เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 เม.ย. ร.ต.ท.คชา ศรชัย พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ราษฎร์บูรณะ
รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทอง ที่ห้างทองโต๊ะกังเฮ่งกี่เยาวราช เลขที่ 348 ปากซอย ประชาอุทิศ 52 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.คงศักดิ์ ปานน้อย สว.สส.สน. ราษฎร์บูรณะ และเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา สูง 4 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายทองรูปพรรณ ภายในร้านพบนาย ธวัชชัย ธนพรพัฒน์ อายุ 55 ปี เจ้าของร้าน และนางอุไรวรรณ ธนพรพัฒน์ อายุ 58 ปี พี่สาว ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในสภาพตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
โดยนายธวัชชัยให้การว่า ช่วงเกิดเหตุอยู่ในร้านกับพี่สาวเพียง 2 คน
ขณะนั้นยังไม่มีลูกค้า จู่ๆมีชายสวมเสื้อแจ็กเกตสีฟ้า กางเกงยีนส์ สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน ถือกระเป๋าสะพายสีครีม เดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แล้วยื่นกระดาษเอ 4 ส่งมาให้ตนอ่านใจความว่า “มีระเบิดพร้อมจะทำงาน ส่งทองมา 4 บาท” พี่สาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์โดยตลอดบอกให้ทำตามที่คนร้ายขอ ประกอบกับเห็นด้ามปืนสีดำที่เอวคนร้าย เลยจำใจหยิบสร้อยคอทองคำ หนักเส้นละ 1 บาท ส่งให้คนร้ายไป 4 เส้น แต่เมื่อคนร้ายหันหลังวิ่งไปเปิดประตูร้านเพื่อหลบหนี ตนตัดสินใจหยิบปืนขนาด .38 ที่ซื้อไว้ป้องกันตัว และเก็บไว้ในลิ้นชัก ยิงไล่หลังไป 2 นัด แต่ไม่รู้ว่ายิงถูกหรือไม่ เพราะคนร้ายวิ่งออกไปขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงที่จอดติดเครื่องอยู่หน้าร้านหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยร้านทองปืนไว ยิงไล่หลัง 2นัดโจรหนีไม่รอด
หลังได้ข้อมูลเบื้องต้น ร.ต.ท.คชา ศรชัย เจ้าของคดีได้วิทยุสกัดจับคนร้ายอย่างเร่งด่วน
โดยรับแจ้งจากพลเมืองดีในเวลาไล่เลี่ยกันว่า ผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้าย ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ รับจ้างได้รับบาดเจ็บ ที่หน้าวิเศษสุขคอนโดมิเนียม ซอยประชาอุทิศ 55 จึงรุดไปตรวจสอบ พบผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นคนร้ายที่เพิ่งก่อเหตุบุกปล้นร้านทอง นอนกองอยู่กับพื้น ทราบชื่อต่อมาคือนายนิวัฒน์ นิเต็ม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 905 หมู่ 1 แขวงและเขตทุ่งครุ กทม. มีบาดแผลถูกยิงที่สะบักหลังขวาทะลุหน้าอกขวา 1 นัด และที่ไหล่ซ้าย 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ พร้อมให้ตำรวจสายตรวจคอยเฝ้าอย่างเข้มงวด เบื้องต้นยังไม่สามารถให้การได้ ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนนำรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า นูโว สีบรอนซ์ ทะเบียน ยรษ กรุงเทพมหานคร 74 ของนายนิวัฒน์ที่ล้มคว่ำอยู่ใกล้ๆ ปืนปลอมแบบแมกกาซีน 1 กระบอก สร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท 4 เส้น และกระเป๋าเสื้อผ้าอีก 1 ใบไว้เป็นหลักฐาน
นายบุญทัน สำเภา อายุ 45 ปี คนขี่จักรยานยนต์ รับจ้าง ในซอยประชาอุทิศ 45 ให้การว่า
ขณะขี่รถจักรยานยนต์ อยู่ภายในซอย เห็นรถจักรยานยนต์คู่กรณีขี่คร่อมเลนสวนมาจนเกิดชนกัน พอลุกขึ้นได้จึงเดินเข้าไปดูอาการคู่กรณีที่ยังลุกไม่ขึ้น จังหวะนั้นมีคนขี่จักรยานยนต์ตามมาตะโกนให้จับตัวไว้ เพราะเพิ่งก่อเหตุปล้นร้านทองมา จึงล็อกตัวไว้ก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามมา ด้านนายธวัชชัยเปิดเผยอีกครั้งหลังทราบข่าวจับกุมคนร้าย และไปชี้ตัวยืนยันว่า เมื่อตอนปี 2529 ร้านทองของตนเคยถูกคนร้ายบุกปล้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นคนร้ายใช้ระเบิด เป็นข่าวใหญ่โต มีคนตายด้วย ผู้ต้องหาติดคุกอยู่ 7-8 ปี ออกมายังเคยมาทักตน เมื่อปีที่แล้วก็โดนวิ่งราวสร้อยทอง คิดว่าต่อไปจะไม่ยอมแล้ว ใครเข้ามาปล้นอีกจะยิงทิ้งให้หมด แต่สำหรับครั้งนี้กลัวนิดหน่อย เพราะในใจคิดอยู่ว่าคนร้ายมีระเบิดจริงมั้ย ถ้าจริงจะทำยังไง แต่พอคนร้ายหันหลังให้เลยตัดสินใจคว้าปืนยิงใส่ทันที
สำหรับร้านทองแห่งนี้ เมื่อปี 2529 หรือ 22 ปีที่แล้ว เคยถูกคนร้ายบุกปล้นมาครั้งหนึ่ง
เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 2 ต.ค. นายวิเชียร ม่วงมี แต่งกายคล้ายทหาร บุกเดี่ยวใช้ระเบิดเอ็ม 26 ขู่นายธวัชชัย ธนพรพัฒน์ เจ้าของร้าน ก่อนคว้าสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ไปทั้งหมด 8 เส้น ขึ้นรถแท็กซี่หลบหนี ระหว่างนั้น ส.ต.ท.สุชาติ ทองศักดิ์ สายตรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ที่พาลูกเมียไปฝากเงินในธนาคารออมสิน เห็นเหตุการณ์ ให้ลูกเมียรออยู่ที่ธนาคาร ส่วน ส.ต.ท.สุชาติสวมวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ ขี่รถจักรยานยนต์ไล่กวดคนร้ายจนมาทันกันที่สะพานวัดสารอด ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. นายวิเชียรลงรถหลบหนี แต่ถูก ส.ต.ท.สุชาติใช้ปืนเล็งพร้อมตะโกนให้มอบตัว แต่นายวิเชียรไม่ยอมขว้างลูกระเบิดใส่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ ส.ต.ท.สุชาติลั่นไก กระสุนถูกนายวิเชียรเข้าที่เบ้าตาขวาบาดเจ็บสาหัส ส่วน ส.ต.ท.สุชาติ ถูกระเบิดฉีกร่างเสียชีวิต โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นข่าวเกรียวกราวถึงขนาดทำเป็นละครวันตำรวจในปีนั้น โดยให้ นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช แสดงเป็น ส.ต.ท.สุชาติ คู่กับ กวาง-กมลชนก โกมลฐิติ