วิศวกรหนุ่ม ดีกรีปริญญาโทนิด้าป่วยโรคเครียดกระโดดเสาอากาศส่งสัญญาณทีวีช่อง 11 ดับอนาถ แพทย์รพ.เอกชน พ่อของผู้ตาย ร่ำไห้เผย หลังเรียนจบ ลูกชายเปิดโรงงานอุตสาหกรรมพลาสติกที่ปากช่อง แต่กิจการไม่ค่อยดี ประกอบ กับเคยเข้ารับการบำบัดโรคเครียดมาแล้ว เชื่อว่าฆ่าตัวตายเอง ไม่ติดใจเรื่องถูกฆาตกรรม
วิศวกรหนุ่มปริญญาโทป่วยโรคเครียด กระโดดเสาอากาศสถานีโทรทัศน์ตายรายนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 3 พ.ค.
ร.ต.ท.คมสัน คุ้มครอง ร้อยเวร สน.สุทธิสาร รับแจ้งเหตุชาย ตกจากที่สูงเสียชีวิตอยู่ภายในสถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียงแห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงและเขตดินแดง ไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณใต้เสาส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง สูงประมาณ 30 เมตร ด้านหลังอาคาร 1
ซึ่งเป็นอาคารส่วนเทคนิคของกรมประชา สัมพันธ์ พบศพนายเกริกพันธุ์ ไพรรัชเวทย์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ซอยอินทามระ 40 ถนนอินทามระ แขวงและเขตดินแดง วิศวกรเคมี จบปริญญาโท เอ็มบีเอจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และเป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมพลาสติกที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา สภาพศพนอนตะแคง เสียชีวิต สวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้นสีเทาดำ รองเท้าแตะ มีเลือดออกที่กกหูซ้าย หน้าแข้งซ้ายหักผิดรูป เล็บและปากดำคล้ำ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
ระหว่างนั้นได้มี นพ.วีระชัย ไพรรัชเวทย์ อายุ 57 ปี ศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน แห่งหนึ่ง และภรรยา เป็นพ่อและแม่ของผู้ตายเดินทางมายังที่เกิดเหตุ
เมื่อเห็นศพลูกชายต่างกอดศพร่ำไห้ด้วยความเสียใจ เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก จากนั้น นพ.วีระชัย เปิดเผยว่า ครอบครัวตนมีลูกชาย 2 คน ผู้ตายเป็นลูกคนโต จบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิศวกรรมเคมี จบปริญญาโทที่นิด้า จากนั้นมาเปิดโรงงานอุตสาหกรรมพลาสติกที่ปาก ช่องได้ 3 เดือน แต่กิจการไม่ค่อยดีนัก ปกติผู้ตายเป็นคนค่อนข้างจะจริงจังเรื่องการทำงาน จนเกิด อาการเครียดอยู่เสมอ ประกอบกับเคยเข้าโรงพยาบาลเพื่อบำบัดโรคเครียดมาแล้ว
นพ.วีระชัย กล่าวต่อว่าก่อนเกิดเหตุ ลูกชายเพิ่งกลับจากโรงงานที่ปากช่อง มาพักที่บ้าน กรุงเทพฯ เมื่อเย็นวันที่ 2 พ.ค.แล้วออกจากบ้านช่วงหัวค่ำโดยไม่กลับเข้ามาอีก
ตนเป็นห่วงเลย ออกตามหาแต่ไม่พบ จนเช้าตรู่ได้แวะมาดูจุดเกิดเหตุแล้ว เพราะบ้านอยู่ใกล้กับช่อง 11 ซึ่งผู้ตายมักจะเข้ามาเล่นกีฬาที่สนามหญ้าที่นี่ ก็ไม่พบอีก กระทั่งเห็นรถมูลนิธิฯ และคนมุงดูจำนวนมากจึงกลับมาดู จนพบว่าลูกชายกลายเป็นศพไปแล้ว สำหรับสาเหตุการตาย ทางครอบครัวไม่ติดใจอะไร และไม่เชื่อว่าจะเป็นการฆาตกรรม เพราะลูกชายของตนไม่มีเรื่องทะเลาะกับใคร เชื่อว่าน่าจะมาจากโรคเครียดและกังวลเรื่องโรงงาน จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายในที่สุด เจ้าหน้าที่จึงส่งศพให้สถาบันนิติเวชวิทยา ชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้ง.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
