คดีช็อกยุ่น- แฟ้มภาพนายทสึโทมุ มิยาซากิ วัย 45 ปี (คนกลางสวมแว่น) เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2532 ขณะตำรวจพาตัวไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเด็กหญิง 4 ราย กระทั่งเมื่อ 18 มิ.ย.2551 นายมิยาซากิถูกประหารชีวิตแล้ว ตามข่าว (ภาพ-เอพี) |
รวมถึงนายทสึโทมุ มิยาซากิ วัย 45 ปี ฆาตรกรต่อเนื่องเจ้าของฉายา "ฆาตกรเด็กหญิง" และ "แดร็กคิวล่า" ที่ก่อคดีสุดสะเทือนขวัญลงมือลักพาตัว ฆ่าหั่นศพ ข่มขืนศพ กินเนื้อ และดื่มเลือดเด็กหญิง 4 ราย
"อาชญากรรมอันโหดร้ายผิดมนุษย์ที่ผู้ต้องหาทำลงไปเพื่อตอบสนองความหื่นกระหายทางเพศของตัวเอง ทำให้ศาลไม่มีช่องว่างใดๆ ที่จะลดโทษให้" ผู้พิพากษาโทกิยาสุ ฟูจิตะ แห่งศาลสูงญี่ปุ่น กล่าว หลังยืนโทษประหารชีวิตนายมิยาซากิด้วยการแขวนคอ แม้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 2 คนจะระบุตรงกันว่า ผู้ต้องหารายนี้ป่วยเป็นโรคจิตเภทขั้นรุนแรงและเป็นคน 2 บุคลิก
ตำรวจจับกุมตัวนายมิยาซากิได้ในสวนสาธารณะจังหวัดไซตามะเมื่อปี 2532
หลังจากพยายามยัดเลนส์กล้องถ่ายรูปเข้าไปในอวัยวะเพศของเด็กหญิง แต่เคราะห์ดีที่พ่อเด็กมาช่วยเหลือทันเวลา ส่วนนายมิยาซากิวิ่งหลบหนีไปแต่หวนกลับมาเอารถยนต์จึงถูกตำรวจล็อกตัว เมื่อไปค้นบ้านพักของคนร้ายที่อยู่ใกล้ๆ กันถึงกับตกตะลึง เพราะพบเทปวิดีโอหนังและการ์ตูนที่มีเนื้อหาวิปริตลามกอนาจาร รวมทั้งวิดีโอฆาตกรรมโหดกว่า 6,000 ม้วน และนายมิยาซากิยังอัดเทปเหยื่อแต่ละรายเอาไว้ด้วย
จากการสอบสวนพบว่า เหยื่อทั้ง 4 รายของนายมิยาซากิเป็นเด็กหญิงอายุ 4-7 ขวบ อาศัยอยู่ในเขตไซตามะและกรุงโตเกียว
เมื่อลักพาตัวเหยื่อมาถึงที่พัก นายมิยาซากิจะฆ่าหั่นศพเป็นชิ้นๆ จากนั้นจึงเอาซากศพมาวางไว้ข้างที่นอนเพื่อข่มขืน นอกจากนั้น ยังเอาชิ้นส่วนศพบางชิ้นไปทำอาหาร และดูดเอาเลือดของเหยื่อมาดื่มกินอีกด้วย คดีนี้ใช้เวลาพิจารณานับสิบปี ระหว่างขึ้นศาล นายมิยาซากิอ้างว่า "มนุษย์หนู" เป็นคนฆ่าเด็กๆ ไม่ใช่ตน
ในวันเดียวกับที่มีการประหาร นายยาสึโอะ ฟูคุดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีโทษประหารต่อไป ตามที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็จะฟังเสียงประชาคมโลกด้วย