ฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันทำให้หลายพื้นที่ยังประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ จ.ลพบุรี น้ำยังท่วมขังในหลายพื้นที่ของ อ.เมืองลพบุรี และ อ.บ้านหมี่
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านหลายรายรอความช่วยเหลือไม่ไหวยอมควักกระเป๋าซื้อเรือเอง ทำให้เรือพายราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว วันเดียวกัน พระมหาสมัย จินตโฆสโก กรรมการและเลขานุการมูลนิธิแสงเทียน กทม. นำข้าวสารอาหารแห้ง 1,000 ชุด เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บ้านสระเตยใหญ่ ต.หนองทรายขาว อ.บ้านหมี่ พล.ต.ต.ณรงค์ มณีนพ ผบก.ตชด.ภาค 1 พร้อมคณะ นำเครื่องอุปโภคบริโภค 500 ชุด เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.บ้านหมี่เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ นำยาเวชภัณฑ์ 1,000 ชุด เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่วัดท่าแค อ.เมืองลพบุรีด้วย
โดย นพ.ปราชญ์กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 11-22 ก.ย. จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ออกให้บริการประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 21 จังหวัด จำนวน 863 หน่วย มีผู้เจ็บป่วยมารับบริการรวม 152,761 ราย เพิ่มขึ้นวันละกว่า 20,000 ราย
จ.ปราจีนบุรี น้ำจากแม่น้ำปราจีนบุรีเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี และ อ.ศรีมหาโพธิ บางแห่งระดับน้ำท่วมสูงรวม 2 เมตร
วันเดียวกัน นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก สภากาชาดไทย ผู้แทนพระองค์ฯมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยที่ ต.บ้านทาม อ.ศรีมหาโพธิ จำนวน 980 ชุด และพระสงฆ์วัดอรัญญ์ไพรศรี ต.บ้านทาม อีก 20 ชุด นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รักษาการ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยที่วัดหาดยาง หมู่ 2 ต.หาดยาง อ.ศรีมหาโพธิ แจกถุงยังชีพ 116 ชุด เป็นการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว พร้อมกับรับฟังรายงานสรุปจากทางจังหวัด ทราบว่าพื้นที่ของ จ.ปราจีนบุรี มีน้ำท่วม 4 อำเภอ 10 ตำบล ราษฎรได้รับผลกระทบ 4,015 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้วกว่า 1 แสนไร่ โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแบบยั่งยืนจะต้องสร้างเขื่อนทั่วประเทศ 8 แห่ง ส่วน จ.ปราจีนบุรีจำเป็นต้องสร้างเขื่อนห้วยโสมงเพื่อสกัดน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบเรื่องมรดกโลก หากไม่เกิดผลกระทบจะของบประมาณ 4,000 ล้านบาท ก่อสร้างทันที
ต่อมานายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รักษาการรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปตรวจเยี่ยมน้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาไหลมาบรรจบกัน พบว่าระดับน้ำสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง โดยนายสมศักดิ์สั่งการให้เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท และเขื่อนพระราม 6 จ.พระนครศรีอยุธยา ระบายน้ำลักษณะการพร่องน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร พร้อมกันนี้นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ขณะนี้น้ำท่วมพื้นที่เกษตรเสียหายทั่วประเทศแล้วกว่า 500,000 ไร่ เสียหายกว่า 600 ล้านบาท แต่คาดว่าสถานการณ์น่าจะรุนแรงน้อยกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนค่าชดเชยนั้นจะทำอย่างรอบคอบ ไม่มีทุจริตแน่นอน
นายศุทธนะ ธีวีระปัญญา ผวจ.อ่างทอง เปิดเผย ว่า ขณะนี้ระดับน้ำเจ้าพระยาริมตลิ่งหน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง สูง 6.7 เมตร เหลืออีก 90 ซม. น้ำก็จะล้นตลิ่ง
ส่วนที่หน้าเทศบาลตำบลป่าโมก ระดับน้ำสูง 5.98 เมตร เหลืออีกเพียง 2 ซม. น้ำก็ล้นตลิ่ง และระดับน้ำที่อำเภอไชโย สูง 8.37 เมตร เหลืออีก 63 ซม. จะล้นตลิ่งเช่นกัน ในระหว่างวันที่ 3-5 ต.ค. รับรายงานจากเขื่อนเจ้าพระยาว่าจะระบายน้ำออกจำนวน 2,200-2,500 ล้านลูกบาศก์เมตร/วินาที จะส่งผลให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และล้นตลิ่งไหลบ่าท่วมพื้นที่ อ.ไชโย อ.เมืองอ่างทอง และ อ.ป่าโมก พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานสถานการณ์น้ำ และตรวจตราจุดเสี่ยงที่ต้องป้องกันเป็นกรณีพิเศษด้วย