เหยื่อการ์ดพธม. โดนยิงทิ้งน้ำ

ชายเสื้อขาวที่โดนการ์ดพันธมิตรรุมกระทืบแล้วลากตัวหายไป

ตกดึกโดนยิงคอทะลุบาดเจ็บสาหัส จับแก้ผ้าโยนทิ้งคูน้ำใกล้คลังสินค้าสุวรรณภูมิ หน่วยกู้ภัยมาพบนำส่งร.พ. เผยก่อนถูกตื้บมาขอความช่วยเหลือจากนักข่าวที่รถถ่ายทอดสด ระบุมาจากพิษณุโลกร่วมชุมนุม แต่กลัวไม่ปลอดภัย เลยอยากกลับ แต่การ์ดไม่ยอมปล่อย กระทั่งถูกทำร้าย ด้านตร.ภาค 1 รุดสอบปากคำ แต่ยังให้การไม่ได้ แม้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา

หน่วยกู้ชีพพบชายไม่ได้สวมเสื้อผ้าได้รับบาดเจ็บถูกทิ้งไว้ในคูน้ำ ใกล้กับทางเข้าอาคารผู้โดยสารฝั่งคลังสินค้า ห่างจากจุดที่การ์ดพันธมิตรตั้งด่านตรวจค้นไปประมาณ 150 เมตร พบมีร่องรอยบาดแผลถูกทำร้าย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่ด้านหลังกระสุนทะลุคอ และมีบาดแผลถูกของมีคมปาดที่บริเวณใต้คาง อาการสาหัส จึงนำส่ง ร.พ.นพรัตน์ราชธานี ถนนรามอินทรา

จากการสอบถามในเบื้องต้นทราบชื่อ นายชัยวัฒน์ มาลิละ อายุ 26 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 17 บ้านน้ำตาด ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ขณะนี้ พักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่ห้องไอซียู ร.พ.นพรัตน์ ราชธานี และยังไม่รู้สึกตัว โดยแพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และต่อท่อระบายอากาศออกจากปอด โดยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพยืนยันว่า นายชัยวัฒน์ เป็นบุคคลเดียวกับชายชุดขาวที่ถูกกลุ่มการ์ดพันธมิตร รุมทำร้ายร่างกายก่อนนำตัวไปสอบสวนในช่วงบ่ายวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้นายชัยวัฒน์ รู้สึกตัวก่อน เพื่อสอบถามให้แน่ใจว่าใช่ชายเสื้อขาวคนดังกล่าวหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุการณ์รุมทำร้ายชายเสื้อขาวนั้น ทางการ์ดพันธมิตรอ้างว่าต้องสงสัยเป็นนปช.แฝงตัวเข้ามาในสนามบินสุวรรณภูมิ

โดยก่อนจะถูกรุม ชายคนดังกล่าวเข้ามาขอความช่วยเหลือกับผู้สื่อข่าวที่บริเวณรถถ่ายทอดสด ที่จอดอยู่ด้านหลังอาคารจอดรถของท่าอากาศยาน โดยระบุว่า เดินทางจาก จ.พิษณุโลก มาเข้าร่วมชุมนุม และอยากกลับบ้าน เพราะเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย แต่การ์ดพันธมิตรไม่ยอมให้กลับ แต่ไม่ทันที่ผู้สื่อข่าวจะเข้าไปช่วยเหลือ ชายเสื้อขาวซึ่งอยู่ในอาการตื่นตกใจ เห็นการ์ดพันธมิตรวิ่งไล่เข้ามา จึงวิ่งหนีจนกระทั่งถูกจับกุมตัวและรุมทำร้าย ก่อนนำตัวไปสอบสวนกันเอง

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังร.พ.นพรัตน์ราชธานี และสอบถามพยาบาลถึงอาการบาดเจ็บของนายชัยวัฒน์ ทราบว่า อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

แต่ต้องระวังการติดเชื้อหลังจากการผ่าตัด โดยผู้ป่วยยังมีอาการปอดฉีก ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีตำรวจฝ่ายสืบสวนบช.ภาค 1 เดินทางมาสอบปากคำนายชัยวัฒน์ แต่ยังไม่สามารถให้การได้ อีกทั้งตลอดทั้งวันยังไม่มีญาติมาติดต่อขอเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบยังบ้านเลขที่ 36 หมู่ 17 บ้านน้ำตาด ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

ซึ่งเป็นที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชนของนายชัยวัฒน์ และพบกับนายสีวัย พรมโสภา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 17 บ้านน้ำตา โดยนาย สีวัยเปิดเผยว่า พ่อแม่ของนายชัยวัฒน์แยกทางกัน มี พี่น้อง 3 คน ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนบ้านพักเลขที่ 36 หมู่ 17 มีเพียงสำเนาทะเบียนบ้านเท่านั้น ส่วนตัวบ้านนั้นรื้อขายไปแล้ว ทราบแต่เพียงว่า พ่อของนายชัยวัฒน์มีครอบครัวอยู่ที่หมู่ 4 บ้านไร่วังเงิน ต.หนองกระท้าว พี่สาวมีครอบครัวอยู่ที่บ้านโพธิ์เจริญ หมู่ 23 ต.หนองกระท้าว ขณะที่นายชัยวัฒน์ไปๆ มาๆ กับพี่สาว แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเดินทางไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อไหร่ และญาติพี่น้องคงยังไม่ทราบว่านายชัยวัฒน์ถูกทำร้ายร่างกาย

"นายชัยวัฒน์เป็นคนไม่ค่อยเต็ม ผมไม่ทราบว่าเดินทางไปที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ตอนไหน เพราะครอบครัวเขาอยู่คนละทิศละทาง ช่วงหลังจึงไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับนายชัยวัฒน์ ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน เคยพบนายชัยวัฒน์ เนื่องจากถูกจับกุม เพราะไปซื้อของแล้วไม่มีเงินจ่าย ทางตำรวจได้ปล่อยตัวออกมา แต่ไม่ทราบว่ามีการดำเนินคดีหรือไม่ กระทั่งหายตัวไป ทราบจากผู้สื่อข่าวว่าถูกทำร้ายร่างกายที่กรุงเทพฯ" นายสีวัย กล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์