จากคดีฉาวเขย่าวงการศึกษาที่ น.ส.เฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 3 คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.รักเกียรติ แย้มบางยาง สารวัตรเวร สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ขอให้ ดำเนินคดี ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ อายุ 41 ปี อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน ในข้อหากระทำอนาจาร โดยมีภาพถ่ายวีดิโอ ที่ ผศ.จักรฤทธิ์ลวนลามโอบ กอดนักศึกษาสาว ในห้องพักอาจารย์ชั้น 3 อาคารคณะศิลปศาสตร์ เป็นหลักฐานสำคัญนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. พ.ต.ท.ปรัชญา คงสกุล รอง ผกก.สส.สภ.วารินชำราบ และ พ.ต.ต.รักเกียรติ แย้มบางยาง สารวัตรเจ้าของคดี
ได้ส่งหมายเรียกไปยังอธิการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ขอความร่วมมือให้ส่งตัวนายจักรฤทธิ์ อุทโธ ไปให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ จากนั้นได้นำตัว น.ส.เฟิร์นผู้เสียหาย ไปชี้จุดเกิดเหตุที่ห้องพักอาจารย์ชั้น 3 อาคารคณะศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นห้องพักของนายจักรฤทธิ์เพียงคนเดียว และอยู่ในมุมอับ จากนั้น พ.ต.ท.ปรัชญาเปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ให้ช่วยส่งภาพหลักฐานในคดีไปให้ด้วย เนื่องจากนายวิชาเป็นผู้ที่ให้ความสนใจกับสิทธิและบทบาทของสตรี และเด็กเป็นอย่างมาก
ส่วนนายประกอบ วิโรจน์กูฏ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี หลังได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน ได้เรียกประชุมรองอธิการบดีทุกฝ่าย รวมทั้งประธานสภาอาจารย์ และคณบดีคณะศิลปศาสตร์
ซึ่งที่ประชุมได้เห็นพ้องกันให้ออกแถลงการณ์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ความว่า ตามที่มีการแจ้งความดำเนินคดี เรื่องพฤติกรรมของอาจารย์ ในข้อกล่าวหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้รับทราบเรื่องดังกล่าว เพื่อคุ้มครองสิทธิของนักศึกษา กอปรกับเป็นการดำเนินการตามจรรยาบรรณอาจารย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยสั่งพักราชการอาจารย์ที่ถูกกล่าวหา ตามคำสั่งที่ 142 (2)/2551 ลว. 30 มิ.ย. 51 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ตามคำสั่งที่ 141 (2)/2551 ลว. 30 มิ.ย. 51 และทางมหาวิทยาลัย จะให้ความร่วมมือพนักงานสอบสวนในส่วนของคดีดังกล่าวอย่างเต็มที่
นายประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
เพื่อดำเนินการเอาผิดกับนายจักรฤทธิ์แล้ว โดยมีรองอธิการบดีเป็นประธาน เพราะถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายและจรรยาบรรณอย่างชัดแจ้ง จะทราบผลใน 1 สัปดาห์ เพราะมีหลักฐานที่ผู้เสียหายได้บันทึกไว้ชัดเจน โทษสูงสุดของการกระทำลักษณะนี้คือการให้ออกจากราชการ ซึ่งจะไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ และจะขยายผลตรวจสอบไปถึงการให้เกรดของนายจักรฤทธิ์ที่ผ่านมาด้วยว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ เพื่อจะพิจารณาลงโทษต่อไป พร้อมกันนี้ตนได้สั่งการให้พักราชการนายจักรฤทธิ์ จนกว่าผลสอบสวนทางวินัยจะออกมา ซึ่งจะมีผลตั้งแต่บัดนี้