ผู้บริโภคฟ้องพม.-บ.ปลาป๋องเน่า

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 4 ก.พ.ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผจก.มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

พร้อมด้วยนายสำเริง สุดสวาท ผู้ประสานงานโครงการชีวิตสาธารณะ จ.พัทลุง น.ส.จุฑา สังขชาติ เครือข่ายผู้บริโภคภาคใต้ เป็นตัวแทนประชาชนผู้บริโภคจ.พัทลุง ที่ได้รับมอบปลากระป๋องช่วยเหลือภัยน้ำท่วม ยื่นฟ้องรมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, บริษัท ทองกิ่งแก้ว ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิต, บริษัท ไทย เอ ดี ฟู้ดส์ ผู้จำหน่าย, กรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัททั้งสอง เป็นจำเลย คดีผู้บริโภค ตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เรื่องละเมิดจัดหาสินค้าที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานและไม่มีความปลอดภัย บริจาคให้กับประชาชน เรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท กรณีที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯแจกถุงยังชีพและปลากระป๋องบริจาค ยี่ห้อชาวดอยให้กับประชาชน ที่ประสบภัยน้ำท่วมจ.พัทลุง ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นปลากระป๋องเน่า

โดยโจทก์ขอให้ศาลมีคำพิพากษา 1.ให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันรับผิดชอบ ชดใช้ความเสียหายกับผู้บริโภคจำนวน 1 ล้านบาท 2.ขอให้ศาลเรียกกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายมาเป็นจำเลยร่วม เนื่องจากอาจมีการยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สินที่ได้จากการขายปลากระป๋องไปเป็นประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรืออาจฮั้วกับราชการ 3.ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินห้ามจำหน่ายสินค้า และให้เรียกเก็บ ทำลายสินค้าที่เหลือ รวมทั้งยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ก่อนที่จะมีการทำลายหรือปลอมแปลงเอกสาร เช่น บัญชีธนาคารของบุคคลที่เกี่ยวข้องและ 4.ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้น เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเกิดจากการกระทำโดยเจตนา เอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งนี้ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป

น.ส.สารีกล่าวว่า การยื่นฟ้องรมว.การพัฒนาสังคมฯเป็นการยื่นฟ้องโดยตำแหน่ง เนื่องจากต้องดูว่าใครมีหน้าที่รับผิดชอบ

ขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบระหว่างนายวิฑูรย์ นามบุตร ที่ลาออกไปแล้ว หรือรมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯคนใหม่ ส่วนโจทก์ที่ฟ้อง มี 4 กลุ่มประกอบด้วยประชาชนที่ได้รับมอบปลากระป๋อง เป็นโจทก์ที่ 1, นายสำเริง ผู้ประสานงานโครงการชีวิตสาธารณะ จ.พัทลุง เป็นโจทก์ที่ 2, น.ส.จุฑา เครือข่ายผู้บริโภคภาคใต้ เป็นโจทก์ที่ 3 และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในฐานะตัวแทนผู้เสียหายที่ได้รับบริจาคปลากระป๋องทั้งหมด เป็นโจทก์ที่ 4

น.ส.สารีกล่าวต่อว่า การฟ้องครั้งนี้ไม่ได้หวังเรียกค่าเสียหาย แต่ฟ้องเป็นบรรทัดฐานให้หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่จัดซื้อ จัดหา และจัดจ้าง ควรปฏิบัติหน้าที่อย่างดี

เลือกของมีคุณภาพมีความปลอดภัย ซึ่งแม้ว่าสิ่งของบางอย่างจะเป็นการบริจาคหรือแจกก็ตาม โดยการฟ้องครั้งนี้เชื่อว่าผู้บริโภคมีสิทธิ์ฟ้องได้ตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เพราะตามมาตรา 3 ของพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2541 ซึ่งได้บัญญัตินิยามความหมาย "ผู้บริโภค" ไว้ว่า นอกจากผู้ซื้อสินค้าแล้วยังรวมถึงผู้ใช้บริการและผู้ใช้สินค้า

น.ส.สารีกล่าวด้วยว่า นอกจากฟ้องแพ่งรมต. ปลัดกระทรวง บริษัทผู้ผลิต-จัดจำหน่าย กรรมการ และผู้ถือหุ้นแล้ว

ขณะนี้สำนักงานอย.แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ผลิต 3 ข้อหา คือ ทำการผลิตอาหารปลอมและมีฉลากเพื่อลวงหรือพยายามลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิด ตามมาตรา 27 (4), ผลิตอาหารผิดมาตรฐาน มาตรา 28 และผลิตอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 14 ตามพ.ร.บ.อาหารพ.ศ. 2522