"สารวัตรท่องเที่ยว"ปฏิเสธลั่นไม่ได้ทำร้ายใคร หลังถูกคู่กรณีเข้าแจ้งความดำเนินคดี ระบุถูกอีกฝ่ายรุมยำจนอ่วมอรทัย
บาดเจ็บหนักต้องนอนรักษาตัวที่ รพ. เตรียมแจ้งความกลับ ขณะที่ผู้เสียหายเผยพา น้องชายหนุ่มนักเรียนนอกซึ่งกลับจาก ตปท. ไปเลี้ยง เคราะห์ร้ายดันไปมีเรื่องกับโต๊ะข้าง ๆ ซึ่งอ้างตัวเป็น จนท. โวยวายว่าขโมยเหล้าที่โต๊ะมากิน จนหวิดมีเรื่อง โชคดีเจ้าของร้านห้ามไว้ทัน สุดท้ายร้านเลิกออกมาลานจอดรถ อีกฝ่ายตามมารุมยำน้องจนได้รับบาดเจ็บ “ผู้การ ทท.” ตวัดปากกาเด้ง “พ.ต.ต.” ลูกน้องในสังกัด ไปช่วยราชการที่ “พิษณุโลก” พร้อมตั้งกรรมการสอบทันควัน “อัศวิน” ของขึ้นลั่น ฟันไม่เลี้ยงตำรวจนอกรีต ประสานต้นสังกัดให้ออกจากราชการไว้ก่อน ยัวะมอดปลวกกัดสตช.เก็บไว้ไม่ได้
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 28 พ.ค. ร.ต.ท.สุเมธ เนื่องขันตรี ร้อยเวร สน.ทองหล่อ
รับแจ้งจากนายพงษ์พิชาญ เชื้อสมบูรณ์ อายุ 25 ปี ว่าถูกชายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายตน และน้องชาย โดยคู่กรณียิงปืนขู่ที่หน้าสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ก่อนที่ จะขับรถยนต์ติดเครื่องหมายตำรวจท่องเที่ยวหลบหนีไป รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบนายพงษ์พิชาญยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ เจ้าตัวหน้าตาตื่นยังไม่หายตกใจ ส่วนคนเจ็บคือนายวิศเวศ เชื้อสมบูรณ์ อายุ 21 ปี พลเมืองดีนำส่ง รพ. ไปก่อนหน้า
จากการสอบสวนนายพงษ์พิชาญให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้มาเที่ยวสถานบันเทิง กับนายวิศเวศ น้องชายที่เพิ่งกลับมาจากเรียนที่ต่างประเทศ
ขณะที่กำลังสนุกอยู่ จู่ ๆ มีชายที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ เดินมาโวยวายกล่าวหาว่าพวกตนขโมยเหล้ากิน เกิดโต้เถียงกันขึ้น โดยชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นนายตำรวจยศสารวัตร ขณะเหตุการณ์ตึงเครียด โชคดีเจ้าของร้านมาห้ามไว้ทัน จึงแยกย้ายกันไป เมื่อร้านปิดตนกับน้องชายเดินไปที่รถเพื่อกลับบ้านก็พบว่าล้อถูกล็อก ตนจึงย้อนเข้าไปถาม รปภ. ร้านดังกล่าว ปล่อยให้น้องยืนรออยู่ด้านนอก กระทั่งทราบว่าชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจพาพวกมารุมทำร้ายน้อง จึงรีบวิ่งไปห้าม แต่กลับถูกอีกฝ่ายชักปืนออกมาขู่พร้อมกับยิงขึ้นฟ้า 4 นัด ก่อนที่จะขึ้นรถตราโล่มีเครื่องหมายของตำรวจท่องเที่ยวหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายคนดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ทั้งนี้จะประสานกับตำรวจท่องเที่ยวติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สายวันเดียวกัน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวว่า
เบื้องต้นทราบว่าตำรวจที่ก่อเหตุคือ พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สารวัตร กก.10 บก.ทท. ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรมเจริญ ผบก.น.5 สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ไปอายัดตัว พ.ต.ต.จารุวัฒน์ ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ซึ่งอ้างว่าถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ มาดำเนินคดีแล้ว โดยแจ้งข้อหาทำร้ายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ฟ้องโดน พ.ต.ต.รุมยำ
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้ประสานไปยังต้นสังกัดของ พ.ต.ต.จารุวัฒน์ เพื่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน
พร้อมตั้งกรรมการสอบสวน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่แต่กลับกระทำผิดเสียเอง เชื่อว่าทางต้นสังกัด จะต้องให้ออกจากราชการอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อยู่ที่ต้นสังกัดว่าจะดำเนินการอย่างไร ทราบว่าขณะ ดื่มกินกันอยู่ตำรวจคนดังกล่าวได้ทะเลาะกับนาย วิศเวศ หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ออกมาที่หน้าร้าน พร้อมกับมีปากเสียงกันอีกครั้ง จากนั้น พ.ต.ต.จารุวัฒน์ ไปนำอาวุธปืนภายในรถออกมา แล้วชี้ไปที่คู่กรณีให้นอนหมอบลงกับพื้น ก่อนจะรุมทำร้าย โดยใช้อาวุธปืนตบที่หน้า 1 ครั้ง แต่ปืนเกิดลั่น เลยยิงขู่ไปอีก 1 นัด เมื่อได้ยินเสียงปืนพวกของนายวิศเวศพยายามเข้ามาช่วยทาง พ.ต.ต.จารุวัฒน์ จึงใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าอีก 3 นัด ก่อนที่จะแยกย้ายหลบหนีไป ส่วนผู้เสียหายพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเข้าแจ้งความดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ชูชาติ สุวรรณาคม ผบก. ทท. กล่าวว่า ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ให้รายงานข้อเรื่องทั้งหมดให้ทราบภายใน 7 วัน นอกจากนี้ยังส่งให้ไปดูสำนวนจากพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุด้วย เบื้องต้นมีคำสั่งให้ พ.ต.ต.จารุวัฒน์ ไปช่วยราชการที่ฝ่ายปฏิบัติการ 6 จ.พิษณุโลก จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะเสร็จสิ้น ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน ผิดก็ว่าไปตามผิด
ที่โรงพยาบาลตำรวจ เที่ยงวันเดียวกัน พ.ต.ท.ชนิน วชิรปาณีกูล รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ พร้อม พ.ต.ท.บุญชู รัตกิจนากร สวส. สน.ทองหล่อ
ได้เดินทางแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมสอบปากคำ พ.ต.ต.จารุวัฒน์ โดยหลังเกิดเหตุ พ.ต.ต.จารุวัฒน์ ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ เบ้าตาซ้ายบวมช้ำ นัยน์ตามีเลือดคั่ง ศีรษะปูดบวม ขมับ และท้ายทอยถูกตีด้วยของแข็งจนบวมช้ำ หลังเท้าขวาบวม ซึ่งผลการเอกซเรย์ มีเลือดคั่งในสมองเล็กน้อย พ.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพานักศึกษาฝึกงาน 5 คน ไปเลี้ยงที่ผับดังกล่าว ระหว่างดื่มกินอยู่นั้น คู่กรณีเป็นชายวัยรุ่นมานั่งดื่มกินอยู่โต๊ะข้าง ๆ โดยขอวางเครื่องดื่มไว้ใกล้กับโต๊ะตน ต่อมาเหล้าของคู่กรณีหมด จึงมาหยิบเหล้าของกลุ่มตนไปรินใส่แก้ว ครั้งแรกก็ไม่ว่า พอครั้งที่ 2 เห็นว่าไม่เหมาะสม จึงเตือนไปว่าทำอย่างนี้ไม่ดี ซึ่งคู่กรณีต่างมองหน้าตน ก่อนจะขอโทษด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
กระทั่งผับเลิกขณะที่ตนเดินออกจากร้าน กลุ่มวัยรุ่น 4 คน ซึ่งดักรออยู่หน้าประตูร้านก็กรูเข้ามาต่อว่าพูดในร้านไม่สวย
ก่อนทั้งหมดจะรุมชกต่อย แต่ตนหลบทัน แต่หนึ่งในคนร้ายฉวยโอกาสใช้ขวดเบียร์ตีที่ท้ายทอยจนตนทรุดลงไปกองกับพื้น ก่อนถูกรุมกระทืบจนสะบักสะบอม ระหว่างนั้นนักศึกษาฝึกงานที่มากับตนร้องให้คนช่วย แต่ไม่มีใครกล้าช่วย ซึ่งเมื่อกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายจนหนำใจทั้งหมดก็จะวิ่งหนีไป
สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว กล่าวต่อว่า เมื่อตั้งสติได้ตนจึงได้ไปถามผู้จัดการร้านว่า วัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นใคร ทำไม รปภ.ร้านไม่เข้ามาห้าม
ซึ่งได้รับคำตอบว่าอาจเป็นลูกค้าประจำ ทั้งนี้ขณะที่ตนไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ มีผู้หญิงซึ่งอยู่กลุ่มคู่กรณี เข้ามากล่าวขอโทษกับน้อง ๆ นักศึกษาฝึกงาน ซึ่งน้องนักศึกษาบอกไปว่า ทำตนทำไม ทั้งที่ตนเป็นตำรวจ เขาก็ไม่ฟัง พร้อมกับบอกว่า “ไม่เป็นไร พ่อเขาใหญ่เคลียร์ได้” ที่สำคัญระหว่างที่จะเดินไปแจ้งความ ปรากฏว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้มาดักรอตนอยู่ฝั่งตรงข้าม ตนเห็นท่าไม่ดี จึงกลับไปที่รถหยิบปืนมาป้องกันตัว เนื่องจากเกรงจะไม่ปลอดภัย ระหว่างที่จะเดินข้ามถนนไป สน.ทองหล่อ กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้กรูกันมาจะทำร้ายอีกครั้ง ตนจึงใช้ปืนตบศีรษะคู่กรณี ส่วนที่เหลือหยิบก้อนหิน และกระถางต้นไม้เตรียมจะทุ่มใส่ ตนจึงต้องยิงขึ้นฟ้า 2 นัด ทั้งหมดเลยพากันวิ่งหลบหนีไป หลังเกิดเหตุตนได้โทรศัพท์แจ้งพนักงานสอบสวนว่าจะเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ แต่ขอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน
พ.ต.ท.ชนิน กล่าวว่า จากการสอบสวน พ.ต.ต.จารุวัฒน์ ให้การปฏิเสธ
แต่เนื่องจาก พ.ต.ต.จารุวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บยังต้องนอนพักรักษาตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้นัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และยิงปืนในที่สาธารณะเอาไว้ก่อน ส่วนกรณีที่ พ.ต.ต.จารุวัฒน์ ประสงค์จะแจ้งความกลับคู่กรณี ต้องดูว่ามีพยานหลักฐานรองรับ หรือคดีมีมูลหรือไม่ ตำรวจจึงจะสอบปากคำคู่กรณีได้ อย่างไรก็ตามแม้คดีนี้ตำรวจจะตกเป็นผู้ต้องหา แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน.