สาวใหญ่หนีผัวจากพรหมพิราม ไปร่วมวงกินเหล้ากับเพื่อนในเมืองพิษณุโลก รุ่งเช้ากลายเป็นศพ
เผยมีปากเสียงกับผัวแล้วหนีมากินเหล้าดับกลุ้มกับเพื่อน ตร.รวบทันควันหนุ่มรุ่นน้อง สารภาพนั่งกินเหล้าด้วยกันแล้วเกิดอารมณ์ ชวนเพื่อนอีกคนร่วมข่มขืน แต่ผู้ตายโวยวายจะแจ้งตร.เลยช่วยกันกระทืบท้องจนแน่นิ่งก่อนหลบหนีไป เผยสภาพศพตับแตก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 เม.ย. พ.ต.ต. เอกชัย พรมทอง สารวัตรเวร สภ.เมืองพิษณุโลก
รับแจ้งมีคนพบศพหญิงสาวนอนเสียชีวิต บริเวณใต้สะพานนเรศวร ฝั่งตะวันตก ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ประเสริฐ กาฬรัตน์ รองผบก.ภ. จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ ผกก. สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.หญิงกฤษฎี พงศ์อัมพรขจี สารวัตรงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ วิทยาการเขต 33 พิษณุโลก พร้อมแพทย์เวร ร.พ.พุทธชินราช
ที่เกิดเหตุพบว่า จุดพบศพอยู่ใต้สะพานนเรศวรฝั่งตะวันตก ช่องทางจราจรขาเข้าเมือง ทราบชื่อผู้เสียชีวิต ว่า น.ส.วิราวรรณ ต่วนคำ อายุ 41 ปี
สภาพศพนอนหงายเสียชีวิต สวมเสื้อคลุมสีครีม เสื้อยืดสีน้ำเงิน ท่อนล่างเปลือย ส่วนกางเกงยีนส์ ถูกถอดออกอยู่ข้างศพ ไม่สวมกางเกงใน นอนอยู่บนเสื่อสีแดง ใกล้ๆ กันพบกางเกงในแบบผู้ชาย 1 ตัว รองเท้าแตะ 1 ข้าง และห่างจากศพประมาณ 10 เมตร บนลานปูนสวนชมน่านฯ มีร่องรอยการตั้งวงดื่มสุรา และพบร่องรอยลากผู้เสียชีวิตจากวงดื่มสุรามาที่บนเสื่อจุดพบศพ นอกจากนี้บริเวณใต้สะพานยังพบท่อนไม้ขนาดยาวประมาณ 2 ฟุต ตกอยู่ 1 ท่อน คาดว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ทำร้ายผู้เสียชีวิต
ข่มขืนฆ่าสาวพรหมพิราม-ตื้บตับแตก
ตรวจสอบร่างกายพบร่องรอยการทำร้ายบริเวณ เหนือคิ้วขวา เป็นรอยช้ำตามลำตัว แพทย์ไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากอะไร
ขณะที่การตรวจร่องรอยการข่ม ขืนนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเช่นกัน แพทย์นำร่างผู้เสียชีวิตไปตรวจโดยละเอียดอีกครั้ง ที่นิติเวช ร.พ.พุทธชินราช ขณะที่ตำรวจวิทยาการเขต 33 พิษณุโลก เก็บหลักฐานขนเพชร ที่ตกอยู่บนเสื่อไปตรวจพิสูจน์ ว่าเป็นของผู้เสียชีวิตหรือของผู้ที่ลงมือข่มขืน นายน้อย บุญมามี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/2 ม.5 ต.หอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก สามีผู้เสียชีวิตให้การว่า ภรรยาเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง มีบุตร 3 คน และแยกทางกัน ก่อนจะมาอยู่กินกับตน โดยรับจ้างเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งอยู่ที่บ้านวังขี้เหล็ก อ.วังทอง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนมีปากเสียงทะเลาะกัน ก่อนที่ผู้ตายน้อยใจหนีออกจากบ้าน และหายเงียบไปทั้งคืน กระทั่งรุ่งเช้ายังไม่กลับบ้าน จึงออกตามหา ซึ่งทราบว่าผู้ตายชอบเข้ามาหาเพื่อนในตัวเมืองพิษณุโลก บริเวณหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ฝั่งตรงข้ามกับจุดพบศพ ตนมองเห็นคนจำนวนมากมุงดูบริเวณเกิดเหตุ สอบถามทราบว่ามีผู้หญิงถูกฆ่าตาย จึงได้ข้ามสะพานไปดู ปรากฏว่าเป็นภรรยาของตน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า กลุ่มคนต้องสงสัยลงมือฆาตกรรมน่าจะเป็นกลุ่มบุคคลเร่ร่อน ที่อาศัยหลับนอนอยู่หน้าวัดใหญ่
ซึ่งผู้ตายเคยมาดื่มสุรากับกลุ่มพวกนี้เป็นประจำ หลังจากทะเลาะกับสามีได้มาหาเพื่อนที่รู้จักกันอยู่ที่หน้าวัดใหญ่ ประมาณ 4-5 คน ก่อนจะชักชวนกันไปตั้งวงดื่มสุราบริเวณลานปูน สวนชมน่านฯ ฝั่งตรงข้ามกับวัด หลังเมาเหล้ากลุ่มผู้ชายอาจจะเกิดอารมณ์ทางเพศ และขอร่วมหลับนอนด้วย แต่ผู้ตายไม่ยอมจึงถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนจะลากตัวมาที่จุดพบศพและลงมือข่มขืน ก่อนจะหลบหนีไป
กระทั่งเวลา 16.00 น. ร.ต.อ.รณฤทธิ์ ใจว่อง รองสว.สส.เมืองพิษณุโลก พร้อมกำลัง ร่วมกันจับกุมนายอิทธิยาพันธ์ แสนสุข อายุ 33 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 276 ม.4 ต.พันชาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก คนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าน.ส.วิราวรรณได้ สอบสวนสารภาพ ว่า ผู้ตายมาร่วมนั่งดื่มเหล้ากับพวกตนหลายคน โดยรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่ร่วมวงเดียวกัน หลังจากเลิกดื่มกันแล้วต่างแยกย้ายกันกลับ ตนพร้อมกับนายแมน ไม่ทราบชื่อจริง ได้กลับมาหาผู้ตาย พร้อมใช้กำลังร่วมกันข่มขืนผู้ตาย ซึ่งตนเป็นคนลงมือข่มขืนก่อน ระหว่างนั้นผู้ตายได้ร้องโวยวายว่าจะไปแจ้งตำรวจ ตนกับนายแมนจึงช่วยกันกระทืบที่ท้องจนแน่นิ่งแล้วพากันหลบหนี ตนได้เข้าไปหลบที่วัดจันทร์ตะวันออกกระทั่งเจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ ส่วนนายแมนไม่ทราบหลบหนีไปไหน
จากการชันสูตรของแพทย์ พบว่าน.ส.วิราวรรณเสียชีวิตจากอวัยวะภายในร่างกายถูกกระ แทกอย่างแรง จนทำให้ตับฉีกขาด ซึ่งตรงกับคำให้การของผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวเอาไว้ดำเนินคดี พร้อมติดตามตรวจสอบและจับกุมนายแมนที่ยังหลบหนีอีกคนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป