นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว จึงอยากเตือนร้านค้าทองคำให้ระวังเรื่องการรับจำนำทองคำ
เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มมิจฉาชีพอาจเข้ามาหลอกลวงผู้ประกอบการค้าทองคำได้ และการรับจำนำทองคำแต่ละครั้งขอให้ตรวจสอบทองคำให้ดีว่าเป็นทองคำจริงทั้งหมด 95% หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีจะพบว่ามีการนำทองคำจริงผสมทองปลอมเพื่อตบตาร้านค้าทอง โดยกลุ่มที่ลักลอบทำพฤติกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นช่างทองตกงาน ซึ่งชำนาญเรื่องการแกะสลัก และหลอมทองคำทำให้ตรวจสอบด้วยตาเปล่าอาจไม่เห็นชัดเจนต้องนำทองมาเผาไฟ
“ขอให้ร้านค้าทองดูทองรูปพรรณที่นำมาจำนำอย่างรอบคอบ เพราะกลุ่มมิจฉาชีพจะแอบแฝงเข้ามาหาผลประโยชน์ เนื่องจากการรับจำนำทองคำของร้านค้าทองไม่ค่อยดูรายละเอียดทองคำที่นำมาจำนำนัก ยกเว้นมีการนำทองคำมาขาย จึงทำให้กลุ่มมิจฉาชีพอาศัยจังหวะดังกล่าวมาหลอกลวงร้านค้าทองจำนวนมาก โดยเฉพาะร้านค้าทองในพื้นที่ต่างจังหวัดที่พบว่าถูกแก๊งมิจฉาชีพเข้าไปหลอกลวงมากกว่าเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เพราะเป็นพื้นที่ห่างไกล ขณะเดียวกันขอให้ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ถ้าพบว่ามีจุดบกพร่องตรงไหนให้ซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปกติ เพื่อความปลอดภัยของร้านค้าทอง”
นายมงคล ลีลาธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย กล่าวว่า ราคาทองคำที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้สินเชื่อทองคำเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยช่วง 2 เดือน มียอดสินเชื่อรวม 700 ล้านบาท ปัจจุบันมีลูกค้านำทองคำมาฝาก และค้ำประกันสินเชื่อแล้ว 500 กิโลกรัม คาดว่าทั้งปีจะปล่อยสินเชื่อได้ถึง 1,000 ล้านบาท เนื่องจากราคาทองคำได้ปรับขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมีผู้ฝากทอง รวมไปถึงผู้ที่นำทองคำมาค้ำประกันสินเชื่อรายย่อย 10% ได้ไถ่ถอนทองคำไปบางส่วน เพื่อไปขายเพราะเห็นว่าได้ราคาคุ้มค่า.