แนะหลัก 4 ป.ป้องกันไข้เลือดออก ผู้ป่วยซึม-หมดสติพบแพทย์ทันที
ฤดูฝนของทุกปีมักจะพบว่ามีผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดรักษาตามโรงพยาบาลของรัฐ เอกชน หรือคลินิก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพิ่มมากขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้น ที่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจ ที่อาจเป็นไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ แต่ก็มีโรคที่น่าสนใจ คือ “โรคไข้เลือดออก” ที่เป็นปัญหาต่อวงการสาธารณสุขทั่วโลกเพราะในแต่ละปีมีผู้ล้มป่วยจำนวนมาก ที่สำคัญ คือ อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้
“โรคไข้เลือดออก” มักเกิดขึ้นในเขตร้อนชื้นและเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศต่าง ๆ ที่มากกว่า 100 ประเทศ ในแถบแอฟริกา อเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความรุนแรงในแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นที่ทราบกันดีว่าโรคนี้มี “ยุงลายตัวเมีย” เป็นพาหะนำโรค
อย่างไรก็ตาม มีการประมาณการกันว่า มี ประชากรประมาณ 2,500 ล้านคน ในประเทศที่มี การระบาดจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้เลือดออก มีการ ประมาณว่าจะมีการติดเชื้อโรคนี้ปีละ 50 ล้านคน และต้องนอนโรงพยาบาลมากกว่า 500,000 คนต่อปี มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 2.5 แต่อาจจะ สูงถึงร้อยละ 20 แต่หากให้การรักษาอย่างดีอัตราการ เสียชีวิตอาจจะลดลงต่ำกว่าร้อยละ 1 การติดเชื้อโรคไข้เลือดออก เกิดจากยุงลายตัวเมีย ไปกัดคนที่ป่วยเป็นไข้เลือดออก โดยเฉพาะช่วงที่มีไข้สูง เชื้อไวรัสเดงกี่จะเพิ่มจำนวนในตัวยุงประมาณ 8-10 วัน ซึ่งเชื้อไวรัสนี้จะไปที่ผนังกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุง ซึ่งเมื่อยุงลายตัวที่มีเชื้อโรคไปกัดคนอื่นก็จะแพร่เชื้อไปยังคน ๆ นั้นทันที ที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็ก โรคนี้ระบาดในฤดูฝน โดยยุงลายชอบออกหากินในเวลากลางวันที่มีอยู่ตามบ้านเรือน และโรงเรียน และชอบวางไข่ตามภาชนะ ที่มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์ กะลา กระป๋อง จานรองขาตู้กับข้าว แต่ไม่ชอบวางไข่ในท่อระบายน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง