล้านกว่าบาท
นางศรีบุตร นามบุญ อายุ 64 ปี ภรรยาเจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า บ้านที่ถูกไฟไหม้หลังนี้สามีคือนายทองคำ นามบุญ และตนเองช่วยกันเก็บเงินมาสร้างไว้กว่า 10 ปีมาแล้ว
ก่อนที่จะเกิดเหตุไฟไหม้ นายทองคำเกิดป่วยหนัก จนเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันทั้งตนเองและลูกๆ ต่างก็ปรึกษากัน และไปเบิกเงินในธนาคารจำนวน 58,000 บาทมาเก็บไว้ที่บ้าน หวังจะเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อสามีเป็นอะไรลงไป โดยนำเงินที่เบิกทั้งหมดพร้อมกับสร้อยคือทองคำหนัก 1 บาท อีก 1 เส้น รวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 60,000 บาทไปเก็บไว้ในตู้เก็บของบนบ้าน
ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าอาการของสามีอยู่ในห้องนอนชั้นล่าง ส่วน น.ส.กรรณิการ์ ก็กำลังอาบน้ำอยู่หลังบ้าน และได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงไฟฟ้าชอร์ตข้างบนบ้าน
ซึ่งลูกสาวก็รีบออกจากห้องน้ำ และเดินขึ้นบันไดไปดูไม่นานลูกสาวก็วิ่งลงมาตะโกนบอกว่าไฟไหม้บ้าน พร้อมกับวิ่งกลับขึ้นไปบนบ้านอีกครั้งหวังที่จะดับไฟที่ลุกไหม้อยู่ตรงบริเวณคัตเอาต์ และตนเองก็ต้องตกใจอย่างสุดขีดอีกครั้งเมื่อได้ยินลูกสาวส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนเพื่อนบ้านที่มีบ้านอยู่ติดกันได้ยินเสียงร้องพากันวิ่งออกมาดู ก็เห็นไฟลุกไหม้อยู่บนบ้าน จึงวิ่งขึ้นไปช่วยลูกสาวออกมาก่อนจะนำตัวไปส่งร.พ.ลำปาง เนื่องจากที่ใบหน้าถูกไฟลวก และมีเพื่อนบ้านส่วนหนึ่งมาช่วยกันอุ้มนายทองคำ สามี และตนเองซึ่งขณะนั้นทำอะไรไม่ถูกออกจากบ้านโดยเร็ว ก่อนที่จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลเมืองเขลางค์นคร มาช่วยกันดับไฟ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว เพราะกว่ารถดับเพลิงจะมาถึงไฟก็เผาผลาญบ้านทั้งหลังเสียหายจนหมดแล้ว ขณะที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนางศรีบุตร ก็มีอาการเหมือนกับคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เพราะเป็นห่วงทั้งอาการของบุตรสาวที่ถูกไฟลวก เป็นห่วงอาการของสามีที่กำลังป่วยหนัก และเสียดายทรัพย์สินมีค่าที่มอดไหม้ไปในกองเพลิงจนไม่เหลืออะไร หลังทำการสอบสวนแล้วเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะมาจากไฟฟ้ารัดวงจรทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นและจะได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการ เขต 31 ลำปาง เข้าไปสำรวจเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป