พิษเศรษฐกิจ เสี่ยปั๊มยิงตัว

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ส.ค. ร.ต.ท.พิภพ นามพุทธา ร้อยเวร สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุยิงตัวตายที่ปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ระหว่าง กม. ที่ 68-69 หมู่ 2 ต.ชะแมบ

จึงนำกำลังตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภคิน นาครินทร์ ผกก. พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รอง ผกก.สส. แพทย์เวร รพ.วังน้อย ตำรวจวิทยาการ และหน่วยกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง   ที่เกิดเหตุเป็นบ้านตึกชั้นเดียวเลขที่ 56/1 ตั้งอยู่หลังปั๊มน้ำมันดังกล่าว ภายในห้องนอนพบศพนายสุรพล ภาคเดช อายุ 68 ปี เจ้าของปั๊ม นอนตายคว่ำหน้านุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ลายเขียวสลับขาว มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน .38 เข้าขมับขวาทะลุขมับซ้าย 1 นัด มันสมองปนเลือดทะลักไหลนองเต็มที่นอน ข้างศพพบปืนทูตมรณะตกอยู่ ในลูกโม่มีปลอก กระสุนคาอยู่ 1 ปลอก กับกระสุนอีก 4 นัด จึงเก็บไว้ เป็นหลักฐาน 

สอบสวนนายราชรุจิ ภาคเดช อายุ 36 ปี ลูกชายให้การว่า ครอบครัวทำธุรกิจปั๊มน้ำมันมานาน โดยบริเวณปั๊มมีเนื้อที่ 17 ไร่ ด้านหน้าเป็นสถานีบริการน้ำมันกับร้านค้าและร้านซ่อมครบวงจร

ส่วนด้านหลังปลูกบ้านของ พ่อกับแม่ พร้อมสวนต้นไม้ และเพิ่งแบ่งเนื้อที่ส่วนหนึ่งสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เช่าจำนวน 40 ห้อง ก่อสร้างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนเกิดเหตุตนนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศด้านหน้าปั๊ม ส่วนพ่อกับแม่พักผ่อนอยู่ที่บ้าน และทราบว่าขณะที่แม่เผลอหลับไปพ่อฉวยโอกาสใช้ปืนพกยิงปลิดชีพตัวเอง  ลูกชายผู้ตายให้การอีกว่า ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาสุขภาพและเครียดเรื่องหนี้สิน เพราะก่อนหน้านี้พ่อป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ประกอบกับช่วงนี้เศรษฐกิจของประเทศน่าเป็นห่วง ราคาน้ำมันก็ไม่แน่นอน จนต้องประคับประคองธุรกิจมาตลอด ล่าสุดได้กู้เงินธนาคารมาสร้างอพาร์ตเมนต์หลายล้านบาท แต่ยังสร้างไม่เสร็จถึงเดือนต้องจ่ายดอกธนาคารจำนวนมาก ทำให้พ่อเครียดจัดเคยบ่นกับคนใกล้ชิดว่าไม่อยากอยู่ให้เป็นภาระกับใคร   กระทั่งแม่เป็นห่วงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ไม่วายพ่อฉวยโอกาสยิงตัวตายสำเร็จในที่สุด