เทศกาลวาเลนไทน์ของฝรั่ง หรือที่คนไทยเรียกว่าเป็นวันแห่งความรัก 14 ก.พ. ใกล้เวียนมาถึงแล้ว
ในปีนี้แม้จะตรงกับวันเสาร์ แต่บรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยหาซื้อของขวัญให้คนรัก ไม่ว่าจะความรักระหว่างของพ่อแม่พี่น้อง หรือความรักของหนุ่มสาว ค่อนข้างจะเงียบเหงา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย หลายคู่ใช้วิธีบอกรักกันด้วยวาจาหรือส่งข้อความ แทนการหาซื้อของขวัญราคาแพงแทนใจ เพื่อเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋า
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยเมื่อ 10 ก.พ.ถึงผลสำรวจทัศนคติพฤติกรรมและการใช้จ่ายช่วงวันวาเลนไทน์
จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 1,202 ตัวอย่างว่า จะมีเม็ดเงินใช้จ่ายสะพัดช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ รวม 2,325.58 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคนละ 1,457.07 บาท เพิ่มขึ้น 7.69% จากปีก่อน แต่เป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 50 ผลสำรวจยังระบุอีกว่าปริมาณการซื้อสินค้าของกลุ่มตัวอย่างในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 51 จะลดลงเล็กน้อยและไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนการซื้อที่เพิ่มขึ้นมีไม่มาก นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มองว่าบรรยากาศวาเลนไทน์ปีนี้คึกคักน้อยลงจากปีก่อน เพราะปัญหาเศรษฐกิจ อีกส่วนเห็นว่าเพราะราคาสินค้าแพง
“ที่น่าสนใจคือคนส่วนใหญ่เห็นว่า เทศกาลแห่งความรัก มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จากช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญมาก และใช้จ่ายสูงเมื่อเทียบกับรายได้ โดยอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้จ่ายคนละ 750 บาท อายุ 16-18 ปี ใช้จ่าย 675 บาท อายุ 19-22 ปี ใช้จ่าย 842 บาท ส่วนวัยทำงาน 23-29 ปี ใช้จ่าย 1,147 บาท อายุ 30-39 ปี ใช้จ่าย 2,622 บาท และอายุ 40-49 ปี ใช้จ่าย 2,596 บาท” นางเสาวณีย์กล่าว
สำหรับสินค้าที่ซื้อในวันวาเลนไทน์มากที่สุด นางเสาวณีย์กล่าวว่า ยังเป็นดอกไม้ รองลงมาเป็นการ์ดอวยพร ตุ๊กตา ช็อกโกแลต และของขวัญ
ส่วนกิจกรรมที่จะทำในวันวาเลนไทน์ อันดับแรกไปทานข้าว ตามด้วยเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า ไปดูหนัง อยู่บ้าน ไปคาราโอเกะ ไปบ้านแฟน พาแฟนมาบ้าน โดยเงินที่นำมาใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากเงินออม เงินเดือน ที่เหลือเป็นโบนัสและอื่นๆ ขณะที่ดอกไม้ที่นิยมซื้อสูงสุดเป็นดอกกุหลาบ รองลงมา ดอกรักลิลลี่ ทิวลิป และคาร์เนชั่น
นอกจากนี้ นางเสาวณีย์ยังเผยถึงผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมประชาชนช่วงวันวาเลนไทน์
จากกลุ่มตัวอย่างเดียวกันว่า การสำรวจทรรศนะต่อคู่รักที่มีการฉลองวันวาเลนไทน์ โดยการมีเพศสัมพันธ์แบ่งเป็นรายอาชีพ พบว่า อันดับแรกเป็นนักศึกษา ตามด้วยหนุ่มสาววัยทำงานและนักเรียน ส่วนเมื่อสอบถามถึงสถานที่ที่วัยรุ่นอาจมีการฉลองวันวาเลนไทน์ โดยการมีเพศสัมพันธ์พบว่า อันดับแรกคือ ห้องพักรายวันตามด้วยอพาร์ตเมนต์ รองลงมาเป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่ โรงแรมม่านรูด สวนสาธารณะ และอื่นๆ
นางเสาวณีย์กล่าวด้วยว่า คนส่วนใหญ่เป็นห่วงว่าเทศกาลแห่งความรักจะทำให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และทำให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มขึ้น
จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดตรวจวันวาเลนไทน์ เพื่อเปลี่ยนสถานที่มีเพศสัมพันธ์และลดการมีเพศสัมพันธ์ลง ขณะเดียวกัน ยังเป็นห่วงประเด็นการขึ้นราคาดอกไม้ และของขวัญเกินจริง ขณะเดียวกัน ผลสำรวจยังระบุว่า คนไทย 29% มีมุมมองเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน เป็นเรื่องปกติในปัจจุบันมีเพียง 28.1% ที่เห็นว่าไม่ควรทำ และที่เหลือ 42.9% ไม่แน่ใจ
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์ พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า อัตราขยายตัวการใช้จ่ายปีนี้เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจชะลอตัว
ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย ด้วยการซื้อสินค้าลดลงซึ่งเป็นแนวโน้มที่ลดลงต่อเนื่อง ตั้งแต่เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน จนถึงวาเลนไทน์ สะท้อนว่าประชาชนยังไม่ตอบสนอง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลมากนัก โดยอัตราขยายตัวที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าดอกไม้ของขวัญและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ ไม่ควรตุนของไว้มากเพราะอาจขายเพิ่มได้น้อย
ส่วนนายเรวัติ จินดาพล กรรมการผู้จัดการบริษัทมิสลิลลี่ ฟลาวเวอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจจัดส่งดอกไม้ทั่วประเทศยี่ห้อมิสลิลลี่ กล่าวว่า มูลค่าจำหน่ายดอกไม้จัดช่อ ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ ภาพรวมจะขายได้ลดลง 10% จากปีที่แล้ว
เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้คนประหยัดใช้จ่ายแต่ยังถือว่ายอดติดลบน้อยกว่าที่คาดไว้ เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ออกมาทำให้บรรยากาศการใช้จ่ายดีขึ้น ส่วนยอดขายของบริษัท ในช่วงเทศกาลแห่งความรัก น่าจะขายได้เท่าปีก่อนที่ 2,000 ช่อ ราคาตั้งแต่ 2,000-500,000 บาท และมีราคาเฉลี่ยต่อช่อเพิ่มขึ้นจาก 2,200 บาท เป็น 2,400 บาท สำหรับราคาขายส่งดอกกุหลาบขณะนี้ อยู่ที่ดอกละ 40-50 บาท ส่วนดอกกุหลาบนำเข้าจากฮอลแลนด์ ดอกละ 100 บาท ที่ราคาเพิ่มขึ้นเพราะปีนี้อากาศหนาวผิดปกติทำให้ดอกไม้ออกดอกน้อย
จ้องมีเซ็กซ์ โจ๋วาเลนไทน์ โพลจี้สกัด
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!